ผลไม้พร้อมรับประทานที่ปอกและหั่นให้เสร็จ เลือกกินตามนี้สิหุ่นจะเผ็ดจะเด็ดด้วยรูปร่างดี๊ดี เพราะนี่คือผลไม้ลดความอ้วน !
กำลังลดน้ำหนักอยู่แต่หาอาหารที่กินแล้วไม่อ้วนได้น้อยมาก ยิ่งกับคนที่ไม่มีเวลาทำอาหารกินเอง เช่น พนักงานออฟฟิศ ต้องซื้ออาหารนอกบ้านกินตลอด วิธีที่จะช่วยเราลดน้ำหนักได้มากที่สุดก็เห็นจะเป็นการรับประทานผลไม้ให้มากกว่าขนมทั้งหลายใช่ไหมคะ
อ๊ะ ! แล้วผลไม้รถเข็น หรือผลไม้พร้อมกินที่จัดมาเป็นแพ็กขายตามตลาด แบบไหนคือผลไม้ลดความอ้วน ที่ชาวออฟฟิศควรเลือกทานดี กระปุกดอทคอมมีลิสต์รายชื่อผลไม้กินแล้วไม่อ้วน แนว ๆ ผลไม้ลดน้ำหนักมาบอกต่อตามนี้เลยค่ะ
1. ฝรั่ง
ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารสูงและยังมีแคลอรีต่ำ รับประทานแล้วจะช่วยทำให้อิ่มง่าย นอกจากนี้ฝรั่งยังมีคุณสมบัติช่วยลดการสลายตัวของแป้งและลดการดูดซึมของน้ำตาล ด้วยเหตุนี้ฝรั่งจึงเป็นผลไม้ที่เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่กำลังลดความอ้วน ที่สำคัญฝรั่ง 1 ลูก น้ำหนัก 225 กรัม มีปริมาณน้ำตาลเพียง 3.12 ช้อนชาเท่านั้นเองค่ะ ถ้าทานสักครึ่งลูกก็รับพลังงานไปเพียง 50-60 กิโลแคลอรี
2. แอปเปิล
ผลไม้ลดน้ำหนักอย่างแอปเปิลเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และเกลือแร่ที่ดีต่อร่างกาย ด้วยเหตุผลนี้แอปเปิลจึงเป็นผลไม้ตัวแม่ที่ช่วยลดความอ้วนได้เพราะไฟเบอร์จะช่วยให้คุณอิ่ม ไม่กินจุบจิบ ระบบการขับถ่ายก็จะดีเลิศ แถมยังมีวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยเปล่งปลั่งได้อีกต่างหาก ฉะนั้นจัดแอปเปิลเป็นของว่างระหว่างวันได้เลยค่ะ สัก 1 ผล แคลอรีก็ประมาณ 60 กิโลแคลอรีเท่านั้น
3. สับปะรด
สับปะรดประมาณ 6-8 ชิ้นพอดีคำ ให้พลังงานราว ๆ 50-70 กิโลแคลอรี และนอกจากสับปะรดจะมีรสหวานอมเปรี้ยว ไฟเบอร์สูง วิตามิน-แร่ธาตุก็มากแล้ว ในสับปะรดยังมีเอนไซม์โบมีเลียน (Bromelian) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีคุณสมบัติช่วยย่อยโปรตีนได้ดี ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารโดยเฉพาะโปรตีนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ง่าย ดังนั้นใครกำลังลดน้ำหนักและสร้างกล้ามเนื้อไปพร้อม ๆ กัน สับปะรดคือผลไม้ที่ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวค่ะ
อ๊ะ ! สำหรับใครที่อยากลดความอยากอาหาร ลดพฤติกรรมกินจุบจิบของตัวเอง รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของสับปะรดก็จะช่วยให้เรารู้สึกกินอาหารอย่างอื่นไม่ค่อยอร่อย เพราะเอนไซม์ในสับปะรดจะทำให้เกิดอาการแสบลิ้นสักพัก ฉะนั้นเมื่อปากรู้สึกอยากอาหารพาอ้วน จิ้มสับปะรดสักชิ้นกินเข้าไปแทนเลยค่ะ วิธีนี้ช่วยคุณตัดแคลอรีส่วนเกินจากอาหารได้แน่ ๆ
4. แตงโม
