มลพิษทางอากาศ
รู้ไหมว่านอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายแย่ลงแล้ว
ยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเสียง่ายมากอีกด้วย
รู้อย่างนี้แล้วรีบมาหาวิธีปกป้องผิวจากมลภาวะก่อนสายเกินแก้กันเถอะ
มลพิษทางอากาศ ทำร้ายผิวอย่างไร
มลพิษทางอากาศในปัจจุบันนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ควันจากท่อไอเสียรถ ควันบุหรี่ ควันจากการเผาไหม้ รวมไปถึงฝุ่นละอองที่อยู่ในอากาศ ซึ่งมลพิษบางชนิดนั้นมีขนาดที่เล็กมาก เรียกได้ว่าเล็กกว่าขนาดรูขุมขนของเราถึง 20 เท่าเลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มลพิษเหล่านี้จะสามารถซึมเข้าสู่รูขุมขนของเราได้อย่างง่ายดาย และเมื่อเข้าสู่ชั้นผิวแล้วก็จะมีการไปทำลายชั้นคอลลาเจนและชั้นไขมัน ซึ่งถือเป็นชั้นแรก ๆ ที่เป็นเกราะช่วยปกป้องผิวของร่างกาย เมื่อถูกทำลายมาก ๆ เข้าจึงเป็นสาเหตุหลัก ๆ ของปัญหาผิวตามมาหลายอย่าง เช่น ผิวหน้าหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวอุดตัน เป็นสิว มีจุดด่างดำ มีริ้วรอย ผิวแพ้ง่าย กระ ฝ้า รูขุมขนกว้าง และทำให้หน้าแก่ก่อนวัยนั่นเอง
วิธีปกป้องผิวจากมลภาวะ
สำหรับมลภาวะทางอากาศที่กล่าวไปข้างต้น ถึงแม้ในชีวิตประจำวันจะเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือหลีกเลี่ยงได้ยากก็ตาม แต่อย่างน้อยเราก็สามารถปกป้องได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งวิธีปกป้องผิวจากมลภาวะนั้นจะทำได้อย่างไรบ้าง มาดูคำแนะนำกันเลยค่ะ
1. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง
อันดับแรกสาว ๆ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่โล่งแจ้งที่มีมลพิษทางอากาศสูง อย่างเช่น ฝุ่น ควันรถ ควันบุหรี่ เป็นต้น เพราะถ้าหากเราไปอยู่ในสถานที่นั้นนาน ๆ มลพิษทางอากาศก็จะเข้าสู่ผิวของเราได้มากกว่าปกตินั่นเอง
2. อย่าละเลยการทำความสะอาดผิว
การทำความสะอาดผิวถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเป็นประจำทุกเช้าเย็น เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน แต่ทั้งนี้การล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าให้เหมาะสม อ่อนโยน และไม่ระคายเคืองต่อผิวด้วย อย่างเช่นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าแบบที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสารที่ทำให้ผิวแห้งตึง ซึ่งแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบที่มีค่า pH 5 ที่ใกล้เคียงกับค่า pH ตามธรรมชาติของผิว เพราะจะทำให้ผิวไม่ระคายเคือง ทั้งนี้นอกจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าให้เหมาะสมแล้ว สาว ๆ อาจลองใช้แปรงทำความสะอาดผิวควบคู่กันไปจะช่วยทำให้กำจัดสิ่งสกปรกจากมลภาวะที่มองเห็นยากได้ดียิ่งขึ้้น
3. เลือกใช้สกินแคร์ที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ
การเลือกใช้สกินแคร์ที่จะช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะก็เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยควรเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างเช่น วิตามินอี วิตามินซี เพราะจะช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับผิวและขัดขวางไม่ให้มลพิษเข้าไปทำร้ายผิวของเรา นอกจากนี้ควรเลือกสกินแคร์แบบที่มี Anti-pollution ด้วยเพราะจะช่วยเป็นเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะไม่ให้เข้าสู่ผิวของเราได้ง่ายนั่นเอง
4. บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
เพราะยิ่งผิวของเรามีความชุ่มชื้นมากเท่าไร เกราะป้องกันผิวก็จะยิ่งแข็งแรง ทนทานต่อมลภาวะและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ได้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเราจึงควรหมั่นบำรุงผิวอยู่เสมอ ด้วยการเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ทั้งในตอนกลางวันและตอนกลางคืน เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ในผิวและซ่อมแซมผิว เท่านี้ผิวของเราก็จะมีเกราะป้องกันและแข็งแกร่งพร้อมรับมือกับมลภาวะได้แล้ว
5. พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่ดีต่อผิว
นอกจากปกป้องผิวจากภายนอกแล้ว เราควรปกป้องผิวจากภายในด้วย ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ อย่างเช่นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างผัก ผลไม้หลากสี รวมไปถึงอาหารที่มีสารแอนติออกซิแดนท์ อย่างผลไม้ตระกูลเบอร์รี ส้ม และแครอต ที่มีวิตามินเอและซีสูง เพราะอาหารเหล่านี้จะช่วยสร้างเกราะป้องกันผิว ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและพร้อมที่จะเผชิญกับมลภาวะในแต่ละวัน
แม้ว่ามลพิษทางอากาศจะส่งผลเสียต่อผิวและยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่เผชิญได้
แต่ถึงอย่างนั้นเราก็สามารถเลือกที่จะป้องกันได้ด้วยวิธีข้างต้น
ขอเพียงแค่เราใส่ใจและไม่ละเลย
เท่านี้มลพิษทางอากาศก็ไม่สามารถที่จะทำร้ายผิวสวย ๆ ของเราได้แล้วล่ะค่ะ
ในช่วงที่สภาพอากาศบ้านเราเต็มไปด้วยฝุ่น ควัน
และมลภาวะอย่างนี้ นอกจากสุขภาพร่างกายจะแย่แล้ว สาว ๆ
ยังรู้สึกไหมคะว่าช่วงนี้สุขภาพผิวของเราก็แย่ตามไปด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่า
มลพิษทางอากาศ
ทำร้ายผิวได้มากกว่าที่คิดและถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของผิวรองลงมาจากแสงแดดเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะทำให้ใบหน้าหมองคล้ำ เป็นสิว มีริ้วรอย ผิวแพ้ง่าย
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัยอีกด้วย
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วจะมัวแต่ชะล่าใจไม่ได้แล้วนะคะสาว
ๆ หากไม่อยากให้ผิวเสียมากไปกว่านี้ละก็ รีบมาดู วิธีปกป้องผิวจากมลภาวะ
เอาไว้กันดีกว่า พูดเลยถึงแม้จะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ก็ดีกว่าไม่ป้องกันหรือไม่ทำอะไรเลย
เพราะถ้าหากปล่อยทิ้งไว้นานวันเข้าอาจจะเป็นเรื่องที่สายเกินแก้ก็ได้นะคะ
มลพิษทางอากาศในปัจจุบันนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ควันจากท่อไอเสียรถ ควันบุหรี่ ควันจากการเผาไหม้ รวมไปถึงฝุ่นละอองที่อยู่ในอากาศ ซึ่งมลพิษบางชนิดนั้นมีขนาดที่เล็กมาก เรียกได้ว่าเล็กกว่าขนาดรูขุมขนของเราถึง 20 เท่าเลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มลพิษเหล่านี้จะสามารถซึมเข้าสู่รูขุมขนของเราได้อย่างง่ายดาย และเมื่อเข้าสู่ชั้นผิวแล้วก็จะมีการไปทำลายชั้นคอลลาเจนและชั้นไขมัน ซึ่งถือเป็นชั้นแรก ๆ ที่เป็นเกราะช่วยปกป้องผิวของร่างกาย เมื่อถูกทำลายมาก ๆ เข้าจึงเป็นสาเหตุหลัก ๆ ของปัญหาผิวตามมาหลายอย่าง เช่น ผิวหน้าหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวอุดตัน เป็นสิว มีจุดด่างดำ มีริ้วรอย ผิวแพ้ง่าย กระ ฝ้า รูขุมขนกว้าง และทำให้หน้าแก่ก่อนวัยนั่นเอง
