Home »
ทั่วไป
»
เทคนิคการปลูก และดูแล คะน้า ให้ปลอดสารพิษ
เทคนิคการปลูก และดูแล คะน้า ให้ปลอดสารพิษ
คะน้า เป็นพืชที่สามารถเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี
ในพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำเพียงพอ และ สามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด
ทั้งดินเหนียว ดินร่วน ดินทราย
หากเพิ่มธาตุอาหารที่จำเป็นในรูปของปุ๋ยอินทรีย์ที่ย่อยสลายดีแล้ว
โดยพันธุ์ที่นิยมปลูกมากสุดในปัจจุบันจะเป็นพันธุ์ดอกขาวซึ่งเป็นพันธุ์คะน้าจีน
ที่มีการสั่งเมล็ดเข้ามาปรับปรุงเป็นพันธุ์การค้าที่แพร่หลายในปัจจุบัน
โดยปกติทั่วไปอายุการเพาะปลูกของคะน้า จะอยู่ที่ 45-55 ปี
และแม้จะเป็นพืชผักที่สามารถเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปีก็ตาม
แต่จะได้ผลผลิตดีสุดในเดือนตุลาคม-เมษายน
ชื่อสามัญ : Chinese kale ชื่อวิทยาศาสตร์ : Brassica oleracea L. Var.
alboglabra Bail. พันธุ์:แบ่งได้เป็น 2 ประเภท 1. คะน้าใบ
มีพันธุ์ใบกลม-ลักษณะ ใบกว้าง ปล้องสั้น ปลายใบมน
ผิวใบเป็นคลื่นเล็กน้อยอีกชนิดเป็นพันธุ์ใบแหลม ใบแคบกว่าพันธุ์ใบกลม
ข้อห่าง ผิวใบเรียบ 2.คะน้ายอด หรือ คะน้าก้าน มีลักษณะลำต้นอวบใหญ่ ใบแหลม
ก้านใหญ่ แต่จำนวนใบต่อต้นมีน้อยหว่า ปล้องยาวกว่า รสชาติดี ต้านทานโรคดี
ให้น้ำหนักผลผลิตสูง การเตรียมดิน : ดินที่ปลูกได้ผลดี
ควรมีความเป็นกรดเป็นด่าง 5.6-6.8 ความชื้นในดินสูงสม่ำเสมอ
ต้องการแสงแดดเต็มที่ เจริญเติบโตดี ที่อุณฆภูมิเฉลี่ย 20 องศาเซลเซียส
เนื่องจากมีระบบรากตื้รน การเตรียมดินให้มีหน้าดินลึก 15-20 ซม.
ก็เพียงพอต่อการเจริญเติบดต ตากดินไว้ 7-10 วัน แล้วนำปุ๋ยอินทรีย์ สูตร
พด.1 มาใส่คลุกเคล้าให้เข้ากัน ถ้าดินเป็นกรดควรใส่ปู่นขาว
เนื่องจากคะน้ามีเมล็ดมาก สามารถกลิ้งหมุนได้อย่างรวดเร็ว
การเตรียมดินปลูกจึงต้องพิถีพิถัน เป็นพิเศษ คือ
ดินแปลงปลูกจะต้องร่วนละเอียด
มิฉะนั้นเมื่อหว่านเมล็ดลงบนผิวดินหาแล้วเมล็ดจะรอดช่องว่างระหว่างก้อนดินลงไปลึกมากเกินไป
ทำให้ไม่เอื้อต่อการงอก และชูยอดตั้งต้นไม่ได้
ส่งผลให้ได้จำนวนต้นน้อยไปหรือได้ต้นกล้าที่อ่อนแอ
เนื่องจากใช้อาหารในเมล็ดจนหมดแล้ว
ยังไม่สามารถชูต้นขึ้นมารับแสงปรุงอาหารเองได้ ทำให้เติบโตไม่ดี
วิธีปลูกคะน้า : เนื่องจากคะน้ามีทรงพุ่มไม่ใหญ่
การปลูกจึงหว่านลงแปลงวปลูกได้เลย โดยหว่านแบบให้กระจายทั่วแปลง และ
หว่านแบบโรยเมล็ดเรียงเป็นแถว
โดยทั่วไปแล้วนิยมปลูกแบบหว่านเมล็ดกระจายทั่วแปลงมากที่สุด
ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับแปลงปลูกขนาดใหญ่
โดยเฉพาะแปลงยกร่องแบบภาคกลางจะนิยมปลูกกันด้วยวิธีนี้
โดยใช้แรงงานเครื่องจักรและมีการให้น้ำแบบเรือลากพ่น เทคนิคการหว่าน :
เทคนิคการหว่านเมล็ดแบบให้ประหยัดเมล็ดพันธุ์และทำให้เมล็ดพันธุ์กระจายทั่แปลง
ควรนำเมล็ดพันธุ์ผสมกับทรายแห้งที่สะอาดก่อน จะทำการหว่านบางๆ ให้ทั่วแปลง
ซ้ำไป-มา จนกว่าเมล็ดพันธุ์จะหมด
วีนี้จะทำให้เมล็ดกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอทั่วๆ แปลง ไม่ขึ้นเป็นกระจุก
ลดการแก่งแย่งอาหาร ทำให้สามารถจัดการต้นกล้าคะน้าได้ง่ายขึ้น