แตงโมเป็นผลไม้ฉ่ำน้ำ มีรสชาติหวานชื่นใจ ดังนั้นใครที่ชอบตบมื้ออาหารด้วยขนมหวาน ของหวาน ของกินเล่นทอด ๆ มัน ๆ แนะนำให้ใช้เงินที่กำลังจะออกจากกระเป๋าสตางค์ไปซื้อแตงโมกินดีกว่าค่ะ อร่อยชื่นใจ คลายร้อน คลายรสชาติเผ็ด ๆ เฝื่อน ๆ คอได้ แถมรสหวานจากแตงโมยังช่วยลดความอยากอาหารหวาน ๆ ได้ดีเลยล่ะ และเห็นแตงโมหวานฉ่ำอย่างนั้น บอกเลยค่ะว่าแตงโมประมาณ 10 ชิ้นพอดีคำ ให้น้ำตาลแค่ 2.17 ช้อนชาเท่านั้นเอง และให้พลังงานราว ๆ 60-80 กิโลแคลอรี
5. มะละกอ
นอกจากมะละกอจะเป็นผลไม้ตัวแม่ที่ช่วยเรื่องการขับถ่ายแล้ว มะละกอยังมีปริมาณไฟเบอร์มหาศาล มีเอนไซม์ช่วยย่อยที่สามารถกำจัดคราบโปรตีนเก่า ๆ ที่ร่างกายย่อยไม่หมดออกไปเท่ากับช่วยกำจัดอุปสรรคที่ขัดขวางการทำงานของลำไส้ ทำให้อาหารที่เรากินเข้าไปถูกย่อย และดูดซึมได้โดยง่าย
อีกทั้งในมะละกอยังมีฟลาโวนอยด์ แคโรทีน วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระเป็นอาวุธชั้นดีคอยช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ดังนั้นสาว ๆ ที่อยากมีผิวพรรณดี ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัย ก็จัดมะละกอได้เลยค่ะ แต่ก็อย่าเผลอกินมะละกอสุกมากจนเกินไปนะ เพราะมะละกอสุก 8 ชิ้นพอดีคำ จะให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี กินมากกว่านี้ก็ได้รับแคลอรีและน้ำตาลจากมะละกอสุกมากขึ้นจ้า
6. ชมพู่
ชมพู่เป็นผลไม้ที่ให้แคลอรีน้อยมาก จากข้อมูลของกองโภชนาการ กรมอนามัย ทำให้ทราบว่า ชมพู่ทับทิมจันทน์ 1 ผลใหญ่ ปริมาณประมาณ 126 กรัม ให้พลังงานเพียงแค่ 53 กิโลแคลอรีเท่านั้น ส่วนน้ำตาลก็ประมาณ 2.4 ช้อนชาต่อ 1 ผล อีกทั้งชมพู่ยังเป็นผลไม้ที่มีสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตไม่มาก ไฟเบอร์สูง ดังนั้นจึงจัดเป็นผลไม้กินแล้วไม่อ้วนแน่นอนค่ะ
7. แก้วมังกร
เนื้อแก้วมังกรสีขาวประมาณ 1/4 ผล จะให้ไฟเบอร์ประมาณ 2.6 กรัม ในขณะที่ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี แก้วมังกรเลยจัดเป็นผลไม้ช่วยลดน้ำหนัก เพราะเป็นผลไม้ที่มีสารมิวซิเลจ (Mucilage) ซึ่งมีเฉพาะในตระกูลกระบองเพชร ลักษณะคล้ายวุ้นเจลช่วยดูดซับน้ำในร่างกาย ทำให้อิ่มอยู่ท้องทั้งที่เป็นเพียงผลไม้เบา ๆ กินแทนอาหารเย็นได้สบายเลย
8. มะม่วง
หลายคนไม่ยอมกินมะม่วงเลย เพราะเกรงว่าแป้ง และน้ำตาลในมะม่วงจะทำให้อ้วนขึ้น แต่จริง ๆ แล้วมะม่วงมันปริมาณ 1 ผลขนาดกลาง ให้พลังงานเพียง 87 กิโลแคลอรีค่ะ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และแคลเซียม ที่สำคัญมะม่วงยังมีไฟเบอร์มากถึง 3 กรัมต่อปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ดังนั้นหากกินมะม่วงในปริมาณที่พอเหมาะ (สักครึ่งลูก) ก็จะช่วยให้เราอิ่มอร่อยทั้งปากและท้อง ลดปริมาณการกินขนมพาอ้วนชนิดอื่น ๆ ได้อีก
9. แคนตาลูป
แคนตาลูปเป็นผลไม้ที่ไม่ได้มีรสชาติหวานมากนัก เพราะเป็นผลไม้น้ำตาลต่ำ โดยแคนตาลูปประมาณ 5 ชิ้นพอดีคำมีน้ำตาลเพียงแค่ 1.67 ช้อนชาเองนะคะ และให้พลังงานราว ๆ 60 กิโลแคลอรี นอกจากนี้แคนตาลูปยังเป็นผลไม้ที่มีคาร์บอยู่ในตัวเองเล็กน้อย พร้อมกับมีโพแทสเซียมค่อนข้างสูง คนที่กำลังลดน้ำหนักและอยากได้กล้ามเนื้อไปพร้อม ๆ กัน แคนตาลูปจะช่วยได้ดีในเรื่องกระบวนการสร้างไกลโคเจนให้ร่างกาย
