Home »
วิธีดูแลสุขภาพ
»
วัย 45+ ต้องรู้!! เลือกกินอย่างไร ให้ความเยาว์วัยให้อยู่กับเราไปนานๆ
วัย 45+ ต้องรู้!! เลือกกินอย่างไร ให้ความเยาว์วัยให้อยู่กับเราไปนานๆ
เมื่อสูงอายุขึ้นระบร่างกายต่างๆ จะมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
คุณจะเริ่มมีอาการหลงลืม นอนไม่หลับ เดินเหินไม่สะดวกเหมือนช่วงเยาว์วัย
เพราะความเสื่อมสภาพของร่างกาย
แต่หากคุณรู้จักบำรุงและดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
รู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยฟื้นฟูสุขภาพ
ก็จะช่วยยืดเวลาในการเป็นหนุ่มสาวได้มาขึ้น เรามาดูกันว่า เมื่อถึงวัย 45
ปีขึ้นไปควรเลือกรับประทานอาหารอย่างไร
รู้จักและเข้าใจลักษณะอาการที่เกิดขึ้น เมื่อเข้าสู่วัย 45+
อย่าคิดว่าเมื่ออายุย่างเข้าสู่ 45+
แล้วเราจะรู้สึกหดหู่หรือมีความรู้สึกแย่ๆ ในการดำเนินชีวิตเท่านั้น
เพราะจริงๆ
แล้วอายุที่เพิ่มมากขึ้นถือได้ว่ากำลังก้าวเข้าสู่วัยสำเร็จในชีวิตการงานและเพียบพร้อมด้วยทรัพย์สินเงินทอง
แต่ก็ต้องมีบ้างที่สุขภาพทางกายและทางใจอาจจะลดทอนความแข็งแรงลงด้วยอายุที่มากขึ้น
อาจมีอาการหลงลืมง่าย หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน
น้อยใจง่ายและรู้สึกเซนซิทีฟ หรือบางคืนมีอาการนอนไม่หลับ อ่อนเพลีย
เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัวโดยไม่มีสาเหตุ ไม่กระฉับกระเฉง
กล้ามเนื้อต่างๆลดขนาดลง ไม่มีแรง มีเหงื่อออกตามร่างกายในตอนกลางคืน
เหนื่อยง่าย มีอาการใจสั่น ผิวหนังเริ่มเหี่ยวย่นเร็วขึ้น
แม้อาการพวกนี้จะเป็นแค่ประเดี๋ยวประด๋าวและกลับมาเริ่มปกติขึ้นในภายหลัง
แต่ก็ยังมีผลกระทบในระยะยาวอยู่บ้าง ได้แก่
ผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว
กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะบ่อย บางคนเมื่อหมดประจำเดือนไปนานแล้ว
จะพบอาการต่างๆ เช่น ช่องคลอดแห้ง เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์
การผลิตน้ำหล่อลื่นจากต่อมต่างๆ ภายในระบบสืบพันธุ์ลดลง
ทำให้อาจกระทบต่อสัมพันธภาพและเกิดปัญหาครอบครัวตามมา
ระบบหัวใจและหลอดเลือด เสี่ยงต่อการเกิดไขมันในเลือดสูง หลอดเลือดหัวใจอุดตัน
ระบบกระดูก รู้สึกปวดตามกระดูกและข้อ พบภาวะกระดูกบางหรือกระดูกพรุน และพบมากกับผู้ที่หมดประจำเดือนแล้ว 5 ปีขึ้นไป
การดูแลร่างกายเมื่อถึงวัย 45+
ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษเพื่อมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงขึ้น
เริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำรงชีวิต ซึ่งได้แก่
การเลือกรับประทานอาหารอาหาร ออกกำลังกาย และดูแลสุขอนามัยสิ่งแวดล้อมรอบๆ
ตัว
1. ตรวจร่างกายเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
ตรวจเช็คร่างกายอย่างน้อยปีละครั้ง เพราะยิ่งอายุมากขึ้น โรคภัยต่างๆ
ก็จะยิ่งถามหา เช็คความสมบูรณ์ของร่างกาย โดยตรวจเช็คความดันโลหิต
ตรวจเลือดหาระดับไขมัน น้ำตาลในเส้นเลือด ตรวจมะเร็งปากมดลูก
ตรวจมะเร็งเต้านม และตรวจหาความหนาแน่นของกระดูก
การให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างยิ่ง
2. ออกกำลังกาย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
ควรเลือกการออกกำลังกายแบบไม่หักโหม อาจเป็นการวิ่งเหยาะๆ โยคะ
