กินวิตามินซีตอนไหนถึงได้ประโยชน์สูงสุด ก่อนอาหาร หลังอาหาร หรือก่อนนอน วิธีกินวิตามินซีที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ตอบได้ไหมคะ
อาหารเสริมอย่าง "วิตามินซี" เป็นที่นิยมกันมาก โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน หน้าหนาว ที่คนเป็นไข้หวัดกันเยอะ เลยหาซื้อวิตามินซีแบบอัดเม็ดมากินกันเอง เพื่อช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย จะได้ไม่ป่วยง่าย ๆ แต่ก็มีคำถามอยู่เหมือนกันว่า เราควรกินวิตามินซีเสริมแบบนี้มากแค่ไหน แล้วถ้าจะกิน ควรกินช่วงไหน ร่างกายถึงได้รับประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยปกติคนอายุ 15 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินซี 60-90 มิลลิกรัมต่อวัน
ส่วนเด็กต้องการวิตามินซี 30-50 มิลลิกรัมต่อวัน
แต่ก็สามารถกินเพิ่มได้ถึงราว ๆ 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน
แต่ในบางคนอาจจำเป็นต้องรับอาหารเสริมวิตามินซีเพิ่มมากหน่อย คือตั้งแต่ 500 มิลลิกรัมขึ้นไป อย่างเช่น คนที่เป็นหวัดบ่อย ๆ, คนที่มีอาการเลือดออกตามไรฟัน ลักปิดลักเปิด แพทย์จะให้กินวิตามินซีเสริม รวมทั้งผู้ที่สูบบุหรี่ก็จำเป็นต้องกิน เพราะบุหรี่จะไปลดปริมาณวิตามินซีในร่างกาย เช่นเดียวกับหญิงตั้งครรภ์ คนที่เตรียมตัวผ่าตัด หรือเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัด ก็ควรได้รับวิตามินซีในปริมาณที่มากขึ้น
กินวิตามินซีตอนไหน ได้ประโยชน์มากที่สุด
เรื่องนี้ ภญ.วริยา สารรัตนะ ได้ให้คำตอบไว้ในเว็บไซต์หน่วยคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่า จริง ๆ แล้วสามารถกินเวลาใดก็ได้ขึ้นอยู่กับความสะดวก แต่แนะนำว่าอย่ากินตอนท้องว่าง ถ้าจะให้ดีควรกินพร้อมอาหารหรือหลังอาหารจะดีที่สุด เพราะอาหารจะเป็นตัวช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีไปใช้ได้ และเป็นการป้องกันกระเพาะอาหารระคายเคืองด้วย เพราะวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นกรดนั่นเอง
ทั้งนี้ เราอาจแบ่งกินวิตามินซีตามมื้ออาหารก็ได้ เช่น วันละ 2 เวลาหลังอาหาร หรือวันละ 3 เวลาหลังอาหาร จะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินซีได้ดีกว่าการกินทั้งหมดในครั้งเดียวค่ะ
วิตามินซี กินมากไป ใช่ว่าดี
อาหารทุกอย่างกินน้อยไปก็ไม่ได้ กินมากไปก็ไม่ดี รวมทั้งวิตามินซีด้วยค่ะ เพราะถ้าร่างกายได้รับน้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน ทำให้เป็นหวัดง่าย เลือดออกตามไรฟัน ผิวพรรณดูไม่ผ่องใส เพราะวิตามินซีมีสารแอนติออกซิแดนต์ช่วยชะลอความแก่ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วย
แต่ถ้ากินมากเกินไป เช่น กินเกิน 1,000-2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันนาน ๆ เข้า ก็อาจเกิดผลข้างเคียง อย่างเช่น ไม่สบายท้อง ปวดมวนท้อง ท้องเสียรุนแรง เกิดแผลในกระเพาะอาหาร ป่วยเป็นโรคโลหิตจาง รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในไต แต่ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะอาการข้างเคียงเหล่านี้พบได้น้อยมาก เนื่องจากวิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ จึงขับออกทางปัสสาวะได้นั่นเอง ดังนั้นแล้วหากใครจำเป็นต้องกินวิตามินซีในปริมาณสูงกว่าที่กำหนด ก็ควรกินพร้อมหรือหลังอาหาร และดื่มน้ำตามมาก ๆ ด้วยค่ะ
วิตามินซีเสริมเป็นเพียงตัวช่วยหนึ่งเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วก็สู้วิตามินซีที่เราได้จากธรรมชาติไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นหมั่นกินผัก-ผลไม้ให้มาก ๆ โดยเฉพาะฝรั่ง ส้ม มะละกอ มะนาว มะม่วง มะเขือเทศ มันฝรั่ง กีวี สตรอว์เบอร์รี ผักใบเขียว อาหารเหล่านี้เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินซีที่จะช่วยคุ้มกันร่างกายให้หายจากโรค โดยไม่ต้องเสียเงินซื้ออาหารเสริมมาdboเลย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

- คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

อาหารเสริมอย่าง "วิตามินซี" เป็นที่นิยมกันมาก โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน หน้าหนาว ที่คนเป็นไข้หวัดกันเยอะ เลยหาซื้อวิตามินซีแบบอัดเม็ดมากินกันเอง เพื่อช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย จะได้ไม่ป่วยง่าย ๆ แต่ก็มีคำถามอยู่เหมือนกันว่า เราควรกินวิตามินซีเสริมแบบนี้มากแค่ไหน แล้วถ้าจะกิน ควรกินช่วงไหน ร่างกายถึงได้รับประสิทธิภาพมากที่สุด
กินวิตามินซีเสริมดีไหมนะ ?
แต่ในบางคนอาจจำเป็นต้องรับอาหารเสริมวิตามินซีเพิ่มมากหน่อย คือตั้งแต่ 500 มิลลิกรัมขึ้นไป อย่างเช่น คนที่เป็นหวัดบ่อย ๆ, คนที่มีอาการเลือดออกตามไรฟัน ลักปิดลักเปิด แพทย์จะให้กินวิตามินซีเสริม รวมทั้งผู้ที่สูบบุหรี่ก็จำเป็นต้องกิน เพราะบุหรี่จะไปลดปริมาณวิตามินซีในร่างกาย เช่นเดียวกับหญิงตั้งครรภ์ คนที่เตรียมตัวผ่าตัด หรือเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัด ก็ควรได้รับวิตามินซีในปริมาณที่มากขึ้น

กินวิตามินซีตอนไหน ได้ประโยชน์มากที่สุด
เรื่องนี้ ภญ.วริยา สารรัตนะ ได้ให้คำตอบไว้ในเว็บไซต์หน่วยคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่า จริง ๆ แล้วสามารถกินเวลาใดก็ได้ขึ้นอยู่กับความสะดวก แต่แนะนำว่าอย่ากินตอนท้องว่าง ถ้าจะให้ดีควรกินพร้อมอาหารหรือหลังอาหารจะดีที่สุด เพราะอาหารจะเป็นตัวช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีไปใช้ได้ และเป็นการป้องกันกระเพาะอาหารระคายเคืองด้วย เพราะวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นกรดนั่นเอง
ทั้งนี้ เราอาจแบ่งกินวิตามินซีตามมื้ออาหารก็ได้ เช่น วันละ 2 เวลาหลังอาหาร หรือวันละ 3 เวลาหลังอาหาร จะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินซีได้ดีกว่าการกินทั้งหมดในครั้งเดียวค่ะ

วิตามินซี กินมากไป ใช่ว่าดี
อาหารทุกอย่างกินน้อยไปก็ไม่ได้ กินมากไปก็ไม่ดี รวมทั้งวิตามินซีด้วยค่ะ เพราะถ้าร่างกายได้รับน้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน ทำให้เป็นหวัดง่าย เลือดออกตามไรฟัน ผิวพรรณดูไม่ผ่องใส เพราะวิตามินซีมีสารแอนติออกซิแดนต์ช่วยชะลอความแก่ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วย
แต่ถ้ากินมากเกินไป เช่น กินเกิน 1,000-2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันนาน ๆ เข้า ก็อาจเกิดผลข้างเคียง อย่างเช่น ไม่สบายท้อง ปวดมวนท้อง ท้องเสียรุนแรง เกิดแผลในกระเพาะอาหาร ป่วยเป็นโรคโลหิตจาง รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในไต แต่ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะอาการข้างเคียงเหล่านี้พบได้น้อยมาก เนื่องจากวิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ จึงขับออกทางปัสสาวะได้นั่นเอง ดังนั้นแล้วหากใครจำเป็นต้องกินวิตามินซีในปริมาณสูงกว่าที่กำหนด ก็ควรกินพร้อมหรือหลังอาหาร และดื่มน้ำตามมาก ๆ ด้วยค่ะ
วิตามินซีเสริมเป็นเพียงตัวช่วยหนึ่งเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วก็สู้วิตามินซีที่เราได้จากธรรมชาติไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นหมั่นกินผัก-ผลไม้ให้มาก ๆ โดยเฉพาะฝรั่ง ส้ม มะละกอ มะนาว มะม่วง มะเขือเทศ มันฝรั่ง กีวี สตรอว์เบอร์รี ผักใบเขียว อาหารเหล่านี้เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินซีที่จะช่วยคุ้มกันร่างกายให้หายจากโรค โดยไม่ต้องเสียเงินซื้ออาหารเสริมมาdboเลย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

- คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์