โดยเฉพาะหากกินแคนตาลูปหลังออกกำลังกาย หรือกินแคนตาลูปในช่วงเช้า ร่างกายจะได้รับพลังงานจากคาร์บและน้ำตาลฟรุกโตส ทำให้เกิดความรู้สึกสดชื่นได้ง่าย ๆ ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และช่วยลดความอยากกินของหวานในร่างกายลงด้วย
10. สาลี่
สาลี่ที่มีจำหน่ายในบ้านเรามีอยู่ 4 สายพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่ สาลี่หอม สาลี่ก้านยาว สาลี่น้ำผึ้ง และสาลี่หิมะ ซึ่งสาลี่แต่ละสายพันธุ์ให้พลังงานและน้ำตาลไม่เท่ากัน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว สาลี่ 1 ผลให้พลังงานราว ๆ 53-120 กิโลแคลอรี และมีน้ำตาลประมาณ 7-12 กรัมต่อผล ดังนั้นหากอยากกินสาลี่แบบไม่อ้วน แนะนำให้กินสาลี่ครั้งละครึ่งผลก็พอค่ะ
11. ลูกไหน-ลูกพรุน
ลูกไหนเป็นผลไม้ที่มีสารไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytochemical) และแร่ธาตุสารอาหารสูง แต่กลับเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำเพียง 58 กิโลแคลอรีต่อปริมาณลูกไหน 6 ผล ทั้ง ๆ ที่ลูกไหนมีรสชาติหวานอร่อยแบบไม่ต้องพึ่งพริกเกลือและเครื่องจิ้มอื่น ๆ เลย เนื่องจากน้ำตาลที่มีอยู่ในลูกไหนเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติที่มีรสหวานกลมกล่อม ที่สำคัญยังเป็นน้ำตาลชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเราด้วยนะ
โดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ พบว่า การรับประทานลูกไหนอบแห้ง หรือลูกพรุนจะช่วยควบคุมความอยากอาหารได้อีกด้วย ทำให้สามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีไฟเบอร์สูง ทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปยังคงอยู่ในท้องนานขึ้น ลดอาการหิวบ่อย ๆ และการรับประทานอาหารมากเกินพอดีได้อีกด้วยค่ะ
12. มะพร้าว
แม้มะพร้าวจะมีรสชาติหวานเจี๊ยบ แต่ความหวานนั้นก็เป็นน้ำตาลธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารอาหาร และวิตามินที่เป็นประโยชน์กับร่างกายเราหลายชนิด นอกจากนี้ ไขมันอิ่มตัวที่อยู่ในน้ำมันมะพร้าว เนื้อมะพร้าว หรือกะทิจากมะพร้าว ก็เป็นกรดไขมันที่อิ่มตัวโดยสมบูรณ์ โมเลกุลจึงแตกต่างจากไขมันอิ่มตัวในอาหารต้องห้ามของคนไดเอตนะคะ ดังนั้นเนื้อมะพร้าวลูกย่อม ๆ สัก 1 ลูก ก็ไม่ทำให้อ้วนได้เท่ากินอาหารขยะจานเดียวแน่ ๆ
อย่างไรก็ตามการกินผลไม้แบบไม่อ้วนก็ควรต้องงดเครื่องจิ้มประเภทพริกเกลือซึ่งมีทั้งน้ำตาลและโซเดียมสูง ส่งผลให้เกิดภาวะบวมได้ ที่สำคัญก่อนจะเลือกซื้อผลไม้พร้อมกินจากร้านข้างทาง ในตลาด ในซูเปอร์มาเก็ต หรือจากรถขายผลไม้ก็ตาม ควรต้องใส่ใจในการเลือกซื้อผลไม้มารับประทานกันด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพนั่นเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กองโภชนาการ กรมอนามัย
