Edit วิกฤตหนัก! “ดอยช์แบงก์” ธนาคารใหญ่ ประกาศปลดพนักงานกว่า 18,000 ตำแหน่ง ปัจจุบันไม่ว่าจะทำอะไร ก็เหมือนว่าจะไม่สำเร็จและจะล้มเหลวไปซะทุกอย่าง อย่างเช่นเดียวกับ ธนาคารยักษ์ใหญ่ของเยอรมันอย่าง ดอยช์แบงก์ (Deutsche Bank) ได้ประกาศว่าเตรียมปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ด้วยการปรับลดตำแหน่งพนักงานทั่วโลกลง 18,000 ตำแหน่ง เหลือ 74,000 ตำแหน่ง ภายในระยะเวลา 3 ปี หรือปี 2022 ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายรวมถึง 7,400 ล้านยูโร นอกจากนี้ ดอยช์แบงก์ ยังตัดสินใจที่จะยุติการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นและการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับตราสารหนี้ของธนาคาร โดยดอยช์แบงก์จะหันไปเน้นธุรกิจที่ธนาคารอยู่ในระดับผู้นำของตลาด อย่างเช่น การให้คำปรึกษาด้านการเงินกับบริษัทต่างๆ เป็นต้น สื่อต่างประเทศคาดการณ์ว่า รายงานสถานะการเงินของดอยช์แบงก์ในไตรมาสที่สองซึ่งจะออกในวันที่ 25 กรกฎาคม นี้ ดอยช์แบงก์จะมีผลขาดทุนกว่า 2,800 ล้านยูโร สืบเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างดังกล่าว ส่งผลให้ธนาคารต้องปรับลดขนาดธุรกิจการลงทุนของธนาคารลงไปอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ทางดอยช์แบงก์ยังไม่ระบุว่าจะมีตำแหน่งอะไรบ้างที่จะถูกปลดในครั้งนี้ “นายคริสเตียน ซิววิ่ง” (Christian Sewing) ซีอีโอคนใหม่ของ Deutsche Bank รับตำแหน่งต่อจาก John Cryan เมื่อเมษายนปีที่ผ่านมา (Photo by Daniel ROLAND / AFP) “คริสเตียน ซิววิ่ง” (Christian Sewing) ซีอีโอคนปัจจุบันของดอยช์แบงก์กล่าวว่า วันนี้เราได้ประกาศการปรับโครงสร้างที่จะเปลี่ยนแปลงดอยช์แบงก์ครั้งสำคัญในรอบทศวรรษ นี่คือจุดเริ่มต้นของธนาคารที่จะโฟกัสไปที่กลุ่มลูกค้าดั่งเดิมของเรา และกลับไปหารากเหง้าทางธุรกิจที่เคยทำให้ดอยช์แบงก์กลายเป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำของโลก การปรับโครงสร้างของดอยช์แบงก์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่การเจรจาเพื่อควบรวมบริษัทกับ ธนาคารคู่แข่งอย่างคอมเมิร์ซแบงก์ (Commerzbank) ล้มเหลวลงเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แม้ว่ารัฐบาลเยอรมนีจะสนับสนุนความพยายามนี้ เพื่อช่วยส่งเสริมให้เกิดผู้นำในอุตสาหกรรมธนาคารของประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุปว่า การรวมบริษัทมีความเสี่ยงมากเกินไป ด้วยกลัวว่าค่าใช้จ่ายในการควบรวมดังกล่าวจะให้ผลประโยชน์ต่อธนาคารน้อยกว่าที่คาดไว้ ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของการล้มครืนของธนาคารยักษ์ใหญ่ของเยอรมัน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากเรื่องอื้อฉาวในเรื่องของการทำผิดกฎหมายไม่หยุดหย่อน โดยตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ธนาคารแห่งนี้โดยฟ้องไปแล้ว 28 ครั้ง เสียค่าปรับไปทั้งสิ้นสูงถึง 12,489 ล้านเหรียญ อีกทั้งยังโดนสหรัฐฯ ถูกลดเรทติ้งจาก S&P และไม่สามารถผ่าน Stress Test รอบที่สองของ Fed เมื่อเดือนมิถุนายนในปีก่อน ที่สำคัญคือ ดอยช์แบงก์ประสบปัญหาทางธุรกิจมานานหลายปี ซึ่งทำให้ธุรกิจธนาคารเพื่อการลงทุนของพวกเขาถดถอย และแม้พยายามปรับปรุงบริษัทมาแล้วหลายครั้ง ก็ไม่สามารถนำดอยช์แบงก์กลับไปสู่จุดที่ควรจะเป็นได้นั้นเอง ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก: BBC