มะยงชิด ผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารล้นเหลือ
สารต้านอนุมูลอิสระก็มีไม่น้อย
แถมรสชาติอร่อยจนต่อให้มะยงชิดราคาแรงก็ต้องยอม เพราะ 1
ปีมะยงชิดจะออกผลให้ได้ลิ้มรสสัก 1 ครั้ง !
เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ เราก็จะเริ่มเห็นผลไม้หน้าร้อนกันมากขึ้น และที่หลายคนนึกถึงมากที่สุดก็น่าจะเป็นมะยงชิด หรือมะปรางลูกเท่าไข่ไก่ รสหวานอมเปรี้ยว กินสด ๆ ก็อร่อย หรือจะนำมะยงชิดไปทำเป็นขนมหวานก็ได้ฟีลชื่นใจไปอีกแบบ และเนื่องจากช่วงนี้เป็นหน้ามะยงชิดจะออกผล วันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำสรรพคุณของมะยงชิดมานำเสนอ มาดูกันค่ะว่า คุณค่าทางโภชนาการของมะยงชิดมีดีต่อสุขภาพของเรายังไง
มะยงชิด ผลไม้รสออกหวาน ดาวเด่นในหน้าร้อน
มะยงชิดจัดเป็นผลไม้ในตระกูลเดียวกับมะปราง หรือเป็นมะปรางอีกชนิดหนึ่ง ทำให้ลักษณะผลของมะยงชิดจะคล้ายคลึงกับมะปรางมาก โดยผลมะยงชิดมีทั้งผลขนาดเล็ก ขนาดปานกลาง และขนาดใหญ่ ตามลักษณะของสายพันธุ์ที่แตกต่างกันออกไป ส่วนรสชาติของมะยงชิดผลดิบจะออกเปรี้ยว ถ้าผลสุกจะให้รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย หรือบางพันธุ์อาจมีรสหวานน้อย เปรี้ยวมากก็เป็นได้
มะยงชิด นครนายก ของดีเลื่องชื่อ
จังหวัดนครนายกเป็นแหล่งปลูกมะยงชิดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ที่สำคัญมะยงชิดของนครนายกยังเลื่องชื่อตรงที่มะยงชิดที่นี่ให้ผลใหญ่ มีรสหวาน เนื้อหนา เมล็ดเล็ก โดยมะยงชิด นครนายกจะมีสายพันธุ์เด่น ๆ เช่น มะยงชิดพันธุ์ทูลเกล้า มะยงชิดพันธุ์บางขุนนท์ และมะยงชิดพันธุ์ท่าด่าน ซึ่งจัดเป็นพันธุ์มะยงชิดที่ให้ผลดก ผลใหญ่ เปลือกหนากรอบ เมล็ดเล็ก และมีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อยทั้งนั้น มะยงชิดของจังหวัดนครนายกจึงเป็นที่นิยมมากนั่นเองค่ะ
ทั้งนี้มะยงชิดยังมีชื่อเรียกตามแต่รสชาติด้วย โดยถ้ามีรสหวานมากกว่าเปรี้ยวจะเรียกว่า มะยงชิด แต่หากมีรสชาติเปรี้ยวมากกว่าหวานจะเรียกว่า มะยงห่าง ซึ่งในส่วนของรสชาตินั้นก็อย่างที่บอกค่ะว่าเป็นไปตามความแตกต่างของแต่ละสายพันธุ์ ส่วนแหล่งปลูกมะยงชิดในบ้านเราจะมีอยู่ที่นครนายก สุโขทัย ปราจีนบุรี เพชรบูรณ์ และกำแพงเพชร
มะยงชิด มะปราง ความแตกต่างที่สังเกตได้
แม้มะยงชิดจะเป็นมะปรางชนิดหนึ่ง ทว่าความแตกต่างของมะยงชิดกับมะปรางก็มีข้อสังเกตให้แยกมะยงชิดกับมะปรางได้ดังนี้ค่ะ
- เนื้อมะยงชิดจะมีรสหวาน ส่วนเปลือกมะยงชิดจะมีรสเปรี้ยว ส่วนมะปรางจะมีรสชาติเปรี้ยวอมหวานทั้งเปลือกและเนื้อใน
- ผลมะยงชิดมีสีเหลืองออกส้ม ส่วนผลมะปรางจะมีสีเหลืองนวล หรือเหลืองออกทอง
- รสชาติของมะยงชิดจะออกหวานเด่นกว่าเปรี้ยว แต่มะปรางจะมีรสเปรี้ยวนำหวานมากกว่า
คุณค่าทางโภชนาการของมะยงชิด
ข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย แสดงคุณค่าทางโภชนาการของมะยงชิดปริมาณ 100 กรัม หรือมะยงชิดประมาณ 3-4 ผล ดังนี้
- พลังงาน 62 กิโลแคลอรี
