อาหาร+สมุนไพร 13 ชนิด กินบำรุงโลหิต กระตุ้นเลือดไหลเวียนดี

ระบบไหลเวียนโลหิตดี สุขภาพก็จะดีไปด้วย และหากตอนนี้รู้สึกเลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก อยากช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตตัวเอง ลองรับประทานอาหารช่วยในการไหลเวียนโลหิตต่อไปนี้ จำไว้ว่าระบบเลือดดี สุขภาพก็ดีด้วยนะจ๊ะ

1. ปลาแซลมอน

อาหารบำรุงเลือด

          กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีอยู่มากในแซลมอนมีส่วนช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย และยังมีสรรพคุณต้านการจับตัวของลิ่มเลือด ส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้อย่างลื่นไหลมากขึ้น

 

2. ดาร์กช็อกโกแลต

อาหารบำรุงเลือด

          Steven Gundry ผู้อำนวยการ Center for Restorative Medicine จากสหรัฐอเมริกา เผยว่า ดาร์กช็อกโกแลตมีส่วนกระตุ้นให้ร่างกายผลิตไนตริกออกไซด์ ซึ่งเป็นกรดที่กระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนและสูบฉีดได้ดีขึ้น นอกจากนี้ดาร์กช็อกโกแลตยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะในดาร์กช็อกโกแลตที่มีส่วนผสมของโกโก้ 72% ขึ้นไป

 

3. กาแฟดำ

อาหารบำรุงเลือด

          คาเฟอีนในกาแฟดำมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้เป็นปกติดี แต่ทั้งนี้เพื่อสุขภาพหัวใจที่ดีก็ควรดื่มกาแฟดำไม่เกิน 4 แก้วต่อวันนะคะ เพราะหากดื่มกาแฟเกินนี้ ร่างกายอาจได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่มากเกินไปจนก่อให้เกิดอันตรายได้

 

4. แตงโม

อาหารบำรุงเลือด

          แตงโมเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง รสชาติหวานอร่อยกินแล้วชื่นใจ ที่สำคัญแตงโมยังมีกรดอะมิโนที่ชื่อว่า L-Citrulline ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยร่างกายผลิตไนตริกออกไซด์ ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ระบบเลือดก็จะไหลเวียนได้ดีขึ้น

 

แตงโม ผลไม้คลายร้อนทรงคุณค่า หวานฉ่ำมากล้ำสรรพคุณ

5. ทับทิม

อาหารบำรุงเลือด

          นอกจากแตงโมแล้ว ผลไม้อย่างทับทิมก็มีสารกระตุ้นให้ร่างกายผลิตไนตริกออกไซด์ ซึ่งจะทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว กระแสโลหิตก็จะไหลเวียนทั่วร่างกายได้อย่างสะดวกมากขึ้นเช่นกัน

 

ประโยชน์ของทับทิม ผลไม้คุณค่าสูงยิ่ง ป้องกันได้หลายโรค

6. พริก

อาหารบำรุงเลือด

          สารแคปไซซินในเม็ดพริกมีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดขยาย ช่วยละลายลิ่มเลือด ลดการหดตัวของเส้นเลือด แถมยังมีส่วนช่วยลดการจับกลุ่มของเกล็ดเลือดในร่างกาย ลดการสร้างไขมันโดยยับยั้งการดูดซึมไขมันในเส้นเลือด ด้วยเหตุนี้พริกจึงจัดเป็นอาหารที่ทำให้เลือดไหลเวียนสะดวกอย่างไม่น่าสงสัย

 

13 ประโยชน์ของพริก ความแซ่บที่ซ่อนสรรพคุณสุดจี๊ดไว้มากมาย

7. ดอกกะหล่ำ

อาหารบำรุงเลือด

          ดอกกะหล่ำเป็นผักที่มีวิตามินซีสูง ซึ่งวิตามินซีมีส่วนช่วยในการไหลเวียนโลหิต ช่วยบำรุงความแข็งแรงของหลอดเลือดหัวใจ ช่วยบำรุงเซลล์ผนังหลอดเลือด ส่งเสริมให้เลือดไหลเวียนได้ดี และนอกจากกะหล่ำแล้วผักอย่างบรอกโคลีก็มีวิตามินซีสูงเช่นกัน

 

8. กระเทียม

อาหารบำรุงเลือด

          มีการศึกษาพบว่า กระเทียมมีสารที่ช่วยลดคราบพลัคในผนังหลอดเลือด เป็นผลให้ระบบไหลเวียนโลหิตมีความคล่องตัวมากขึ้น โดยแนะนำให้กินกระเทียมสดวันละ 2-3 กลีบ เป็นประจำ

 

สรรพคุณของกระเทียมอย่างเจ๋ง ช่วยลดความเสี่ยงได้หลายโรค !

9. เมล็ดในฝักบัว

อาหารบำรุงเลือด

          เมล็ดบัวมีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนเลือดให้ไปเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้น และยังมีสรรพคุณช่วยคงสมดุลระดับความดันโลหิต กระตุ้นการทำงานของหัวใจ และบำรุงให้เส้นเลือดหัวใจแข็งแรงดี

 

10. กระเจี๊ยบแดง

อาหารบำรุงเลือด

          กระเจี๊ยบจัดเป็นสมุนไพรช่วยลดไขมันในเส้นเลือด และมีสรรพคุณช่วยลดความดันเลือด บำรุงเลือดให้ไหลเวียนดีขึ้น ที่สำคัญน้ำกระเจี๊ยบยังอร่อยอีกด้วยเนอะ

 

กระเจี๊ยบแดง สรรพคุณดีงาม ลดความดัน ไขมัน บำรุงหัวใจ

11. ดอกคำฝอย

อาหารบำรุงเลือด

          ในดอกคำฝอยมีน้ำมันหอมระเหยที่มีคุณสมบัติลดการจับตัวของเกล็ดเลือด บำรุงเลือด ควบคุมความดันโลหิต ช่วยกระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดได้ดีขึ้น ระบบเลือดก็ไหลเวียนดีขึ้นตามไปด้วย

    

8 สรรพคุณดอกคำฝอย ดีต่อใจ ลดไขมันในเลือด

12. ขมิ้น

อาหารบำรุงเลือด

          จากการศึกษาพบว่า ขมิ้นมีฤทธิ์ลดไขมันในหลอดเลือด และมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ช่วยในการสูบฉีดเลือด ทั้งยังส่งเสริมให้การไหลเวียนโลหิตเป็นไปด้วยดี

 

ขมิ้นชัน สมุนไพรชั้นเลิศ ช่วยดูแลสุขภาพ

13. ขิง

อาหารบำรุงเลือด

          ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน มีส่วนช่วยเรื่องระบบไหลเวียนโลหิตทำให้เลือดไหลเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขิงยังมีคุณสมบัติช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ทั้งยังป้องกันการแข็งตัวของเลือดได้ด้วย

 

ขิง ประโยชน์และโทษที่คุณอาจคาดไม่ถึง

 

          นอกจากอาหารช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นดังข้างต้นแล้ว การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ หรือเต้นคาร์ดิโอ ก็จะช่วยกระตุ้นให้เลือดสูบฉีด เพิ่มประสิทธิภาพในการไหลเวียนโลหิตได้อีกทาง โดยอย่างน้อยควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 วันนะคะ
 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Reader’s digest
Care2