รู้จักอาการ Foreign Language Syndrome ของผู้ป่วยกระทบกระเทือนทางสมอง ที่จู่ ๆ ก็ลืมภาษาพูดของตัวเอง แต่กลับพูดภาษาอื่นได้คล่องปร๋อ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
หลายคนน่าจะเคยได้ยินข่าวผู้ป่วยที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางสมอง
เมื่อฟื้นขึ้นมาแล้วไม่สามารถพูดภาษาแม่ได้ แต่กลับพูดภาษาอื่นได้คล่องปร๋อ
ดังเช่นเรื่องราวเหล่านี้
- หญิงจีนลืมภาษาจีนเกลี้ยง พูดอังกฤษปร๋อ หลังป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ
- แพทย์อึ้ง หนุ่มออสซี่ป่วยโคม่า ตื่นมาพูดภาษาจีนคล่องปร๋อ
หรือแม้แต่กรณีของ เอส กันตพงศ์ ที่ป่วยด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน และวูบหมดสติ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจรักษาตัวนานกว่า 45 วัน กว่าจะฟื้นคืนสติ และเมื่อฟื้นมาแล้วกลับพูดภาษาไทยไม่ได้ พูดได้แค่ภาษาอังกฤษ เนื่องจากสมองทำงานผิดปกติไปนั้น
- อึ้ง ! เอส กันตพงศ์ ฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่พูดภาษาไทยไม่ได้แล้ว ?
เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้หลายคน แต่ก็คงมีบางคนสงสัยว่าเรื่องแบบนี้มีจริงด้วยหรือ เพราะเหตุใดถึงเป็นแบบนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยนำข้อมูลเกี่ยวกับอาการแปลกประหลาดนี้ ที่มีชื่อว่า "Foreign Language Syndrome" มาเล่าสู่กันฟังค่ะ
- หญิงจีนลืมภาษาจีนเกลี้ยง พูดอังกฤษปร๋อ หลังป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ
- แพทย์อึ้ง หนุ่มออสซี่ป่วยโคม่า ตื่นมาพูดภาษาจีนคล่องปร๋อ
หรือแม้แต่กรณีของ เอส กันตพงศ์ ที่ป่วยด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน และวูบหมดสติ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจรักษาตัวนานกว่า 45 วัน กว่าจะฟื้นคืนสติ และเมื่อฟื้นมาแล้วกลับพูดภาษาไทยไม่ได้ พูดได้แค่ภาษาอังกฤษ เนื่องจากสมองทำงานผิดปกติไปนั้น
- อึ้ง ! เอส กันตพงศ์ ฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่พูดภาษาไทยไม่ได้แล้ว ?
เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้หลายคน แต่ก็คงมีบางคนสงสัยว่าเรื่องแบบนี้มีจริงด้วยหรือ เพราะเหตุใดถึงเป็นแบบนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยนำข้อมูลเกี่ยวกับอาการแปลกประหลาดนี้ ที่มีชื่อว่า "Foreign Language Syndrome" มาเล่าสู่กันฟังค่ะ
Foreign Language
Syndrome คืออะไร เกิดจากอะไร
สำหรับอาการที่ไม่สามารถพูดภาษาเกิดได้
แต่กลับพูดภาษาอื่นได้อย่างคล่องแคล่วนั้นก็คือ อาการ Foreign Language
Syndrome ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าเกิดจากการที่สมองในส่วนใดส่วนหนึ่งถูกทำลายจนทำให้สมองเกิดการเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบเดิม
ๆ ไปยังรูปแบบใหม่
ทั้งนี้ จากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า
ผู้ที่มีอาการเช่นนี้เกิดขึ้น
เนื่องจากสมองซีกซ้ายซึ่งเป็นด้านที่ควบคุมความสามารถในการพูดภาษาแม่ถูกทำลายหรือได้รับความเสียหาย
อาจมาจากสมองถูกกระทบกระเทือน
หรือเป็นผลจากความเจ็บป่วย เช่น ไมเกรนบางรูปแบบ เส้นเลือดในสมองตีบ
หลอดเลือดสมอง ได้รับบาดเจ็บที่สมอง
เป็นต้น
โดยการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะส่งผลให้อุปนิสัย บุคลิกภาพ เปลี่ยนไป
แต่ในกรณีนี้คือการเปลี่ยนแปลงของสมองทำให้รูปแบบของภาษาที่ใช้เกิดการเปลี่ยนไป
ซึ่งภาษาที่ใช้นั้นก็ไม่ใช่ภาษาใหม่ที่ไม่เคยเรียนรู้มาก่อน
แต่เป็นภาษาที่สองที่มีความเชี่ยวชาญอยู่ก่อนแล้ว
อาการนี้ไม่เพียงส่งผลทำให้เปลี่ยนแปลงสำเนียงพูดเท่านั้น
แต่ยังทำให้ลืมภาษาที่เคยใช้มาตลอดชีวิตไปจนหมด ไม่ว่าจะเป็นภาษาเขียน
หรือภาษาพูด รวมทั้งทักษะการฟังในภาษาเดิมก็จะหมดไปด้วย
แต่จะไม่กระทบกับความสามารถในการพูดภาษาที่สองหรือภาษาอื่น ๆ
ที่ได้เรียนรู้หลังผ่านพ้นช่วงวัยเด็กไปแล้ว
เนื่องจากทักษะด้านนี้ถูกบรรจุอยู่ในสมองซีกขวา
Foreign Accent Syndrome อีกหนึ่งอาการที่ใกล้เคียงกัน
สำหรับอาการลืมภาษาพูดตัวเองหลังประสบอุบัติเหตุทางสมองนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนเสมอไป
เพราะในบางรายอาจจะไม่มีอาการดังกล่าว
หรือเกิดเป็นอาการที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งก็คือ Foreign Accent Syndrome (FAS) หรือที่รู้จักกันในชื่อ โรคสำเนียงต่างประเทศเฉียบพลัน ซึ่งเป็นอาการที่มีสาเหตุการเกิดคล้ายกับ Foreign Language Syndrome และสามารถเกิดจากการป่วยด้วยโรคไมเกรน โรคหลอดเลือดสมอง เนื้องอกในสมอง รวมทั้งการได้รับบาดเจ็บที่สมองเช่นเดียวกัน
โดยอาการโรคสำเนียงต่างประเทศเฉียบพลัน
จะส่งผลไปยังสมองในส่วนที่ควบคุมการทำงานของลิ้นได้รับความเสียหายจนไม่สามารถควบคุมการออกเสียงได้ดังเดิม
แม้แต่จังหวะและโทนเสียงสูง-ต่ำ เสียงสั้น หรือเสียงยาว
ก็จะเปลี่ยนไปจนคล้ายกับสำเนียงพูดอื่นที่ผู้ป่วยอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อนได้
ตัวอย่างเช่น หญิงชาวออสเตรเลียคนหนึ่งที่ตลอดชีวิตของเธอพูดแต่ภาษาอังกฤษสำเนียงออสเตรเลีย
แต่เมื่อเธอได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง
เมื่อฟื้นขึ้นมาเธอก็ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษสำเนียงออสเตรเลียได้
แต่กลับพูดภาษาอังกฤษสำเนียงฝรั่งเศสแทน
ซึ่งอาการเหล่านี้ก็ยังคงติดตัวเธอมาตลอด
หรือจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2553
หญิงชาวอังกฤษรายหนึ่งซึ่งป่วยด้วยอาการไมเกรนชนิด Sporadic hemiplegic
ส่งผลให้เธอพูดภาษาอังกฤษในสำเนียงจีน ทั้ง ๆ
ที่เธอก็ไม่เคยไปประเทศจีนหรือเคยได้ยินภาษาอังกฤษสำเนียงจีนมาก่อน
อาการลืมภาษาพูดของตัวเองรักษาได้ไหม
ในเรื่องของการรักษาก็ยังไม่มีการค้นพบวิธีใดทางการแพทย์ที่จะช่วยรักษาอาการทั้ง
2 ชนิดได้ เนื่องจากยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดว่าแท้จริงแล้วเกิดจากอะไร
และเกิดขึ้นภายในสมองส่วนใดกันแน่
จึงทำให้ผู้ที่ป่วยด้วยอาการเหล่านี้จะต้องอยู่กับอาการดังกล่าวไปตลอดชีวิต
โดยอาจจะมีบางรายเท่านั้นที่เป็นเพียงชั่วคราว
สำหรับผู้ป่วยด้วยโรค
Foreign Language Syndrome และ Foreign Accent Syndrome
จะไม่มีความเจ็บป่วยทางร่างกายแต่อย่างใด
แต่ก็อาจจะมีความกระทบกระเทือนทางจิตใจ เนื่องจากอาจถูกคนในสังคมมองว่าตัวเองผิดปกติ
รวมทั้งการที่ไม่สามารถสื่อสารกับคนใกล้ชิดได้เหมือนเก่า
ดังนั้นญาติและคนใกล้ชิดจะต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกเป็นปมด้อยค่ะ