- น้ำ 85 กรัม
- โปรตีน 0.5 กรัม
- ไขมัน 0.3 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 14.2 กรัม
- ใยอาหาร 1.6 กรัม
- เถ้า 0.3 กรัม
- โซเดียม 2 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 137 มิลลิกรัม
- แมกนีเซียม 6 มิลลิกรัม
- แคลเซียม 1 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 13 มิลลิกรัม
- เหล็ก 0.28 มิลลิกรัม
- สังกะสี 0.10 มิลลิกรัม
- ไอโอดีน 1.8 ไมโครกรัม
- เบต้าแคโรทีน 207 ไมโครกรัม
- วิตามินซี 25 มิลลิกรัม
- น้ำตาล 13 กรัม
มะยงชิด สรรพคุณดีต่อสุขภาพไม่น้อย
นอกจากรสชาติมะยงชิดจะหวานอร่อยแล้ว สรรพคุณของมะยงชิดก็ดีต่อสุขภาพของเราไม่น้อย โดยเราจะไล่เลียงประโยชน์ของมะยงชิดต่อสุขภาพให้เห็นชัด ๆ ตามนี้
1. ต้านอนุมูลอิสระ
มะยงชิดปริมาณ 100 กรัม หรือราว ๆ 3-4 ผล มีเบต้าแคโรทีนอยู่มากถึง 207 ไมโครกรัม ซึ่งเบต้าแคโรทีนก็จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดที่ได้จากผัก-ผลไม้ที่มีสีส้ม สีเหลือง มะยงชิดจึงมีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระในตัวเอง อีกทั้งเบต้าแคโรทีนที่อยู่ในผลมะยงชิด ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงด้วยนะคะ
2. บำรุงสายตา
เบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ กล่าวคือ เมื่อร่างกายได้รับเบต้าแคโรทีนเข้าไป ร่างกายจะเปลี่ยนเบต้าเคโรทีนเป็นวิตามินเอให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และสรรพคุณของวิตามินเอก็เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า มีคุณสมบัติช่วยบำรุงสายตา ดังนั้นมะยงชิดที่มีสารตั้งต้นของวิตามินเออยู่จำนวนไม่น้อย จึงมีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตาของเราไปด้วยนั่นเอง
3. ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
ในผลมะยงชิดมีวิตามินซีอยู่ด้วยนะคะ และวิตามินซีก็มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเกิดเลือดออกตามไรฟัน อีกทั้งวิตามินซียังมีส่วนช่วยบำรุงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ไม่เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะโรคหวัดต่าง ๆ
4. เติมความสดชื่นให้ร่างกาย
มะยงชิดเป็นผลไม้ที่มีเนื้อเยอะ ฉ่ำน้ำ มีรสหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ กินแล้วช่วยเติมความสดชื่นให้ร่างกายได้อย่างทันทีเลยล่ะค่ะ
5. ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูก
สรรพคุณด้านนี้ต้องยกผลประโยชน์ให้แคลเซียมและฟอสฟอรัสในผลมะยงชิดเลยค่ะ เพราะทั้งแคลเซียมและฟอสฟอรัสเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อกระดูกมาก ๆ มีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง พร้อมกันนั้นก็ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน และโรคกระดูกเสื่อม
นอกจากความอร่อยแล้ว มะยงชิดยังมีสรรพคุณไม่น้อยเลยนะคะ จัดว่าเป็นผลไม้ที่ควรค่าแก่การรับประทานจริง ๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กองโภชนาการ กรมอนามัย