วิธีปกป้องผิวจากมลภาวะ
สำหรับมลภาวะทางอากาศที่กล่าวไปข้างต้น ถึงแม้ในชีวิตประจำวันจะเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือหลีกเลี่ยงได้ยากก็ตาม แต่อย่างน้อยเราก็สามารถปกป้องได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งวิธีปกป้องผิวจากมลภาวะนั้นจะทำได้อย่างไรบ้าง มาดูคำแนะนำกันเลยค่ะ
1. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง
อันดับแรกสาว ๆ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่โล่งแจ้งที่มีมลพิษทางอากาศสูง อย่างเช่น ฝุ่น ควันรถ ควันบุหรี่ เป็นต้น เพราะถ้าหากเราไปอยู่ในสถานที่นั้นนาน ๆ มลพิษทางอากาศก็จะเข้าสู่ผิวของเราได้มากกว่าปกตินั่นเอง
การทำความสะอาดผิวถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเป็นประจำทุกเช้าเย็น เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน แต่ทั้งนี้การล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าให้เหมาะสม อ่อนโยน และไม่ระคายเคืองต่อผิวด้วย อย่างเช่นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าแบบที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสารที่ทำให้ผิวแห้งตึง ซึ่งแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบที่มีค่า pH 5 ที่ใกล้เคียงกับค่า pH ตามธรรมชาติของผิว เพราะจะทำให้ผิวไม่ระคายเคือง ทั้งนี้นอกจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าให้เหมาะสมแล้ว สาว ๆ อาจลองใช้แปรงทำความสะอาดผิวควบคู่กันไปจะช่วยทำให้กำจัดสิ่งสกปรกจากมลภาวะที่มองเห็นยากได้ดียิ่งขึ้้น
3. เลือกใช้สกินแคร์ที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ
การเลือกใช้สกินแคร์ที่จะช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะก็เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยควรเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างเช่น วิตามินอี วิตามินซี เพราะจะช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับผิวและขัดขวางไม่ให้มลพิษเข้าไปทำร้ายผิวของเรา นอกจากนี้ควรเลือกสกินแคร์แบบที่มี Anti-pollution ด้วยเพราะจะช่วยเป็นเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะไม่ให้เข้าสู่ผิวของเราได้ง่ายนั่นเอง
เพราะยิ่งผิวของเรามีความชุ่มชื้นมากเท่าไร เกราะป้องกันผิวก็จะยิ่งแข็งแรง ทนทานต่อมลภาวะและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ได้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเราจึงควรหมั่นบำรุงผิวอยู่เสมอ ด้วยการเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ทั้งในตอนกลางวันและตอนกลางคืน เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ในผิวและซ่อมแซมผิว เท่านี้ผิวของเราก็จะมีเกราะป้องกันและแข็งแกร่งพร้อมรับมือกับมลภาวะได้แล้ว
5. พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่ดีต่อผิว
นอกจากปกป้องผิวจากภายนอกแล้ว เราควรปกป้องผิวจากภายในด้วย ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ อย่างเช่นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างผัก ผลไม้หลากสี รวมไปถึงอาหารที่มีสารแอนติออกซิแดนท์ อย่างผลไม้ตระกูลเบอร์รี ส้ม และแครอต ที่มีวิตามินเอและซีสูง เพราะอาหารเหล่านี้จะช่วยสร้างเกราะป้องกันผิว ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและพร้อมที่จะเผชิญกับมลภาวะในแต่ละวัน