คนติดจอ อย่าละเลย!! อาการปกติของ “ดวงตา” ถ้าเป็นแบบนี้ต้องรีบพบแพทย์!!

สมัยนี้ผู้คนใช้ชีวิตอยู่กับหน้าจอเกินครึ่งวัน ไม่ว่าจะเป็นจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคที่มีจอ จนบางครั้งเกิดอาหารผิดปกติขึ้นกับดวงคุณโดยที่ไม่รู้ตัว บางคนติดจอมากจนเจ็บ แสบ ปวดดวงตา นี่คือสัญญาณเริ่มต้นของวามผิดปกติ อย่าปล่อยให้เป็ฯหนักจนเกิดความร้ายแรง เราไปดูกันว่านอกจากนี้แล้วยังมีอาการอะไรที่ต้องระวังอีกบ้าง

7 อาการผิดปกติเมื่อติดจอ

1. ตาพร่ามัว

คือการมองเห็นภาพเลือนหรือขาดความคมชัด เกิดจากการเพ่งสายตาจดจ่อเป็นเวลานาน ส่งผลให้ตาเป็นตะคริว ไม่สามารถปรับโฟกัสได้ทันท่วงที และแสงสว่างจ้าของหน้าจอส่งผลให้กระจกตาไม่เรียบเพราะขาดน้ำมาหล่อเลี้ยงทำให้สายตาเกิดการพร่ามัว

2. ปวดตา

มักจะมาพร้อมกับอาการปวดหัวที่เกิดจากการใช้งานเป็นเวลานาน ส่งผลให้การมองเห็นมีความบกพร่องหรือมีความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อตา

3. ตาแดง

เกิดจากการอักเสบของดวงตาทำให้ตาแห้ง ส่งผลให้เส้นเลือดฝอยในดวงตาเกิดการขยายตัวทำให้เราเห็นตาเป็นสีเเดง

4. มองเห็นภาพซ้อน

เกิดจากความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อตาที่จ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน

5. ตาแห้ง

พบว่าการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานนั้นทำให้อัตราการกะพริบตาลดลง 60 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้กระจกตาเกิดความเครียด
ชั่วคราว ทำให้ตาแห้ง และยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า อาการตาแห้งนี้มักเกิดในกลุ่มผู้สูงอายุและคนที่ใส่คอนแท็คท์เลนส์มากที่สุด

6. น้ำตาไหล

อาการน้ำตาลไหลอาจจะดูขัดเเย้งกับอาการตาแห้ง ซึ่งการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานแล้วน้ำตาไหลนั้น เกิดจากเมื่อเรามีอาการตาแห้ง ระบบประสาทสมองคู่ที่ 5 และ 7 จะถูกกระตุ้นให้ผลิตน้ำตาส่วนเกินออกมาซึ่งมีความเเตกต่างจากองค์ประกอบของน้ำตาปกติที่ใช้หล่อลื่นกระจกตา

7. ปวดศีรษะ

กลุ่มของอาการปวดศีรษะเป็นอีกหนึ่งอาการที่พบได้บ่อยที่สุดเกิดจากการเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณบ่า ไหล่ เเละกล้ามเนื้อตา เพราะอิริยาบถถูกจำกัดไว้ในลักษณะท่าทางแบบเดิมเป็นเวลานาน

ปัญหาสายตาที่ควรพบแพทย์ทันที

อย่างไรก็ตาม นอกจากอาการเบื้องต้น เช่น ปวดกระบอกตา ตาแห้ง แสบตา เคืองตา ตาพร่ามัว ตาสู้แสงไม่ได้ ปวดศีรษะแล้วนั้น นายแพทย์ภูวัต จารุกําเนิดกนก จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์(วัดไร่ขิง) กล่าวว่า

ปัจจุบันยังไม่พบข้อมูลทางวิชาการที่ยืนยันว่าพฤติกรรมการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือเล่นสมาร์ทโฟนนั้นจะส่งผลต่อสุขภาพของดวงตารุนแรงไปมากกว่าอาการเหล่านี้มีเพียงจะส่งผลเสียทางอ้อมของสุขภาพดวงตาในระยะยาวเท่านั้น เช่น อาจทำให้ภูมิคุ้มกันของดวงตาปรวนแปรจนเสียสมดุล ติดเชื้อง่าย และการหายของแผลยากขึ้นเมื่อเกิดอาการบาดเจ็บหรือเป็นโรคอื่นๆ

แต่หากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตาดังต่อไปนี้ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

1.ตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างมองไม่เห็นเฉียบพลัน

2. มีการบาดเจ็บที่ดวงตา

3. สารเคมีเข้าตา (หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยการใช้น้ำสะอาดล้างตา)

4. เกิดอาการปวดเฉียบพลันภายในดวงตาหรือรอบๆ ดวงตา เช่น อาการปวดรุนเเรงหรือปวดตลอดเวลา

5. แพ้เเสงอย่างรุนเเรง

6. เห็นภาพผิดปกติ เช่น เห็นภาพซ้อน มีรัศมีหรือสายรุ้งรอบดวงไฟ เห็นแสงวาบ เห็นจุดมืด หรือมีเงามัวขนาดใหญ่ลอยไปมา

7. รูม่านตา (ตรงกลางตาดำ) มีขอบไม่เรียบเสมอกันหรือไม่ตอบสนองต่อเเสงสว่าง กล่าวคือ ไม่กดตัว หรือไม่ขยาย

8. ตาแดง คัน เเสบร้อน หรือน้ำตาไหลอย่างรุนแรง

9. มีขี้ตาสีเขียวๆ หรือสีขาวๆ ปริมาณมาก

รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่ทำงานหรือมีนิสัยอยู่หน้าจอนานๆ แล้วมีอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ ตรวจวินิจฉัย เพื่อรับการรักษาอย่างแม่นยำ และทันท่วงที

ขอบคุณที่มา : goodlifeupdate