กาแฟห้ามกินกับอะไร ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ยา หรือวิตามินต่าง ๆ
กินพร้อมกันได้ไหม
เพื่อให้ดื่มกาแฟแก้วโปรดอย่างสบายใจเรามาเช็กข้อมูลด้านล่างนี้เลย กาแฟห้ามกินกับอะไร เป็นอีกหนึ่งในประเด็นอาหารที่ห้ามกินคู่กัน ซึ่งมักจะวนเวียนอยู่ในชีวิตเรื่อย ๆ เพราะยืนพื้นอยู่กับความเป็นอยู่ของเรา และวันนี้ก็ถึงคิวของกาแฟ เครื่องดื่มแก้วโปรดของหลาย
ๆ คนกันแล้วค่ะ คนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ มีความติดคาเฟอีนในกาแฟ
มาลองดูซิว่า ถ้ากินอาหาร วิตามินหรือยา พร้อมกับกาแฟ
จะมีฤทธิ์แสลงต่อกันไหม
กาแฟไม่ควรกินคู่อาหารประเภทไหน
สำหรับคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำจนเคยชิน
อาจเผลอดื่มกาแฟคู่กับอาหารบางชนิด ที่จริง ๆ
แล้วไม่แนะนำให้รับประทานคู่กัน ดังนี้
อาหารที่มีธาตุเหล็ก
เราไม่ควรดื่มกาแฟพร้อมกับกินอาหารที่มีธาตุเหล็ก
เพราะสารแทนนินในกาแฟจะทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ฮีม เช่น
ธาตุเหล็กที่ได้จากอาหารประเภทพืชผัก ข้าว ถั่วเมล็ดแห้ง ไข่แดง หรือนม
ลดลงมาก หากต้องการให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
แนะนำให้กินอาหารที่มีวิตามินซีสูงและวิตามินเอสูงคู่กัน เช่น
ผลไม้รสเปรี้ยว มะละกอ มะม่วงสุก ไข่ ฟักทอง เป็นต้น
แอลกอฮอล์
กาแฟกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่ไม่ควรกินคู่กัน
เนื่องจากทั้งคาเฟอีนและแอลกอฮอล์มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของหัวใจ
ฤทธิ์ขับปัสสาวะ ซึ่งหากกินพร้อมกันจะยิ่งเสริมฤทธิ์ดังกล่าวมากขึ้นได้
อีกทั้งอาจทำให้ยิ่งเมามายหนักกว่าเดิมอีกด้วย
นอกจากนี้จากข้อมูลงานวิจัยของ
Wake Forest University School of Medicine
ก็พบว่าคนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมกับเครื่องดื่มคาเฟอีน
ไม่ว่าจะดื่มในเวลาใกล้เคียงกัน หรือดื่มแบบสูตรเหล้าผสมเครื่องดื่มชูกำลัง
กาแฟดำ คาลัว
ก็มีอัตราการเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจากฤทธิ์ของเหล้ามากกว่าคนที่ดื่มแบบไม่ผสม
กาแฟไม่ควรกินคู่กับยาหรือวิตามินอะไรบ้าง
นอกจากอาหารและเครื่องดื่ม
ยังมีวิตามินและยาบางชนิดที่ไม่ควรกินร่วมกับกาแฟ
เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงบางประการ ยกตัวอย่างเช่น
แคลเซียมในรูปแบบอาหารเสริม
คนที่คิดจะรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมเพื่อทดแทนแคลเซียมที่ขาดหายไป
แต่ดันดื่มกาแฟไปพร้อมกับแคลเซียม
อาจได้แคลเซียมเข้าสู่ร่างกายน้อยกว่าปริมาณที่ควรจะได้
เนื่องจากคาเฟอีนในกาแฟจะไปขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย
อีกทั้งมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะเยอะกว่าเดิม
ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขับแคลเซียม
ดังนั้นถ้ากำลังกินแคลเซียมในรูปแบบอาหารเสริมอยู่
แนะนำให้รับประทานแคลเซียมตอนท้องว่าง และควรเว้นห่างจากกาแฟอย่างน้อย 2
ชั่วโมงนะคะ เลี่ยงการกินกาแฟพร้อมแคลเซียมจะดีกว่า
วิตามินชนิดต่าง ๆ
โดยเฉพาะวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำ เช่น วิตามินบี
วิตามินบีรวม วิตามินซี
ซึ่งหากกินกับกาแฟก็อาจทำให้วิตามินที่กินเสริมเข้าไปถูกขับออกมาทางปัสสาวะได้เร็วและมากขึ้นได้
เพราะคาเฟอีนในกาแฟก็มีฤทธิ์ขับปัสสาวะอยู่แล้ว
หลังดื่มกาแฟแล้วจึงมักรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย ๆ นั่นเอง
หรือในส่วนของวิตามินที่ละลายในไขมัน
เช่น วิตามินดี ก็ไม่ควรกินพร้อมกับกาแฟหรือเครื่องดื่มคาเฟอีนเช่นกัน
เนื่องจากคาเฟอีนอาจไปยับยั้งการดูดซึมวิตามินดีของร่างกายได้
ดังนั้นหากจะกินวิตามินใด ๆ แนะนำให้กินคู่กับน้ำเปล่าดีกว่า
ยาคุมกำเนิด