หรือว่ายน้ำ ควรออกกำลังกาย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง นานครั้งละ 30 นาที
3. พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6- 8 ชั่วโมง
แม้จะนอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับๆ ตื่นๆ ในบางคืน แต่อย่างน้อยเราก็ควรจะหาเวลาให้ร่างกายได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอเสมอๆ ค่ะ
4. หากิจกรรมที่ชอบทำช่วยจัดการอารมณ์
เมื่อรู้สึกกระวนกระวาย จิตใจว้าวุ่น
ลองจัดการกับความเครียดและควบคุมอารมณ์อย่างการอ่านหนังสือ จัดสวน
ปฎิบัติธรรม หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยสร้างความบันเทิง
ช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตให้แข็งแรงอยู่เสมอ
5. เลือกรับประทานอาหาร ให้ครบ 5 หมู่
ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีคลอเลสเตอรอลสูง จำพวก ไข่แดง ปลาหมึก หอยนางรม
และควรเพิ่มเติมอาหารที่มีแคลเซียมสูงอย่าง นม โยเกิร์ต พืชตระกูลถั่ว
เต้าหู้ งาดำ เนื้อปลา ผักใบเขียว ซึ่งเป็นตัวเสริมสร้างกระดูก
สามารถป้องกันภาวะกระดูกพรุนได้ และอย่าลืมดื่มน้ำมากๆ
นอกจากนี้การเลือกอาหารให้เหมาะแต่ละประเภทสามารถจำแนกได้ดังนี้
รับประทานอาหารอย่างไร เสริมสร้างร่างกายและจิตใจเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น
อาหารป้องกันโรคกระดูกพรุน
ยิ่งอายุมากขึ้น ความแข็งแรงของมวลกระดูกก็ยิ่งลดน้อยลง
เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน
ดังนั้นจึงควรทานอาหารที่เสริมสร้างแคลเซียมให้กับร่างกาย อาทิ น้ำเต้าหู้
โยเกิร์ตไขมันต่ำ ผักใบเขียว หรือลูกพรุนเป็นต้น
อาหารบำรุงสุขภาพหัวใจ
แน่นอนว่านอกจากอายุมากขึ้น มีโอกาสจะเกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย
หนึ่งในนั้นคือการเกิดโรคหัวใจ หัวใจวาย เส้นเลือดหัวใจอุดตัน
และคลอเรสเตอรอลสูง
เราจึงต้องรีบเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้สุขภาพหัวใจด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคเหล่านี้ได้
อาทิ
การทานผักผลไม้เพื่อกำจัดสารพิษที่อุดตันในหลอดเลือดแดงควบคู่กันไปพร้อมกับการเพิ่มวิตามินหรือสารอาหารอื่นๆ
นอกจากนี้
ไม่ควรละเลยการทานปลาอย่างแซลมอนหรือปลาทูที่ให้กรดไขมันโอเมก้า-3
ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันหัวใจให้ไกลห่างจากคลอเรสเตอรอลได้
อาหารบำรุงสมอง
อย่างที่บอกว่าเราอาจจะมีอาการหลงลืมบ้างเล็กน้อย
ฉะนั้นการทานอาหารที่ช่วยบำรุงสมอง อาทิ แปะก๊วย
พืชสมุนไพรที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มความจำ
และป้องกันการเกิดอัลไซเมอร์ได้อย่างดีเยี่ยม
อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย หรือการดื่มนมถั่วเหลือง
ที่มีเลซิตินและวิตามินบี 12 สูง
มีส่วนช่วยในการดูแลระบบสมองให้ความจำดีขึ้นได้เช่นกัน
รับประทานผลิตภัณฑ์ประเภทถั่วเหลือง และเลือกประเภทเครื่องดื่มให้เหมาะสม
จากการวิจัยพบว่า การทานถั่วเหลืองจะช่วยลดอาการร้อนวูบวาบได้
ถ้าให้พูดถึงคุณประโยชน์จากถั่วเหลืองที่แท้จริง
สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงช่วยลดโคเลสเตอรอลที่ไม่ดี
ฉะนั้นผู้ที่อยู่ในวัย 45+ ควรทานผลิตภัณฑ์ที่ได้จากถั่วเหลือง
ที่คัดสรรสารอาหารมาเพื่อวัยคุณ ที่ช่วยดูแลปกป้องระบบสำคัญของร่างกายคุณ
ทั้งกระดูก สมอง และหัวใจ