7 วิธีเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ช่วยลดฝุ่นและกำจัดเชื้อโรคในบ้าน

 

เครื่องฟอกอากาศ คืออะไร มีประโยชน์ยังไง มีวิธีการเลือกซื้ออย่างไร มาดูหลักการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ ข้อดี และข้อเสีย ก่อนตัดสินใจซื้อกันค่ะ 


เครื่องฟอกอากาศ

          ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้อากาศรอบ ๆ ตัวเรามีมลภาวะมากเหลือเกิน ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ตามท้องถนนเท่านั้น แต่ในบ้านของเราก็ยังเต็มไปด้วยมลภาวะทางอากาศที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง แบคทีเรีย ไวรัส และสิ่งปนเปื้อนที่มากับอากาศ หากวันนี้กำลังจะหาตัวช่วยในการกำจัดสิ่งเหล่านี้ เช่น เครื่องฟอกอากาศ มาใช้ในบ้าน วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีข้อมูลของเครื่องฟอกอากาศมาฝากไว้ให้พิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ จะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วเครื่องฟอกอากาศจำเป็นกับเราจริงหรือเปล่า ? 

เครื่องฟอกอากาศ

เครื่องฟอกอากาศ คืออะไร ?

          เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier หรือ Air Cleaner) คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมในอากาศ เช่น ฝุ่น แบคทีเรีย ไวรัส ต้นเหตุที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่าง กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอับ กลิ่นเหม็นในบ้านให้หายไป ซึ่งเครื่องฟอกอากาศทำงานโดยการดูดอากาศเข้าตัวเครื่องผ่านตัวกรองเพื่อดักจับสิ่งเหล่านี้เอาไว้ แล้วปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาแทน 

ระบบการทำงานเครื่องฟอกอากาศ 

          แม้ในตอนนี้เครื่องฟอกอากาศจะมีการเพิ่มฟังก์ชันเข้าไปมากมาย แต่สามารถแบ่งระบบการทำงานของเครื่องฟอกอากาศออกได้ 5 ระบบหลัก ๆ ตามการทำงาน ดังนี้ 

1. Air filters

          Air Filter หรือแผ่นกรองอากาศ ระบบดักจับฝุ่นละออง แบคทีเรีย ไวรัส หรือสารต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ มีทั้งประเภทที่ทำจากกระดาษ เส้นใย ตาข่าย แต่แบบที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบันคือแผ่นกรองอากาศแบบ HEPA หรือ High Efficiency Particulate Air ประเภทแผ่นกรองที่ผลิตจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กอย่างน้อย 0.3 ไมครอน และมีประสิทธิภาพในการดักจับได้ไม่น้อยกว่า 99.97% อายุเฉลี่ยการใช้งานอยู่ที่ 3-5 ปี 

2. Electrostatic Precipitator

          Electrostatic Precipitator ระบบกรองอากาศที่ทำงานโดยใช้หลักไฟฟ้าสถิต ด้วยการปล่อยประจุไฟฟ้าลบออกมาจับฝุ่นนละอองหรืออนุภาคขนาดเล็กที่เป็นประจุบวกให้เป็นกลุ่มก้อน เพื่อทำให้มีน้ำหนักมากขึ้นแล้วตกลงสู่พื้น ไม่ลอยฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ 

3. Gas-phase air filters

          Gas-phase air filters ระบบที่มีไว้สำหรับกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ทำงานโดยการใช้สารเคมี เช่น ถ่านกัมมันต์ หรือที่เรียกกันว่า แอคทิเวเต็ด คาร์บอน (Activated Carbon) มาช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ และก๊าซพิษออกไป 

4. Ozone generator

          Ozone generator ระบบที่ใช้แสงยูวีหรือการปล่อยกระแสไฟฟ้าในการสร้างโอโซน เพื่อฆ่าเชื้อโรค สารเคมี รวมถึงกำจัดกลิ่นที่ปะปนมาในอากาศให้สลายไป และทำให้อากาศกลับมาสะอาดอีกครั้ง 

5. UV Light

          UV Light เป็นระบบที่นำรังสีอัลตราไวโอเลตมาใช้ในการกำจัดเชื้อโรคต่าง ๆ อาทิ แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา หรือสารอื่น ๆ ในอากาศที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ 

เครื่องฟอกอากาศ

การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ 

1. ขนาดห้อง

          เลือกขนาดของเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับห้องหรือพื้นที่ที่จะติดตั้ง เพราะเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นมีประสิทธิภาพในการทำงานครอบคลุมพื้นที่ที่แตกต่างกัน เช่น ถ้าเราซื้อเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก แต่เอาไปวางไว้ในห้องขนาดใหญ่ ก็จะทำให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากนำเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ไปวางไว้ในห้องเล็ก ๆ ก็จะทำให้เปลืองไฟ ที่สำคัญห้องที่ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศควรเป็นห้องปิด เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

2. ระบบการทำงาน

          สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่ต้องดูก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศคือ ระบบการทำงาน ว่ามีคุณสมบัติตอบโจทย์และตรงกับความต้องการในการใช้งานของเราหรือไม่ โดยให้เน้นไปที่ชนิดของฟิลเตอร์หรือแผ่นกรองเป็นหลัก ควรเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่มี เฮปป้า ฟิลเตอร์ (HEPA filter) ซึ่งช่วยกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ดีและดักจับฝุ่นละอองได้มาก รวมไปถึงความจำเป็นในการใช้ฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ ที่มากกว่าแค่การกรองอากาศหรือกำจัดกลิ่น เช่น เซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ, ตัวระบุการเปลี่ยนแผ่นกรอง, ตัวควบคุมความเร็ว และรีโมตสั่งการ ก็ถือเป็นคุณสมบัติที่เราควรนำมาพิจารณาด้วยเหมือนกัน เพราะเป็นส่วนที่มีผลทำให้แต่ละเครื่องแต่ละแบรนด์มีราคาแตกต่างกัน

3. ค่า Airflow

          ค่า Airflow หรือตัววัดความเร็วลม จากปริมาณของอากาศที่ถูกดูดเข้าไปและเวลาในการปล่อยอากาศออกมาจากเครื่องฟอกอากาศ หากเครื่องฟอกอากาศมีค่า Airflow สูงก็หมายความว่า เครื่องฟอกอากาศรุ่นนั้นมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้เร็วนั่นเอง

4. ค่า CADR

          ค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) หรืออัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ต่อนาที ซึ่งเป็นค่าสากลที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ ยิ่งมีค่า CADR สูงมากเท่าไร ก็แสดงให้เห็นว่าเครื่องฟอกอากาศมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นเท่านั้น

5. ระดับเสียง

          ระดับเสียงการทำงานของเครื่องฟอกอากาศก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม โดยเครื่องฟอกอากาศที่ดีควรมีระดับเสียงต่ำขณะเครื่องทำงาน เพื่อป้องกันการรบกวนขณะกำลังพักผ่อน ระดับเสียงที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 30-31 เดซิเบล

6. การประหยัดไฟ

          เครื่องฟอกอากาศจะกินไฟหรือไม่นั้น ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับแผ่นกรอง หากเป็นแผ่นกรองที่มีความหนาแน่นมาก อากาศผ่านได้น้อย ก็จะทำให้เครื่องใช้ไฟมาก ฉะนั้นควรเลือกแผ่นกรองที่มีอากาศไหลผ่านได้ดี เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าในการทำงาน นอกจากนี้ยังสามารถเปรียบเทียบค่าไฟได้จากฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จากหลาย ๆ รุ่นมาประกอบในการตัดสินใจ

7. ราคา

          ไม่ใช่แค่เพียงราคาของตัวเครื่องฟอกอากาศเท่านั้น แต่เรายังต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนตัวกรองหรือไส้กรองของเครื่องฟอกอากาศอีกด้วย เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศทุกชนิดจะต้องมีการเปลี่ยนตัวกรองหรือไส้กรองอยู่เสมอ เพื่อช่วยให้ระบบต่าง ๆ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นก่อนจะซื้อเครื่องฟอกอากาศจึงควรดูราคาของแผ่นกรองและการบำรุงรักษาส่วนอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย

          สำหรับหลักการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศเพื่อช่วยกำจัดฝุ่น PM2.5 ให้สังเกตที่แผ่นกรอง โดยพบว่าแผ่นกรองแบบ High-Efficiency Particulate Air Filter Arrestance (HEPA) เป็นประเภทที่เหมาะสมและได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีประสิทธิภาพ ราคาคุ้มค่า แถมอัตราการกรองอยู่ในระดับ H13 (หรือสูงกว่า) ทว่าอย่างไรก็ตามต้องพิจารณาควบคู่ไปกับค่าปริมาณการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CARD) ค่าประสิทธิภาพการฟอกอากาศ (Airflow) และขนาดพื้นที่ภายในห้องด้วย เพื่อช่วยให้เอื้อต่อการลดฝุ่นพิษได้เร็วสุด มากสุด ดีสุด และมีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง

เครื่องฟอกอากาศ

ข้อดี

          - ช่วยลดการเกิดภูมิแพ้ที่เกิดจากฝุ่นละออง เกสร หรือขนสัตว์ 

          - ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและกำจัดแบคทีเรีย เชื้อโรค และเชื้อราได้ 

          - ช่วยเปลี่ยนอากาศเสียให้เป็นอากาศบริสุทธิ์ และปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ 

ข้อเสีย

          - ไม่ได้ทำให้ฝุ่นละอองหายไปจากบ้านทั้งหมด เพราะฉะนั้นจึงควรทำความสะอาดบ้านควบคู่กันไปด้วย 

          - เครื่องฟอกอากาศไม่ได้ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ให้หายขาด เพราะเครื่องฟอกอากาศทำได้แค่ดูดจับฝุ่นละอองหรือสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ในอากาศเท่านั้น

          - ไม่ใช่เครื่องฟอกอากาศทุกเครื่องที่สามารถกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ควรเลือกที่มีชั้นกรอง แอคทิเวเต็ด คาร์บอน ด้วย