เมื่อหว่านเมล็ดเสร็จแล้ว ใช้ดินปลูกที่เตรียมไว้โรยกลบทับอีกครั้งหนึ่ง
โดยก่ะให้มีความหนาของชั้นดินประมาณ 1 ซม. แล้วใช้คราด เกลี่ยดินเบาๆ
กลับไป กลับมาตามความกว้างของแปลง
จากนั้นคลุมหน้าแปลงปลูกด้วยฟางข้าวหรือหญ้าแห้ง
รดน้ำตามให้ทั่วจนชื้นสม่ำเสมอ โดยอย่าให้เมล็ดขาดความชื้น ประมาณ 1
สัปดาห์ จะเห็นว่าเมล็ดเริ่มงอกจนหมด
การหว่านแบบโรยเป็นแถวเหมาะสำหรับแปลงปลูกขนาดเล็กที่มีขนาดกว้างประมาณ 1
เมตร โดยหลังเตรียมดินเสร็จแล้ว ให้ตีดินเป้นแถวยาวตื้นๆ
ก่อนจะโรยหว่านเมล็ดลงไปกลบดินบางๆ ทับเมล็ดพันธุ์คะน้า
การปลูกแบบนี้ควรใช้ระยะระหว่างแถวประมาณ 20 ซม. จากนั้นคลุมฟาง
รดน้ำให้ชุ่ม
การดูแลคะน้า:หลังหว่านเมล็ดจนกระทั่งเมล็ดงอกได้ประมาณ 20 วัน หรือ
ต้นสูงประมาณ 10 ซม. ให้เริ่มทำการถอนแยกต้นกล้าที่ขึ้นเบียดกัน กระจุกตัว
อ่อนแอ ต้นเล็ก เพื่อลดจำนวนต้นต่อแปลงออก ให้เหลือระยะระหว่างต้น 10 ซม.
แล้วนำต้นที่ถอนแยกออกนี้ไปทำการตัดแต่งและส่งขายเป็นคะน้ายอดผักได้
เมื่ออายุครบ 30 วัน ให้ทำการถอนแยกครั้งที่ 2
ครั้งนี้ให้เหลือระยะห่างระหว่างต้น 20 ซม. คะน้ารุ่นนี้เมื่อตัดแต่งเสร็จ
สามารถส่งขายเป็นยอดผักได้เช่นกัน
ในการถอนแยกแต่ละครั้งควรทำการกำจัดวัชพืชไปในตัวด้วย
การให้น้ำ:คะน้าเป็นพืชที่ต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ
เพราะต้นคะน้าเจริญเติบโตเร็ว การปลูก
คะน้าจำเป็นต้องมีแหล่งน้ำสำรองใช้เพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูก
หากขาดน้ำจะทำให้ต้นหยุดชะงัก และมีคุณภาพดี
โดยระยะที่ไม่ควรขาดน้ำเด็ดขาดคือระยะที่เมล็อเริ่มงอก
การให้น้ำควรใช้วิธีฉีดพ่นฝอย วันละ 2 ครั้ง เช้า- เย็น
การใส่ปุ๋ย:ควรบำรุงด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ่ยหมัก พด.1
รองพื้นก่อนหว่านเมล็ดทุกครั้งก่อนการปลูกคะน้า จะทำให้ได้ผลผลิตดีมาก
ต้นแข็งแรง ต้านทานโรคและแมลงได้ดี โดยแทบจะไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี หรือ
ลดการใช้สารเคมีลงไปได้มาก ** สำหรับปุ๋ยที่เหมาะสมต่อคะน้า
ควรเป็นปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง สูตรที่ควรเลือกใช้ คือ 12-8-8 หรือ 21-11-11
อัตรา 11 กก./ไร่
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินและปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ที่ใส่ไปก่อนหน้านี้
ปุ๋ยเคมีแบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งละเท่าๆ กัน คือ ใส่หลังการถอนแยก
ครั้งแรก และ หลังการถอนแยกครั้งที่
2แต่ถ้าสังเกตเห็นสว้าต้นไม่ค่อยโตเท่าที่ควร อาจใส่ปุ๋ยบำรุงเพิ่ม เช่น
ยูเรีย หรือ แอมโมเนียมไนเตรท อัตรา 3-4 ช้อนแกวง/น้ำ 20 ลิตรฉีดพ่นทางใบ
การเก็บเกี่ยวคะน้า : คะน้ามีอายุการเก็บเกี่ยว ประมาณ 50 วัน แต่หลังปลูก
45 วัน เป็นระยะที่ตลาดต้องการมากที่สุด แต่คะน้าอายุ 50-55 วัน
เป็นระยะที่เก็บเกี่ยวแล้วได้น้ำหนักมากกว่า
แต่ไม่ควรปล่อยให้แก่เกินไปกว่านี้ การเก็บเกี่ยวควรเก็บในเวลาเช้า
โดยใช้มีดคมๆ เล็กๆ ตัดต้นออก อย่าใช้มือเด็ดขาดเพราะจะทำให้ช้ำ
การตัดควรตัดชิดโคนต้น แล้งควรรีบนำเข้าที่ร่ม อากาศพัดผ่าน
ก่อนบรรจุในภาชนะรอจำหน่าย