กองโภชนาการ กรมอนามัย
กองโภชนาการ กรมอนามัย
allwomenstalk
กำลังลดน้ำหนักอยู่แต่หาอาหารที่กินแล้วไม่อ้วนได้น้อยมาก ยิ่งกับคนที่ไม่มีเวลาทำอาหารกินเอง เช่น พนักงานออฟฟิศ ต้องซื้ออาหารนอกบ้านกินตลอด วิธีที่จะช่วยเราลดน้ำหนักได้มากที่สุดก็เห็นจะเป็นการรับประทานผลไม้ให้มากกว่าขนมทั้งหลายใช่ไหมคะ
อ๊ะ ! แล้วผลไม้รถเข็น หรือผลไม้พร้อมกินที่จัดมาเป็นแพ็กขายตามตลาด แบบไหนคือผลไม้ลดความอ้วน ที่ชาวออฟฟิศควรเลือกทานดี กระปุกดอทคอมมีลิสต์รายชื่อผลไม้กินแล้วไม่อ้วน แนว ๆ ผลไม้ลดน้ำหนักมาบอกต่อตามนี้เลยค่ะ
ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารสูงและยังมีแคลอรีต่ำ รับประทานแล้วจะช่วยทำให้อิ่มง่าย นอกจากนี้ฝรั่งยังมีคุณสมบัติช่วยลดการสลายตัวของแป้งและลดการดูดซึมของน้ำตาล ด้วยเหตุนี้ฝรั่งจึงเป็นผลไม้ที่เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่กำลังลดความอ้วน ที่สำคัญฝรั่ง 1 ลูก น้ำหนัก 225 กรัม มีปริมาณน้ำตาลเพียง 3.12 ช้อนชาเท่านั้นเองค่ะ ถ้าทานสักครึ่งลูกก็รับพลังงานไปเพียง 50-60 กิโลแคลอรี
ผลไม้ลดน้ำหนักอย่างแอปเปิลเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และเกลือแร่ที่ดีต่อร่างกาย ด้วยเหตุผลนี้แอปเปิลจึงเป็นผลไม้ตัวแม่ที่ช่วยลดความอ้วนได้เพราะไฟเบอร์จะช่วยให้คุณอิ่ม ไม่กินจุบจิบ ระบบการขับถ่ายก็จะดีเลิศ แถมยังมีวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยเปล่งปลั่งได้อีกต่างหาก ฉะนั้นจัดแอปเปิลเป็นของว่างระหว่างวันได้เลยค่ะ สัก 1 ผล แคลอรีก็ประมาณ 60 กิโลแคลอรีเท่านั้น
สับปะรดประมาณ 6-8 ชิ้นพอดีคำ ให้พลังงานราว ๆ 50-70 กิโลแคลอรี และนอกจากสับปะรดจะมีรสหวานอมเปรี้ยว ไฟเบอร์สูง วิตามิน-แร่ธาตุก็มากแล้ว ในสับปะรดยังมีเอนไซม์โบมีเลียน (Bromelian) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีคุณสมบัติช่วยย่อยโปรตีนได้ดี ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารโดยเฉพาะโปรตีนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ง่าย ดังนั้นใครกำลังลดน้ำหนักและสร้างกล้ามเนื้อไปพร้อม ๆ กัน สับปะรดคือผลไม้ที่ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวค่ะ
อ๊ะ ! สำหรับใครที่อยากลดความอยากอาหาร ลดพฤติกรรมกินจุบจิบของตัวเอง รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของสับปะรดก็จะช่วยให้เรารู้สึกกินอาหารอย่างอื่นไม่ค่อยอร่อย เพราะเอนไซม์ในสับปะรดจะทำให้เกิดอาการแสบลิ้นสักพัก ฉะนั้นเมื่อปากรู้สึกอยากอาหารพาอ้วน จิ้มสับปะรดสักชิ้นกินเข้าไปแทนเลยค่ะ วิธีนี้ช่วยคุณตัดแคลอรีส่วนเกินจากอาหารได้แน่ ๆ
4. แตงโม
แตงโมเป็นผลไม้ฉ่ำน้ำ มีรสชาติหวานชื่นใจ ดังนั้นใครที่ชอบตบมื้ออาหารด้วยขนมหวาน ของหวาน ของกินเล่นทอด ๆ มัน ๆ แนะนำให้ใช้เงินที่กำลังจะออกจากกระเป๋าสตางค์ไปซื้อแตงโมกินดีกว่าค่ะ อร่อยชื่นใจ คลายร้อน คลายรสชาติเผ็ด ๆ เฝื่อน ๆ คอได้ แถมรสหวานจากแตงโมยังช่วยลดความอยากอาหารหวาน ๆ ได้ดีเลยล่ะ และเห็นแตงโมหวานฉ่ำอย่างนั้น บอกเลยค่ะว่าแตงโมประมาณ 10 ชิ้นพอดีคำ ให้น้ำตาลแค่ 2.17 ช้อนชาเท่านั้นเอง และให้พลังงานราว ๆ 60-80 กิโลแคลอรี
5. มะละกอ
นอกจากมะละกอจะเป็นผลไม้ตัวแม่ที่ช่วยเรื่องการขับถ่ายแล้ว มะละกอยังมีปริมาณไฟเบอร์มหาศาล มีเอนไซม์ช่วยย่อยที่สามารถกำจัดคราบโปรตีนเก่า ๆ ที่ร่างกายย่อยไม่หมดออกไปเท่ากับช่วยกำจัดอุปสรรคที่ขัดขวางการทำงานของลำไส้ ทำให้อาหารที่เรากินเข้าไปถูกย่อย และดูดซึมได้โดยง่าย
อีกทั้งในมะละกอยังมีฟลาโวนอยด์ แคโรทีน วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระเป็นอาวุธชั้นดีคอยช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ดังนั้นสาว ๆ ที่อยากมีผิวพรรณดี ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัย ก็จัดมะละกอได้เลยค่ะ แต่ก็อย่าเผลอกินมะละกอสุกมากจนเกินไปนะ เพราะมะละกอสุก 8 ชิ้นพอดีคำ จะให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี กินมากกว่านี้ก็ได้รับแคลอรีและน้ำตาลจากมะละกอสุกมากขึ้นจ้า
6. ชมพู่
ชมพู่เป็นผลไม้ที่ให้แคลอรีน้อยมาก จากข้อมูลของกองโภชนาการ กรมอนามัย ทำให้ทราบว่า ชมพู่ทับทิมจันทน์ 1 ผลใหญ่ ปริมาณประมาณ 126 กรัม ให้พลังงานเพียงแค่ 53 กิโลแคลอรีเท่านั้น ส่วนน้ำตาลก็ประมาณ 2.4 ช้อนชาต่อ 1 ผล อีกทั้งชมพู่ยังเป็นผลไม้ที่มีสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตไม่มาก ไฟเบอร์สูง ดังนั้นจึงจัดเป็นผลไม้กินแล้วไม่อ้วนแน่นอนค่ะ
7. แก้วมังกร
เนื้อแก้วมังกรสีขาวประมาณ 1/4 ผล จะให้ไฟเบอร์ประมาณ 2.6 กรัม ในขณะที่ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี แก้วมังกรเลยจัดเป็นผลไม้ช่วยลดน้ำหนัก เพราะเป็นผลไม้ที่มีสารมิวซิเลจ (Mucilage) ซึ่งมีเฉพาะในตระกูลกระบองเพชร ลักษณะคล้ายวุ้นเจลช่วยดูดซับน้ำในร่างกาย ทำให้อิ่มอยู่ท้องทั้งที่เป็นเพียงผลไม้เบา ๆ กินแทนอาหารเย็นได้สบายเลย
8. มะม่วง
หลายคนไม่ยอมกินมะม่วงเลย เพราะเกรงว่าแป้ง และน้ำตาลในมะม่วงจะทำให้อ้วนขึ้น แต่จริง ๆ แล้วมะม่วงมันปริมาณ 1 ผลขนาดกลาง ให้พลังงานเพียง 87 กิโลแคลอรีค่ะ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และแคลเซียม ที่สำคัญมะม่วงยังมีไฟเบอร์มากถึง 3 กรัมต่อปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ดังนั้นหากกินมะม่วงในปริมาณที่พอเหมาะ (สักครึ่งลูก) ก็จะช่วยให้เราอิ่มอร่อยทั้งปากและท้อง ลดปริมาณการกินขนมพาอ้วนชนิดอื่น ๆ ได้อีก
แคนตาลูปเป็นผลไม้ที่ไม่ได้มีรสชาติหวานมากนัก เพราะเป็นผลไม้น้ำตาลต่ำ โดยแคนตาลูปประมาณ 5 ชิ้นพอดีคำมีน้ำตาลเพียงแค่ 1.67 ช้อนชาเองนะคะ และให้พลังงานราว ๆ 60 กิโลแคลอรี นอกจากนี้แคนตาลูปยังเป็นผลไม้ที่มีคาร์บอยู่ในตัวเองเล็กน้อย พร้อมกับมีโพแทสเซียมค่อนข้างสูง คนที่กำลังลดน้ำหนักและอยากได้กล้ามเนื้อไปพร้อม ๆ กัน แคนตาลูปจะช่วยได้ดีในเรื่องกระบวนการสร้างไกลโคเจนให้ร่างกาย
