สนับสนุนเนื้อหา
“ฝนตกทีไร น้ำท่วมทุกที”
บ้านใครเป็นแบบนี้บ้างคะ บ้านเราโชคดีที่อยู่ในส่วนที่น้ำไม่เคยท่วม
แต่สุดท้ายก็ไม่รอด เพราะทางระหว่างบ้านไปที่โรงเรียน
หรือที่ทำงานก็ท่วมอยู่ดี แต่เมื่อไรก็ตามที่น้ำท่วม เรามักจะเห็นหลายๆ
คนทำอะไรผิดๆ ที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งอยู่เสมอๆ ไม่เพียงแต่จะเกิดอันตราย
แต่ยังอาจทำร้ายสุขภาพได้โดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อ “น้ำท่วม”
1. ถอดรองเท้าลุยน้ำ
เราเข้าใจดีว่า ถ้ามีน้ำท่วมขณะเดินทางไปโรงเรียน ไปทำงาน จะเดินผ่านไปได้ก็ต้องถอดรองเท้า มิฉะนั้นรองเท้าเราก็จะพัง แต่รู้หรือไม่ว่าการถอดรองเท้าเดินย่ำน้ำท่วม เสี่ยงเดินเหยียบของมีคม เช่น เศษแก้ว เศษเหล็กตามท่อระบายน้ำได้ง่ายๆ หรือหากน้ำที่ท่วมค่อนข้างขุ่น อาจจะทำให้เรามองไม่เห็นพื้นถนนจนเดินตกท่อ ตกคลองกันไปหลายราย
นอกจากนี้ยังเสี่ยงเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ผ่านบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ ตามเท้าของเรานี่แหละ เพราะเท้าของเราใช้เดินอยู่ทุกวัน อาจจะมีรอยแผลจากรองเท้ากัด นิ้วเท้าเสียดสีกับรองเท้าจนถลอก ตัดเล็บสั้น หรือหนังบริเวณโคนเล็บลอก บาดแผลเล็กน้อยเหล่านี้อาจทำให้เชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย จนทำให้เป็นโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคฉี่หนูหรือเลปโตสไปโรซิส น้ำกัดเท้า เป็นต้น
2. รักษาความสะอาดไม่เพียงพอ
หากจำใจจำยอมต้องเดินลุยน้ำมาจริงๆ ก็มีหลายคนที่ล้างเท้า ล้างไม้ล้างมือที่โรงเรียน ที่ออฟฟิศ แต่อาจไม่มีอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ดีพอ จากนั้นเราก็เอามือที่สัมผัสกับเท้ามาหยิบจับของกิน หรือสัมผัสร่างกายของเรา ทำให้ติดเชื้อเข้าไปได้อีก เช่น โรคตาแดง โรคทางเดินอาหาร เป็นต้น
สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อ “น้ำท่วม”
1. ถอดรองเท้าลุยน้ำ
เราเข้าใจดีว่า ถ้ามีน้ำท่วมขณะเดินทางไปโรงเรียน ไปทำงาน จะเดินผ่านไปได้ก็ต้องถอดรองเท้า มิฉะนั้นรองเท้าเราก็จะพัง แต่รู้หรือไม่ว่าการถอดรองเท้าเดินย่ำน้ำท่วม เสี่ยงเดินเหยียบของมีคม เช่น เศษแก้ว เศษเหล็กตามท่อระบายน้ำได้ง่ายๆ หรือหากน้ำที่ท่วมค่อนข้างขุ่น อาจจะทำให้เรามองไม่เห็นพื้นถนนจนเดินตกท่อ ตกคลองกันไปหลายราย
นอกจากนี้ยังเสี่ยงเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ผ่านบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ ตามเท้าของเรานี่แหละ เพราะเท้าของเราใช้เดินอยู่ทุกวัน อาจจะมีรอยแผลจากรองเท้ากัด นิ้วเท้าเสียดสีกับรองเท้าจนถลอก ตัดเล็บสั้น หรือหนังบริเวณโคนเล็บลอก บาดแผลเล็กน้อยเหล่านี้อาจทำให้เชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย จนทำให้เป็นโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคฉี่หนูหรือเลปโตสไปโรซิส น้ำกัดเท้า เป็นต้น
2. รักษาความสะอาดไม่เพียงพอ
หากจำใจจำยอมต้องเดินลุยน้ำมาจริงๆ ก็มีหลายคนที่ล้างเท้า ล้างไม้ล้างมือที่โรงเรียน ที่ออฟฟิศ แต่อาจไม่มีอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ดีพอ จากนั้นเราก็เอามือที่สัมผัสกับเท้ามาหยิบจับของกิน หรือสัมผัสร่างกายของเรา ทำให้ติดเชื้อเข้าไปได้อีก เช่น โรคตาแดง โรคทางเดินอาหาร เป็นต้น
Advertisement
3. ไม่ระวังสิ่งรอบตัว
นอกจากความสกปรกของน้ำ และสิ่งอันตรายที่เราอาจเหยียบจนเป็นแผลในระหว่างที่เกิดน้ำท่วม เราควรระมัดระวังสิ่งรอบตัวด้วย เช่น สายไฟฟ้า แก๊สหุงต้ม ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่สายไฟฟ้าระโยงรยางค์ ที่อาจสัมผัสน้ำ จนอาจเกิดไฟฟ้าช็อตได้ หรือแม้กระทั่งถังแก๊ส เตาแก๊ส ที่อาจเกิดอันตรายได้เช่นกัน ดังนั้น เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ ควรหนีให้ไกลจากบริเวณดังกล่าวให้มากที่สุดจะดีกว่า
4. น้ำลด ลืมคว่ำน้ำ
คว่ำน้ำในที่นี้ หมายถึง จาน ชาม กะละมัง จานรองกระถางต้นไม้ และภาชนะที่น้ำขังได้ทุกชนิด เมื่อน้ำลดแล้ว บางคนก็ลืมคว่ำน้ำออกจากสิ่งเหล่านี้ จนทำให้เกิดเป็นน้ำขัง ที่จะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง โดยเฉพาะยุงลายได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคไข้เลือดออกนั่นเอง
แม้ว่าเรื่องน้ำท่วมจะเป็นปัญหาที่แก้ยังไงก็ไม่หายของชาวกรุงเทพ และในอีกหลายๆ จังหวัดทั่วประเทศ แต่การจัดการตัวเองให้ดีเมื่อเกิดน้ำท่วม คือ สวมรองเท้าบู้ทยางทุกครั้งที่ต้องลุยน้ำ รักษาความสะอาดทั้งมือ เท้า และร่างกายให้ดี หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำไม่ว่าจะที่ไหนหากไม่จำเป็น ห่างไกลสายไฟฟ้า และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้ครบ เท่านี้น้ำท่วมกี่ครั้งก็มาเป็นโรคร้ายแล้วล่ะค่ะ (แต่อย่าได้ท่วมกันบ่อยๆ เลย สาธุ)