บางคนอาจไม่เคยรู้ อ้วนลงพุง อันตรายกว่าที่คิดมาก!!

อ้วนลงพุง-อันตรายกว่าที่คิด แม้คนส่วนใหญ่จะรู้ถึงอันตรายจากการมีน้ำหนักตัวมากเกินไป เพราะไขมันที่พอกอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายนั้น มีอันตรายมากกว่าที่เราคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งไขมันที่สะสมอยู่บริเวณช่วงท้อง !!! 
ไขมันช่องท้องสาเหตุของอ้วนลงพุง 
ผลการวิจัยพบว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวปกติ แต่คนอ้วนลงพุง มีไขมันหน้าท้องมาก มีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากโรคต่างๆ มากกว่าคนอ้วนซะอีก ผลวิจัยนี้ถูกนำเสนอใน European Society of Cardiology เมื่อปี 2012 โดยเก็บข้อมูลจากผู้ป่วยกว่า 12,785 คน ตลอดระยะเวลา 14 ปี คำนวณหาดัชนีมวลกายหรือค่า BMI

ซึ่งเป็นอัตราของไขมันในร่างกายต่อความสูง และอัตราส่วนของเอวต่อสะโพกเพื่อหาอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ผลการศึกษาพบว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวปกติ แต่มีขนาดรอบเอวมาก มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคต่างๆ มากกว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวปกติและขนาดรอบเอวปกติ 2.1 เท่า ซึ่งอันตรายและโรคที่มาพร้อมกับการีอ้วนลงพุงก็คือ… 
ปอดทำงานได้ไม่เต็มที่ 
เมื่อเร็วๆ นี้มีผลการวิจัย พบว่าผู้ที่อ้วนลงพุงนั้นจะทำให้การทำงานของปอดลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่มีสุขภาพดี ไม่สูบบุหรี่ และไม่มีไขมันหน้าท้อง ผลการวิจัยนี้พบว่าผู้ที่มีไขมันส่วนเกินทำให้อัตราการหายใจลดลง ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นเป็นเวลานาน ทำให้ทางเดินหายใจหดแคบลง และก่อให้เกิดโรคปอดเรื้อรังอย่างหอบหืดตามมาได้ 
การทำงานของหลอดเลือดผิดปกติ 
ผลการศึกษาจากปี 2012 พบความสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่อ้วนลงพุงกับภาวะการเกิดโรคหลอดเลือดตีบตันและภาวะหลอดเลือดแข็งตัว โดยนักวิจัยได้เปรียบเทียบระหว่างคนอ้วน คนอ้วนที่มีพุง และคนที่มีสุขภาพดี พบว่าหากอัตราส่วนของเอวต่อความสูงเพิ่มขึ้นทุกๆ 0.1 ก็จะเสี่ยงที่จะเกิดภาวะดังกล่าวมากขึ้น ฉะนั้น ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะดังกล่าว และการที่เส้นเลือดแดงแข็งตัวและตีบนั้นก็จะก่อให้เกิดโรคหัวใจตามมาได้ 
เสี่ยงต่อเบาหวาน 
ไขมันในช่องท้องเป็นไขมันที่พบในคนที่มีภาวะอ้วนลงพุง ไขมันนี้มีการผลิตฮอร์โมนซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย และนอกจากนี้ฮอร์โมนดังกล่าวยังทำให้ตัวรับสัญญาณอินซูลินทำงานผิดปกติ ซึ่งหมายความว่าอินซูลินซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายจะทำงานด้อยลง ซึ่งทำให้เกิดโรคเบาหวานตามมานั่นเอง 
ระดับคอเลสเตอรอลสูง 
ไขมันที่อยู่บริเวณขาหรือก้นนั้นเป็นไขมันที่มีการเผาผลาญที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าไขมันบริเวณหน้าท้องของคนอ้วนลงพุง ซึ่งการเผาผลาญไขมันที่อยู่บริเวณขาและก้นนั้นดีกว่าเนื่องจากได้ระดับน้ำตาล ไตรกลีเซอไรด์ คอเลสเตอรอล และอินซูลินต่ำกว่าไขมันที่เผาผลาญจากบริเวณช่องท้อง นอกจากนั้นไขมันในช่องท้องสามารถเปลี่ยนเป็นกรดไขมันอิสระ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายผลิตคอเลสเตอรอล LDL (ซึ่งเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ) นอกจากนั้นกรดไขมันอิสระยังทำให้ระดับของไขมันดีหรือคอเลสเตอรอล HDL ลดลง ซึ่งไขมันเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อการทำงานของหลอดเลือด แต่ยังทำให้เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูงและภาวะหัวใจวายตามมาได้ 
ยิ่งอ้วนยิ่งเสี่ยงโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ 
ผลการศึกษาในปี 2010 พบว่ายิ่งรอบเอวคุณหนามากเท่าไหร่ รวมทั้งยิ่งอ้วนลงพุงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์มากขึ้นเท่านั้น โดยจากการศึกษาพบว่าผู้อ้วนลงพุงทำให้เซลล์สมองน้อยกว่าคนปกติ ซึ่งก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ตามมาได้ โดยสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าไขมันจะไปอุดตันในเส้นเลือดทำให้เลือดไหลเวียนขึ้นไปเลี้ยงเซลล์สมองไม่สะดวก สมองจึงขาดออกซิเจน และทำให้เซลล์ตายนั่นเอง 
วิธีรับมือกับอ้วนลงพุง 
การรับประทานอาหารนั้นส่งผลโดยตรงต่อระดับไขมันในร่างกาย นอกจากนั้นพันธุกรรมก็ส่งผลต่อความอ้วนด้วยเช่นกัน ซึ่งหากคุณเป็นคนอ้วนลงพุง อยากลดน้ำหนักเพื่อให้มีสุขภาพดีและลดอาการเสี่ยงของโรคต่างๆ นั้น ผู้เชี่ยวชาญแนะว่าต้องออกกำลังกายเพื่อกำจัดไขมันในช่องท้องเหล่านี้ และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ไขมันต่ำก็ช่วยได้ ลองหาเวลาออกกำลังกายให้ได้สักวันละ ½ หรือ 1 ชั่วโมง เป็นประจำ เพียงเท่านี้ไขมันรอบเอวเหล่านั้นก็จะลดลงได้ 
จะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองจัดอยู่ในภาวะ ‘อ้วน’ หรือไม่ 
หากคุณเป็นคนผอมหรือน้ำหนักตัวปกติก็อย่าได้ชะล่าใจว่าคุณจะไม่ไขมันน้อยตามไปด้วย ฉะนั้นหากอยากรู้ว่าตนเองอ้วนหรือไม่ ลองหาค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) เพื่อประเมินภาวะอ้วนหรือผอม โดยมีสูตรคือ BMI = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) / ความสูง (เมตร)2 จากนั้น นำค่าที่ได้มาเทียบกับเกณฑ์