กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ คืออะไร
กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ สาเหตุเกิดจากอะไร
กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิ
- การติดเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เช่น อะดีโนไวรัส หรือไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัด, คอกซากีไวรัส ที่ทำให้เกิดโรคมือเท้าปาก, พาร์โวไวรัส ที่ทำให้เกิดผื่น, ไวรัสเอชไอวี สาเหตุของโรคเอดส์, ไวรัสเฮอร์ปีส์ ที่ทำให้เกิดโรคเริม รวมทั้งโคโรนาไวรัส ที่เป็นสาเหตุของโรคโควิด 19
- การติดเชื้ออื่น ๆ เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา ปรสิต
- การได้รับยาบางชนิด เช่น ยาที่ใช้รักษามะเร็ง ยาปฏิชีวนะ
- การใช้สารเสพติด
- การได้รับสารเคมีหรือสารพิษบางชนิด เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ ตะกั่ว รังสีบางชนิด พิษจากงู พิษจากแมลงกัดต่อย
- ผลพวงมาจากอาการป่วยที่เกี่ยวกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคลูปัส
นอกจากนี้ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ยังอาจพบได้ในกลุ่มคนที่ได้รับวัคซีนโควิด 19 โดยมีรายงานพบผู้ป่วยที่ฉีดวัคซีนชนิด mRNA บางรายมีภาวะดังกล่าว และมักจะเป็นเพศชายที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี แต่ถึงกระนั้นก็เป็นผลข้างเคียงจากวัคซีนที่พบได้น้อยมาก ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมีอาการเพียงเล็กน้อย ซึ่งเกือบทั้งหมดหายได้เอง
กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อาการเป็นอย่างไร
กล้ามเนื้อหัวใจ มีหน้าที่สำคัญในการบีบและคลายตัว เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หากอักเสบขึ้นมาในระยะแรกอาจจะยังไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลย บางคนมารู้ตัวเมื่อมีอาการหนักแล้ว อย่างไรก็ตาม อาการทั่วไปที่พอจะสังเกตเห็นได้ มีดังนี้
- เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก
- อ่อนเพลีย อ่อนแรง
- เหนื่อยง่าย
- หายใจลำบาก หายใจสั้นลง หายใจถี่ขณะพักหรือระหว่างทำกิจกรรม
- ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- มือบวม ขาบวม เท้าบวม นอนราบไม่ได้
- หากเกิดจากการติดเชื้อจะมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ท้องเสีย อาเจียน ซึม เบื่ออาหาร
- วิงเวียน เป็นลม หมดสติ
กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อันตรายหรือไม่
กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ รักษาอย่างไร
แพทย์จะต้องตรวจหาสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และรักษาตามสาเหตุนั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาตามอาการ ได้แก่
การให้ยา
ส่วนใหญ่จะเป็นการให้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เพื่อลดการอักเสบ, ยารักษาโรคหัวใจ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในหัวใจ และยาขับปัสสาวะ เพื่อช่วยกำจัดของเหลวส่วนเกินในร่างกาย กรณีมีความดันโลหิตสูงก็จะให้ยาลดความดันร่วมด้วย
ทั้งนี้ หากมีอาการรุนแรงก็จำเป็นต้องได้รับยาในระยะยาวหรือตลอดชีวิต
การผ่าตัดและหัตถการอื่น ๆ
หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง แพทย์จำเป็นต้องใช้เครื่องมืออื่น ๆ ร่วมรักษาด้วย เช่น การให้ยาทางหลอดเลือดดำ, การใช้เครื่องช่วยการไหลเวียนของเลือด (VAD), การใส่บอลลูนปั๊มหัวใจ (IABP) หรือการใช้เครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด (ECMO) เป็นต้น รวมทั้งการผ่าตัดและการปลูกถ่ายหัวใจในกรณีที่ผู้ป่วยมีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบอย่างรุนแรง
การปฏิบัติตัวเมื่อป่วยกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
ผู้ป่วยที่อยู่ในระหว่างการรักษาจะต้องปฏิบัติตัวตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เช่น
- รับประทานยาให้ตรงเวลา ห้ามหยุดยาเอง
- รับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำ งดของเค็ม เพราะอาหารที่มีรสเค็มมากอาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำคั่ง น้ำท่วมปอด นำไปสู่อาการหัวใจล้มเหลว
- งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกำลัง เพราะจะไปเพิ่มความเสี่ยงภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- งดออกกำลังกายหนัก ๆ เล่นกีฬาหนัก ๆ หรือทำกิจกรรมที่ทำให้หัวใจเต้นแรง จนกว่าอาการจะดีขึ้น โดยส่วนใหญ่จะต้องพักหัวใจประมาณ 3-6 เดือน
- พบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ และในบางกรณีอาจทำให้เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจชนิดห้องหัวใจขยายตัวผิดปกติ (Dilated Cardiomyopathy : DCM) ซึ่งความเสี่ยงของการเกิดซ้ำอยู่ในระดับต่ำ ประมาณ 10-15%
กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หายเองได้ไหม
วิธีป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ต้องทำยังไง
เนื่องจากสาเหตุของการเกิดโรคนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือการป้องกันการติดเชื้อโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะดังกล่าว เช่น
- ล้างมือบ่อย ๆ เพื่อลดการสะสมและแพร่เชื้อโรค
- สวมหน้ากากอนามัย เมื่อต้องอยู่ในสถานที่ที่มีคนเยอะ ๆ
- ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยที่เป็นหวัด โควิด 19 หรือโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ จนกว่าจะหายดี
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคเป็นประจำทุกปี เช่น วัคซีนป้องกันหัดเยอรมัน วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งวัคซีนโควิด 19 ซึ่งจริง ๆ แล้วโอกาสที่จะเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากการฉีดวัคซีนโควิด 19 มีน้อยมาก เมื่อเทียบกับความเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อโควิด
- หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด
- ป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อเอชไอวี เช่น สวมถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน