รักษาอาการ ปวดประจำเดือน ง่ายๆ ตามวิธีสำหรับแต่ละช่วงวัย ดังนี้…

คุณผู้ชายหรือแม้แต่คุณผู้หญิงที่ไม่เคยปวดประจำเดือนคงไม่มีวันเข้าใจในความเจ็บปวดอันแสนสาหัสนี้ แต่สำหรับผู้ที่ปวดประจำเดือนอยู่บ่อยๆ เรามีตัวช่วยมาฝาก แต่ในแต่ละช่วงอายุก็มีวิธีการที่แตกต่างกันไปตามฮอร์โมนและเลือด คุณอยู่ช่วงวัยไหนให้ทำตามนั้นนะ

ปวดประจำเดือน รักษาง่ายๆ

ปวดประจำเดือน เป็นอาการที่ผู้หญิงหลายคนต้องเผชิญทุกเดือน บ้างทนไหว บ้างถึงกับปวดจนไม่เป็นอันทำอะไร ซึ่งอาการปวดประจำเดือนเกิดจากปัจจัยหลักๆ คือ ฮอร์โมน นั่นเอง

ความเจ็บปวดฉบับผู้หญิง

อาการปวดประจำเดือน มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนประจำเดือน และมีการหลั่งสารโพรสตาแกลนดินออกมามากผิดปกติ ซึ่งสารนี้ทำหน้าที่ช่วยปิดรูหลอดเลือดที่รั่ว จึงทำให้มดลูกมีการบีบเกร็งตัว มักพบในเด็กสาวหรือผู้หญิงที่อายุยังน้อย จะมีอาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงในระยะแรกที่ประจำเดือนมา อาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ ท้องเดิน เหงื่อออก มือเท้าเย็นร่วมด้วย บางรายอาจปวดมาก จนเหมือนไม่สบายหรือเป็นลม อาการปวดนี้จะหายไปเองภายใน 1 – 2 วัน

ปวดประจำเดือน

ส่วนอาการปวดอย่างรุนแรงอาจเกิดจากโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ เป็นถุงน้ำที่รังไข่ การอักเสบในอุ้งเชิงกราน เนื้อ งอกไฟบรอยด์ หรือการใส่ห่วงคุมกำเนิด ซึ่งในกรณีหลังถ้าเคยตั้งครรภ์มาแล้ว ปากมดลูกจะหลวม อาการปวดจะหายไป ถึงแม้หลายคนจะไม่หวั่นแม้วันมามาก เพราะเป็นเรื่องปกติธรรมดาของลูกผู้หญิง แต่เมื่อใดก็ตามที่มีอาการปวดประจำเดือนร่วมด้วย อาจทำให้เราหมดสนุกจนต้องหยุดพักกิจกรรมระหว่างวันไปโดยปริยาย เพราะฉะนั้นเรามาหาวิธีกำจัดอาการ ปวดประจำเดือนให้หายขาดกันดีกว่าค่ะ

ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต

เชื่อไหมคะว่า อาการปวดประจำเดือน เกิดจากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะวิถีการ ใช้ชีวิตและการกินอยู่ผิดๆ เรามีสารพัด วิธีแก้อาการปวดประจำเดือนมาแนะนำ ซึ่งสามารถทำได้โดยกินอาหารธรรมชาติ ที่มีเส้นใยสูง เช่น ผัก ผลไม้สด เพื่อ ป้องกันอาการท้องผูกระหว่างมีประจำเดือน นอกจากนี้อาการปวดประจำเดือนอาจ มีสาเหตุมาจากความเครียด ซึ่งสามารถ ดูแลตัวเองด้วยการฝึกสมาธิและโยคะ และเทคนิคในการผ่อนคลายอื่นๆ

จัดระบบสมดุลร่างกายด้วยชีวจิต

เรื่องของอาการปวดประจำเดือนเป็นเรื่องของมดลูกโดยตรง แต่บางครั้งก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับมดลูก ได้เหมือนกัน เช่น ท้องผูกเป็นประจำ โลหิตจาง กินอาหารผิด เครียด ฯลฯ ดังนั้นก่อนอื่นต้องจัดระบบร่างกายให้ สมดุลด้วยวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ

-สำหรับคนผอมและเลือดน้อย

1 มื้อประกอบไปด้วย

คาร์โบไฮเดรต 40 เปอร์เซ็นต์

โปรตีน (อาหารทะเล) 25 เปอร์เซ็นต์

ผักต่างๆ 25 เปอร์เซ็นต์ เบ็ดเตล็ด 10 เปอร์เซ็นต์

-สูตรสำหรับคนเจ้าเนื้อ

1 มื้อประกอบไปด้วย

คาร์โบไฮเดรต 50 เปอร์เซ็นต์

ผัก 25 เปอร์เซ็นต์ โปรตีน 15 เปอร์เซ็นต์

และเบ็ดเตล็ด 10 เปอร์เซ็นต์

กินวิตามินกลุ่มแอนติออกซิแดนท์

ได้แก่ วิตามินเอ ซี ดี อี กินรวมกับวิตามินบี 2 ปริมาณ 200 มิลลิกรัม

วิตามินบี 6 ปริมาณ 100 มิลลิกรัม

กรดโฟลิก 0.4 มิลลิกรัม (400 ไมโครกรัม)

และธาตุเหล็ก 30 มิลลิกรัม

ออกกำลังกาย ด้วยวิธีใดก็ได้ อย่างสม่ำเสมอ

เพื่อเร่งให้ร่างกายผลิต สารอนุพันธ์ฝิ่นธรรมชาติ ซึ่งมีฤทธิ์บรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือนได้

รวมสมุนไพรไทยต้านปวดประจำเดือน

นำพริกไทยล่อน 7 เม็ด

ดีปลี 7 เม็ด

กระเทียม 7 กลีบ

ขิงสด 7 ชิ้น ไพลสด 7 แว่น

ว่านชักมดลูก 7 แว่นหนาๆ

นำทั้งหมดมาตำรวมกัน คั้นเอาแต่น้ำ (หรือจะเคี้ยวทั้งเนื้อก็ได้) ดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น ไม่ควรเกิน 3 วัน อาการปวดจะค่อยๆ หายไปเอง นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณช่วยให้กะบังลมหรือมดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น

ปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อปวดประจำเดือน

เมื่อมีอาการปวดท้องประจำเดือน คนส่วนใหญ่ก็มักจะนึกถึงยาแก้ปวด หรือไม่ก็กระเป๋าน้ำร้อนก่อนเป็นอันดับแรก แต่ ช้าก่อนค่ะ เรามีความรู้ใหม่ (สำหรับบางคน) มาแนะนำ

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจก่อนว่าอาการปวดประจำเดือนแบ่งออกได้เป็นสองชนิด ดังนี้

กลุ่มอายุระหว่าง 13 – 18 ปี

จะมีปริมาณของเลือดมาก เนื่องจากการทำงานของรังไข่ยังอยู่ในระยะปรับตัว จึงไม่ควร ใช้ความร้อนหรือความอุ่นจำพวกกระเป๋าน้ำร้อนหรือผ้าร้อนประคบบริเวณท้องน้อย เพราะความร้อนจะทำให้ปริมาณเลือดเพิ่มมากขึ้น ทำให้มดลูกมีอาการเลือดคั่งได้ และไม่ควรนอนราบ เพราะเลือดอาจไหลย้อนกลับเข้าไปในท้องตามท่อนำไข่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคผนังมดลูกเจริญผิดที่

กลุ่มอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป

ส่วนใหญ่อาการปวดท้องในวัยนี้มักเกิดจากมีเลือดประจำเดือนคั่งอยู่ในโพรงมดลูก ถ่ายเทไม่สะดวก สามารถบำบัดตัวเองเบื้องต้นด้วยการอาบน้ำอุ่น ใช้ความร้อนจากกระเป๋าน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นประคบ บริเวณท้องน้อย หรือใช้วิธีประคบร้อนเย็นบริเวณท้องน้อยและบริเวณหลัง โดยประคบด้วยความร้อนประมาณ 2 – 3 นาที ประคบด้วยความเย็นประมาณ 30 วินาที ทำซ้ำๆ 2 – 3 รอบ จากนั้นให้นอนพักด้วยการเอนหลัง นอนตะแคง หรือนอนราบก็ได้ หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงอาการปวดจะค่อยๆ ทุเลา

T I P : อาการปวดประจำเดือนที่ควรรีบไปพบแพทย์

1. ปวดท้องอย่างรุนแรงผิดปกติ หรือเลือดออกมากจนต้องหยุดทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน

2. ปวดบริเวณท้องน้อยข้างขวาร่วมด้วย เพราะอาจเกิดจากไส้ติ่งอักเสบ หรือสาเหตุร้ายแรงอื่นๆ ได้

ขอบคุณข้อมูล : goodlifeupdate