สรรพคุณ (ลับ) ที่ซ่อนอยู่ในอบเชย

หากพูดถึง Cinnamon คุณผู้อ่านหลายๆ ท่านอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นหูกับชื่อนี้เท่าไหร่นัก เจ้า Cinnamon นี้มีชื่อไทยๆ ว่า อบเชย ค่ะ เมื่อเป็นชื่อไทยก็คงจะมีคนรู้จักกันขึ้นมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะในแวดวงคนทำอาหารคงรู้จักอบเชยกันดีอย่างแน่นอน เนื่องจากเจ้าอบเชยที่ว่านี่ก็เป็นเครื่องเทศที่ได้รับความนิยมในการทำอาหารและขนมบางชนิด แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการนำอบเชยมาใช้ประโยชน์หลากหลายมากขึ้น ทั้งด้านสุขภาพ และความงาม ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีการค้นคว้าวิจัยสรรพคุณของอบเชยกันอย่างแพร่หลายที่พบว่า อบเชย เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกายได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

     การค้นคว้าและทดลองจาก the University of Michigan ได้ทำการตรวจสอบประสิทธิภาพของ Cinnamaldehyde หรือ ซินนามาลดีไฮด์ที่มีปฏิกิริยาต่อเซลล์ไขมันจากหนูและเซลล์ไขมันจากมนุษย์ สารซินนามาลดีไฮด์นี้เป็นสารที่ให้กลิ่นและรสในอบเชย มีสรรพคุณในการต้านเชื้อจุลินทรีย์ ผลการทดลองพบว่าสารดังกล่าวทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์ไขมันทั้งในหนูและมนุษย์เริ่มกระบวนการเผาผลาญแคลอรี่ได้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าสารซินนามาลดีไฮด์มีส่วนช่วยในการเร่งประสิทธิภาพการทำงานของยีน เอนไซม์และโปรตีน ทำให้กระบวนการเผาผลาญไขมันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

    โดยปกติแล้ว เซลล์ไขมัน หรือ adipocytes จะเก็บพลังงานในรูปแบบของ ลิพิด (lipids) เพื่อให้ร่างกายสามารถดึงพลังงานเหล่านั้นมาใช้ได้เมื่อขาดแคลนอาหาร หรือเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายเมื่ออุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลง ทว่าในยุคปัจจุบันที่เราสามารถหาของกินได้ทุกที่โดยไม่ขาดแคลน การสะสมไขมันเอาไว้สำหรับช่วงฤดูหนาวจึงอาจเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเสมอไป ซึ่งไขมันที่สะสมเอาไว้ก็จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุอีกด้วย

    การบริโภคอบเชย หรือ Cinnamon เป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายเริ่มกระบวนการเผาผลาญเซลล์ไขมันเหล่านั้นออกไป แทนที่จะกักเก็บเอาไว้โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่ถ้าหากเพื่อนๆ กำลังคิดที่จะรับประทานอบเชยครั้งละมากๆ เพื่อให้ร่างกายมีการเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น ขอบอกเลยว่าไม่ควรทำอย่างยิ่ง! เพราะการบริโภคปริมาณมากๆ ในครั้งเดียวไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ กับระบบเผาผลาญ เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาแนะนำว่าควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ทานเป็นประจำ เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญที่ละน้อยแต่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ อบเชย ยังมีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิตอันเป็นสาเหตุของโรคร้ายต่างๆ ให้อยู่ในระดับปกติ สามารถช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน แก้ท้องร่วงท้องเสีย รักษาแผลในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการปวดประจำเดือนของสุภาพสตรี และอีกมากมายเลยทีเดียวที่อัดแน่นอยู่ในอบเชย

     หากเพื่อนๆ สนใจรับประทานอบเชยกันขึ้นมาแล้วล่ะก็ เราก็มีสูตรอาหาร และขนมที่มีอบเชยเป็นส่วนผสม เช่น แกงมัสมั่น พะโล้ เนื้อตุ๋น ไก่ตุ๋น และเบเกอรี่บางชนิด สามารถศึกษาหาวิธีทำได้จากอินเตอร์เน็ทหรือหนังสือสอนทำอาหารได้ทั่วไป



www.health.com
www.medthai.com