น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเนื่องในวันนอนหลับโลก (World Sleep Day 2018) ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันศุกร์สัปดาห์ที่
2 ของเดือนมีนาคม จากการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพด้านการหลับ
จากทั่วโลก
เพื่อสร้างความตระหนักให้ประชาชนเห็นถึงความสาคัญและปัญหาของการหลับ ว่า
ประเทศไทย กำหนดจัดงาน ขึ้นระหว่างวันที่ 3 -10 มีนาคม 2561 ภายใต้คำขวัญ “Join the Sleep World, Preserve Your Rhythms to Enjoy Life : หลับเป็นเวลา ตามนาฬิกาชีวิต พิชิตโรคร้าย ร่างกายแข็งแรง” ด้วยความร่วมมือกัน
ระหว่าง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย คณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาคมโรคจากการหลับแห่งประเทศไทย และกรมสุขภาพจิต
ทั้งนี้ จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่า 45% ของประชากรโลก
เคยมีอาการผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการนอน โดยที่ 35%
จะเป็นอาการนอนไม่หลับ ผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับ
จะมีปัญหาขาดงานหรือทำงานด้วยประสิทธิภาพที่ลดลงในสัดส่วนที่มากกว่าผู้ที่ไม่มีปัญหาถึง
3 เท่า และการนอนไม่เพียงพอยังทำให้ การเรียนรู้ ความจำ
และสมาธิในการทำงานต่างๆ ลดลง เมื่อ
เทียบกับผู้ที่ไม่มีปัญหาการนอน นอกจากนี้
หากนอนหลับไม่เพียงพอติดต่อกันเป็นเวลานานจะส่งผลทำให้การทำงานของระบบ
ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน ภาวะโรคอ้วน
รวมไปถึงผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะเครียด โรควิตกกังวลและโรคซึมเศร้า
“เพื่อส่งเสริมให้เกิดการนอนหลับที่เพียงพอและมีคุณภาพ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้แนะนำ 10 เคล็ดลับช่วยให้นอนหลับ ได้ดี ได้แก่
1. เข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลาเป็นประจำทุกวัน
2. ถ้านอนกลางวันเป็นประจำ ไม่ควรงีบกลางวันเกิน 45 นาที
3. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป เป็นระยะเวลา 4 ชั่วโมงก่อนนอนและงดการสูบบุหรี่
4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา น้าอัดลมประเภทต่างๆ และช็อกโกแลต 6 ชั่วโมงก่อนนอน
5. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อหนัก อาหารเผ็ด หรืออาหารหวาน เป็นระยะเวลา 4 ชั่วโมงก่อนนอน ของว่างเบาๆ สามารถรับประทานก่อนนอนได้
6. ออกกาลังกายสม่ำเสมอ แต่ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายก่อนนอน
7. ใช้เครื่องนอนที่ทำให้หลับสบาย
8. ห้องนอนควรมีอุณหภูมิที่เหมาะสมและถ่ายเทอากาศ ได้สะดวก
9. หลีกเลี่ยงเสียงรบกวนทั้งหมดและหลีกเลี่ยงแสงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
10. ใช้ห้องนอนเพื่อการนอนและ กิจกรรมทางเพศเท่านั้น อย่าใช้เตียงนอนเป็นที่ทำงานหรือการพักผ่อนหย่อนใจ
ด้าน นพ.วิญญู ชะนะกุล รอง
ผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจบริการจิตเวชและสุขภาพจิต
สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กล่าวเพิ่มเติมว่า การนอนไม่หลับ
เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ไม่เฉพาะในโรคต่างๆ
แม้ในคนปกติที่ไม่ได้มีโรคประจาตัวก็สามารถมีอาการนอนไม่หลับได้ อาการ คือ
นอนหลับได้ยาก หลับแล้วตื่นบ่อย ตื่นแล้วไม่สามารถหลับต่อได้
คุณภาพการนอนไม่ค่อยดี ตื่นนอนตอนเช้าไวกว่าปกติ ซึ่งคนปกติทั่วไป
สามารถเกิดอาการนอนไม่หลับขึ้นได้ ประมาณ 1-2 คืนต่อสัปดาห์
เกิดขึ้นได้ในทุก ช่วงอายุ พบมากขึ้นในผู้หญิง และ ผู้สูงอายุ
โดยเฉพาะอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป สาเหตุหนึ่ง ที่พบได้บ่อย คือ
ความวิตกกังวล หรือ ความเครียด และหากมีปัญหานอนไม่หลับเรื้อรัง
นอนไม่หลับนานกว่า 3 เดือน อาจสัมพันธ์กับสภาวะทางจิตใจ หรือโรคทางจิตเวช
จึงควรรีบปรึกษาแพทย์
สำหรับการรักษา มีทั้ง
การรักษาสาเหตุที่เกี่ยวข้องโรคทางกาย หรือ โรคทางจิตเวชที่ส่งผลให้มีอาการ
นอนไม่หลับ เช่น การรักษาโรคกรดไหลย้อน การรักษาโรคซึมเศร้า
หรือ โรควิตกกังวล การรักษาโดยการปรับความคิดและ พฤติกรรม และ
การรักษาโดยการใช้ยา เช่น การใช้ยาคลายกังวล ยาต้านซึมเศร้า และยาแก้แพ้