โดยเฉพาะหากกินแคนตาลูปหลังออกกำลังกาย หรือกินแคนตาลูปในช่วงเช้า ร่างกายจะได้รับพลังงานจากคาร์บและน้ำตาลฟรุกโตส ทำให้เกิดความรู้สึกสดชื่นได้ง่าย ๆ ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และช่วยลดความอยากกินของหวานในร่างกายลงด้วย
10. สาลี่
สาลี่ที่มีจำหน่ายในบ้านเรามีอยู่ 4 สายพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่ สาลี่หอม สาลี่ก้านยาว สาลี่น้ำผึ้ง และสาลี่หิมะ ซึ่งสาลี่แต่ละสายพันธุ์ให้พลังงานและน้ำตาลไม่เท่ากัน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว สาลี่ 1 ผลให้พลังงานราว ๆ 53-120 กิโลแคลอรี และมีน้ำตาลประมาณ 7-12 กรัมต่อผล ดังนั้นหากอยากกินสาลี่แบบไม่อ้วน แนะนำให้กินสาลี่ครั้งละครึ่งผลก็พอค่ะ
ลูกไหนเป็นผลไม้ที่มีสารไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytochemical) และแร่ธาตุสารอาหารสูง แต่กลับเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำเพียง 58 กิโลแคลอรีต่อปริมาณลูกไหน 6 ผล ทั้ง ๆ ที่ลูกไหนมีรสชาติหวานอร่อยแบบไม่ต้องพึ่งพริกเกลือและเครื่องจิ้มอื่น ๆ เลย เนื่องจากน้ำตาลที่มีอยู่ในลูกไหนเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติที่มีรสหวานกลมกล่อม ที่สำคัญยังเป็นน้ำตาลชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเราด้วยนะ
โดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ พบว่า การรับประทานลูกไหนอบแห้ง หรือลูกพรุนจะช่วยควบคุมความอยากอาหารได้อีกด้วย ทำให้สามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีไฟเบอร์สูง ทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปยังคงอยู่ในท้องนานขึ้น ลดอาการหิวบ่อย ๆ และการรับประทานอาหารมากเกินพอดีได้อีกด้วยค่ะ
แม้มะพร้าวจะมีรสชาติหวานเจี๊ยบ แต่ความหวานนั้นก็เป็นน้ำตาลธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารอาหาร และวิตามินที่เป็นประโยชน์กับร่างกายเราหลายชนิด นอกจากนี้ ไขมันอิ่มตัวที่อยู่ในน้ำมันมะพร้าว เนื้อมะพร้าว หรือกะทิจากมะพร้าว ก็เป็นกรดไขมันที่อิ่มตัวโดยสมบูรณ์ โมเลกุลจึงแตกต่างจากไขมันอิ่มตัวในอาหารต้องห้ามของคนไดเอตนะคะ ดังนั้นเนื้อมะพร้าวลูกย่อม ๆ สัก 1 ลูก ก็ไม่ทำให้อ้วนได้เท่ากินอาหารขยะจานเดียวแน่ ๆ
อย่างไรก็ตามการกินผลไม้แบบไม่อ้วนก็ควรต้องงดเครื่องจิ้มประเภทพริกเกลือซึ่งมีทั้งน้ำตาลและโซเดียมสูง ส่งผลให้เกิดภาวะบวมได้ ที่สำคัญก่อนจะเลือกซื้อผลไม้พร้อมกินจากร้านข้างทาง ในตลาด ในซูเปอร์มาเก็ต หรือจากรถขายผลไม้ก็ตาม ควรต้องใส่ใจในการเลือกซื้อผลไม้มารับประทานกันด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพนั่นเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กองโภชนาการ กรมอนามัย
กองโภชนาการ กรมอนามัย
กองโภชนาการ กรมอนามัย
allwomenstalk