พืชเกษตร
ฐานข้อมูลพันธุกรรมพืชสวน
วิชาการ.คอม
เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ เราก็จะเริ่มเห็นผลไม้หน้าร้อนกันมากขึ้น และที่หลายคนนึกถึงมากที่สุดก็น่าจะเป็นมะยงชิด หรือมะปรางลูกเท่าไข่ไก่ รสหวานอมเปรี้ยว กินสด ๆ ก็อร่อย หรือจะนำมะยงชิดไปทำเป็นขนมหวานก็ได้ฟีลชื่นใจไปอีกแบบ และเนื่องจากช่วงนี้เป็นหน้ามะยงชิดจะออกผล วันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำสรรพคุณของมะยงชิดมานำเสนอ มาดูกันค่ะว่า คุณค่าทางโภชนาการของมะยงชิดมีดีต่อสุขภาพของเรายังไง
มะยงชิด ผลไม้รสออกหวาน ดาวเด่นในหน้าร้อน
มะยงชิดจัดเป็นผลไม้ในตระกูลเดียวกับมะปราง หรือเป็นมะปรางอีกชนิดหนึ่ง ทำให้ลักษณะผลของมะยงชิดจะคล้ายคลึงกับมะปรางมาก โดยผลมะยงชิดมีทั้งผลขนาดเล็ก ขนาดปานกลาง และขนาดใหญ่ ตามลักษณะของสายพันธุ์ที่แตกต่างกันออกไป ส่วนรสชาติของมะยงชิดผลดิบจะออกเปรี้ยว ถ้าผลสุกจะให้รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย หรือบางพันธุ์อาจมีรสหวานน้อย เปรี้ยวมากก็เป็นได้
มะยงชิด นครนายก ของดีเลื่องชื่อ
จังหวัดนครนายกเป็นแหล่งปลูกมะยงชิดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ที่สำคัญมะยงชิดของนครนายกยังเลื่องชื่อตรงที่มะยงชิดที่นี่ให้ผลใหญ่ มีรสหวาน เนื้อหนา เมล็ดเล็ก โดยมะยงชิด นครนายกจะมีสายพันธุ์เด่น ๆ เช่น มะยงชิดพันธุ์ทูลเกล้า มะยงชิดพันธุ์บางขุนนท์ และมะยงชิดพันธุ์ท่าด่าน ซึ่งจัดเป็นพันธุ์มะยงชิดที่ให้ผลดก ผลใหญ่ เปลือกหนากรอบ เมล็ดเล็ก และมีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อยทั้งนั้น มะยงชิดของจังหวัดนครนายกจึงเป็นที่นิยมมากนั่นเองค่ะ
ทั้งนี้มะยงชิดยังมีชื่อเรียกตามแต่รสชาติด้วย โดยถ้ามีรสหวานมากกว่าเปรี้ยวจะเรียกว่า มะยงชิด แต่หากมีรสชาติเปรี้ยวมากกว่าหวานจะเรียกว่า มะยงห่าง ซึ่งในส่วนของรสชาตินั้นก็อย่างที่บอกค่ะว่าเป็นไปตามความแตกต่างของแต่ละสายพันธุ์ ส่วนแหล่งปลูกมะยงชิดในบ้านเราจะมีอยู่ที่นครนายก สุโขทัย ปราจีนบุรี เพชรบูรณ์ และกำแพงเพชร
มะยงชิด มะปราง ความแตกต่างที่สังเกตได้
แม้มะยงชิดจะเป็นมะปรางชนิดหนึ่ง ทว่าความแตกต่างของมะยงชิดกับมะปรางก็มีข้อสังเกตให้แยกมะยงชิดกับมะปรางได้ดังนี้ค่ะ
- เนื้อมะยงชิดจะมีรสหวาน ส่วนเปลือกมะยงชิดจะมีรสเปรี้ยว ส่วนมะปรางจะมีรสชาติเปรี้ยวอมหวานทั้งเปลือกและเนื้อใน
- ผลมะยงชิดมีสีเหลืองออกส้ม ส่วนผลมะปรางจะมีสีเหลืองนวล หรือเหลืองออกทอง
- รสชาติของมะยงชิดจะออกหวานเด่นกว่าเปรี้ยว แต่มะปรางจะมีรสเปรี้ยวนำหวานมากกว่า
คุณค่าทางโภชนาการของมะยงชิด
ข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย แสดงคุณค่าทางโภชนาการของมะยงชิดปริมาณ 100 กรัม หรือมะยงชิดประมาณ 3-4 ผล ดังนี้
- พลังงาน 62 กิโลแคลอรี
- น้ำ 85 กรัม
- โปรตีน 0.5 กรัม
- ไขมัน 0.3 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 14.2 กรัม
- ใยอาหาร 1.6 กรัม
- เถ้า 0.3 กรัม
- โซเดียม 2 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 137 มิลลิกรัม
- แมกนีเซียม 6 มิลลิกรัม
- แคลเซียม 1 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 13 มิลลิกรัม
- เหล็ก 0.28 มิลลิกรัม
- สังกะสี 0.10 มิลลิกรัม
- ไอโอดีน 1.8 ไมโครกรัม
- เบต้าแคโรทีน 207 ไมโครกรัม
- วิตามินซี 25 มิลลิกรัม
- น้ำตาล 13 กรัม
นอกจากรสชาติมะยงชิดจะหวานอร่อยแล้ว สรรพคุณของมะยงชิดก็ดีต่อสุขภาพของเราไม่น้อย โดยเราจะไล่เลียงประโยชน์ของมะยงชิดต่อสุขภาพให้เห็นชัด ๆ ตามนี้
1. ต้านอนุมูลอิสระ
มะยงชิดปริมาณ 100 กรัม หรือราว ๆ 3-4 ผล มีเบต้าแคโรทีนอยู่มากถึง 207 ไมโครกรัม ซึ่งเบต้าแคโรทีนก็จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดที่ได้จากผัก-ผลไม้ที่มีสีส้ม สีเหลือง มะยงชิดจึงมีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระในตัวเอง อีกทั้งเบต้าแคโรทีนที่อยู่ในผลมะยงชิด ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงด้วยนะคะ
2. บำรุงสายตา
เบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ กล่าวคือ เมื่อร่างกายได้รับเบต้าแคโรทีนเข้าไป ร่างกายจะเปลี่ยนเบต้าเคโรทีนเป็นวิตามินเอให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และสรรพคุณของวิตามินเอก็เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า มีคุณสมบัติช่วยบำรุงสายตา ดังนั้นมะยงชิดที่มีสารตั้งต้นของวิตามินเออยู่จำนวนไม่น้อย จึงมีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตาของเราไปด้วยนั่นเอง
3. ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
ในผลมะยงชิดมีวิตามินซีอยู่ด้วยนะคะ และวิตามินซีก็มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเกิดเลือดออกตามไรฟัน อีกทั้งวิตามินซียังมีส่วนช่วยบำรุงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ไม่เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะโรคหวัดต่าง ๆ
4. เติมความสดชื่นให้ร่างกาย
มะยงชิดเป็นผลไม้ที่มีเนื้อเยอะ ฉ่ำน้ำ มีรสหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ กินแล้วช่วยเติมความสดชื่นให้ร่างกายได้อย่างทันทีเลยล่ะค่ะ
5. ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูก
สรรพคุณด้านนี้ต้องยกผลประโยชน์ให้แคลเซียมและฟอสฟอรัสในผลมะยงชิดเลยค่ะ เพราะทั้งแคลเซียมและฟอสฟอรัสเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อกระดูกมาก ๆ มีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง พร้อมกันนั้นก็ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน และโรคกระดูกเสื่อม
นอกจากความอร่อยแล้ว มะยงชิดยังมีสรรพคุณไม่น้อยเลยนะคะ จัดว่าเป็นผลไม้ที่ควรค่าแก่การรับประทานจริง ๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กองโภชนาการ กรมอนามัย
พืชเกษตร
ฐานข้อมูลพันธุกรรมพืชสวน
วิชาการ.คอม