Home »
Uncategories »
ครม.เห็นชอบเลื่อนเปิดภาคเรียน เป็นวันที่ 1 ก.ค. 63
ครม.เห็นชอบเลื่อนเปิดภาคเรียน เป็นวันที่ 1 ก.ค. 63
จากกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี เลื่อนการเปิดเทอมเป็นวันที่ 1 ก.ค. 63
และจะไม่มีการปิดเทอมในช่วงเดือน ต.ค.63
เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 หากน้องๆ นักเรียนเดินทางไปโรงเรียน
เกิดการรวมตัวมีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก
ล่าสุด (7 เม.ย.63) ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า...
1.ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติในคราวประชุมเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563
เห็นชอบมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤตการณ์จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ข้อ 2 ยับยั้งการระบาดภายในประเทศ ข้อ 2.4
งดการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย (สถาบันการศึกษา) โรงเรียน
โรงเรียนนานาชาติ และสถาบันกวดวิชา
หรือปรับวิธีการเรียนการสอนเป็นทางออนไลน์ ตั้งแต่วันพุธที่ 18 มีนาคม 2563
เป็นระยะเวลา 14 วัน
และให้สถานศึกษาดำเนินการป้องกันโรคตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
เมื่อสถานศึกษากลับมาเปิดสอนตามปกติ และข้อ 2.6
งดกิจกรรมที่มีการเคลื่อนย้ายคนข้ามจังหวัดของหน่วยงานที่มีคนจำนวนมาก
ได้แก่ ค่ายทหาร เรือนจำ โรงเรียน
รวมถึงการจำกัดการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว
หรือหากจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ของโรค เช่น
การตรวจคัดกรองคนก่อนเคลื่อนย้าย
2.ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยปีการศึกษา
การเปิดและปิดสถานศึกษา พ.ศ. 2549 ข้อ 7 วรรคหนึ่ง
ให้สถานศึกษาเปิดและปิดภาคเรียนตามปกติในรอบปีการศึกษาหนึ่งตามที่กำหนดไว้ดังต่อไปนี้
(1) ภาคเรียนที่หนึ่ง วันเปิดภาคเรียน วันที่ 16 พฤษภาคม วันปิดภาคเรียน
วันที่ 11 ตุลาคม (2) ภาคเรียนที่สอง วันเปิดภาคเรียน วันที่ 1 พฤศจิกายน
วันปิดภาคเรียน วันที่ 1 เมษายน ของปีถัดไป วรรคสอง
สถานศึกษาใดประสงค์จะเปิดและปิดภาคเรียนแตกต่างไปจากที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง
ให้ส่วนราชการเจ้าสังกัดเป็นผู้กำหนดตามที่เห็นสมควร ดังนั้น
อาศัยอำนาจตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยปีการศึกษา
การเปิดและปิดสถานศึกษา พ.ศ. 2549
กระทรวงศึกษาธิการเห็นสมควรให้มีการเลื่อนการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง
จากวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) ทั้งนี้
กระทรวงศึกษาธิการเห็นว่าหากมีการเลื่อนการเปิดภาคเรียนที่หนึ่งล่วงเลยกำหนดเวลาดังกล่าว
จะส่งผลกระทบต่อการวางแผนการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2563
เป็นอย่างยิ่งและจะมีผลกระทบต่อไปถึงการเรียนการสอนในปีการศึกษาต่อ ๆ
ไปด้วย
โดยกระทรวงศึกษาธิการจะได้ประสานงานกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (ศบค.)
ถึงความเหมาะสมในวิธีการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับนโยบายโดยรวมของประเทศต่อไป
3.กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศเรื่องให้สถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษ
ประกาศ ณ วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2563 ให้สถานศึกษาทุกแห่งของรัฐและเอกชน
ทั้งในระบบและนอกระบบ
ซึ่งอยู่ในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษ
ตั้งแต่วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป
จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงในระหว่างที่สถานศึกษาต้องปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษดังกล่าว
หากมีความจำเป็น ให้ส่วนราชการต้นสังกัดกำหนดแนวทางแก้ปัญหา ทั้งนี้
ให้สถานศึกษาจัดให้มีการเรียนการสอนด้วยการไม่ต้องเข้าชั้นเรียนโดยปรับการเรียนการสอนเป็นทางออนไลน์
4.
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
สามารถติดต่อโดยการแพร่กระจายละอองฝอยของเชื้อโรคเหมือนเชื้อกลุ่มไข้หวัด
และการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่ง
จึงติดต่อได้ง่ายและเป็นอันตรายอย่างมากต่อชีวิตประชาชน
ประกอบกับในขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคทั้งยังไม่มียารักษาโรคโดยตรง
ทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น กิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนเป็นกลุ่ม หรือการรวมตัวกันของคนหมู่มาก
มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวได้
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ผู้เรียน
ครู ผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการจึงเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบการปรับการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง
ปีการศึกษา 2563
5.เนื่องจากตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร
ให้มีผลตั้งแต่ วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 จนถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.
2563 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1)
มีคำแนะนำให้ประชาชนอยู่บ้าน โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่
ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป กลุ่มคนมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้
โรคทางเดินหายใจ เด็กอายุไม่เกิน 5 ปี
อันส่งผลกระทบต่อสถานศึกษาในกระบวนการการรับสมัคร การสอบคัดเลือก
การจับฉลาก การประกาศผล การรายงานตัว
และการมอบตัวที่ได้กำหนดวันไว้เดิมตามปฏิทินการรับนักเรียน
นักศึกษาและผู้เรียนในปีการศึกษา 2563
ซึ่งกำหนดดำเนินการระหว่างเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2563
โดยขณะนี้สถานศึกษายังไม่สามารถดำเนินการได้ตามกระบวนการข้างต้น
ทำให้สถานศึกษาไม่สามารถเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ในวันที่ 16
พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยปีการศึกษา
การเปิดและปิดสถานศึกษา พ.ศ. 2549
เพื่อความปลอดภัยของลูกๆ นักเรียนหลีกเลี่ยงการรวมตัวคนเยอะๆ
สถานศึกษาเอาไว้ก่อนช่วงนี้
เป็นมาตรการที่ต้องบอกเลยว่าถือว่าถูกต้องที่สุด
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com