กาแฟกับยาคุมกำเนิดเป็นสิ่งที่ไม่ควรกินคู่กัน
เนื่องจากยาคุมกำเนิดอาจออกฤทธิ์ให้ร่างกายขับคาเฟอีนออกไปได้ช้ากว่าเดิม
ทำให้คาเฟอีนจากกาแฟอยู่ในร่างกายได้นานขึ้น
ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการข้างเคียงจากคาเฟอีนมากขึ้นตามไปด้วย
โดยอาการข้างเคียงที่ว่าก็ขึ้นอยู่กับความไวต่อคาเฟอีนของแต่ละคนนะคะ เช่น
บางคนอาจมีอาการตื่นตัวมากขึ้น ใจสั่น ปวดหัวมากขึ้น นอนไม่หลับ
หรือหัวใจเต้นเร็วได้
ดังนั้นหากต้องการกินยาคุมกำเนิดก็ควรกินคู่กับน้ำเปล่าจะดีที่สุด
ยาขยายหลอดลม
ยาขยายหลอดลม เช่น ยา Theophylline ที่ใช้รักษาโรคทางเดินหายใจ
เช่น โรคถุงลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคหอบหืด
ไม่ควรกินคู่กับกาแฟหรือเครื่องดื่มและอาหารที่มีคาเฟอีนนะคะ
เนื่องจากทั้งคาเฟอีนและตัวยาชนิดนี้มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ
เพิ่มการตื่นตัวของร่างกาย
หากกินคู่กันอาจยิ่งเสริมความรุนแรงของผลข้างเคียงให้มากขึ้นได้
และอาจส่งผลให้เกิดอาการใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ยาในกลุ่มต้านเชื้อรา
ยาต้านเชื้อรา เช่น ยาฟลูโคนาโซล (Fluconazole) หรืออีกชื่อว่า
ไดฟลูแคน (Diflucan) อาจไปขัดขวางการขับคาเฟอีนออกจากร่างกาย
ซึ่งอาจทำให้ฤทธิ์คาเฟอีนตกค้างอยู่ในร่างกายนานขึ้น
จึงเพิ่มความเสี่ยงได้รับผลข้างเคียงจากคาเฟอีนได้มากขึ้นตามไปด้วย
ยารักษาโรคเบาหวาน
คาเฟอีนส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้ทั้งแบบทำให้เพิ่มขึ้นหรือลดลง
ส่วนยารักษาโรคเบาหวานส่วนใหญ่จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอยู่แล้ว
ดังนั้นการดื่มกาแฟร่วมกับยาเบาหวานก็อาจทำให้ประสิทธิภาพของยารักษาโรคเบาหวานเปลี่ยนแปลงไป
ฉะนั้นใครที่ต้องกินยารักษาโรคเบาหวานอยู่ก็ควรระมัดระวังการดื่มกาแฟด้วยนะคะ
ยารักษาจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ หรือการปวดเรื้อรัง
ยาแม็กซิลีทีน (Mexiletine)
หรือยาที่ใช้รักษาจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ
และเป็นยาระงับอาการปวดเรื้อรัง
หากกินพร้อมกับกาแฟก็อาจทำให้ฤทธิ์ของคาเฟอีนอยู่ในร่างกายได้นานขึ้น
เสี่ยงให้มีอาการจากผลของคาเฟอีนมากขึ้น เช่น อาจทำให้นอนหลับยาก
หัวใจเต้นเร็ว วิตกกังวล เป็นต้น
นอกจากนี้ไม่ว่าจะกาแฟ ชา ชาเขียว โกโก้
หรือเครื่องดื่มที่มีคาแฟอีนชนิดอื่น ๆ อย่างเครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลม
ก็ไม่ควรดื่มพร้อมกับยารักษา
โรคใด
ๆ นะคะ เพราะคาเฟอีนในเครื่องดื่มเหล่านี้อาจส่งผลเสีย
ทำให้เกิดอาการใจสั่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน
หรือมีผลต่อปริมาณยาที่ร่างกายได้รับ เช่น ความสามารถในการดูดซึมยาลดลง
ไม่ได้ผลการรักษาที่ควรได้ หรืออาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดพิษจากยา เป็นต้น
ดังนั้นควรกินยากับน้ำเปล่าจะดีที่สุด
หรือถ้าต้องการดื่มกาแฟก็ควรเว้นระยะห่างจากการรับประทานยาไปสัก 2-4
ชั่วโมงจะดีกว่า
อย่างไรก็ดี
สำหรับผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
ไม่มีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังหรือโรคอันตรายใด ๆ
การดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะ คือ ไม่เกินวันละ 200-400 มิลลิกรัม
หรือกะปริมาณคาเฟอีนโดยคำนวณง่าย ๆ ก็จะได้กาแฟไม่เกิน 4 แก้ว
หรือน้ำอัดลมไม่เกิน 10 กระป๋อง หรือเครื่องดื่มชูกำลังไม่เกิน 2 ขวด
โดยประมาณ และดื่มเรื่อย ๆ ตลอดวัน ไม่ได้อัดรวดเดียว
ก็ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย
เพราะร่างกายเราจะสามารถขับคาเฟอีนออกทางปัสสาวะได้เอง อ้อ !
แล้วก็อย่าลืมเช็กให้ดีว่ากาแฟไม่ควรกินคู่กับอะไร
ตามที่เราได้กล่าวไปข้างต้นด้วยนะคะ