ไม่สนว่าใครจะมองยังไง คู่รัก กู้โลก ปลูกต้นไม้ถึง 4 ล้านต้น 20 ปี

กล่าวได้ว่ากระเป๋านอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นโดยหน่วยงานของกินรวมทั้งการกสิกรรมของยูเอ็นกล่าวว่า ตั้งแต่ในปี 1990 เป็นต้นมา มีพื้นที่ป่าดงกว่า 806 ล้านไร่ที่หายไปจากโลกใบนี้ หรือคิดเป็นหลักที่ใหญ่มากยิ่งกว่าเมือง

ไทยถึง 2 เท่า ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว ในทุกๆปี จะมีพื้นที่ป่าดงบนโลกนี้หายไป เท่ากับภาคใต้ของไทยอย่างยิ่งจริงๆ ซึ่งก็นับได้ว่าคือปัญหาใหญ่สำหรับโลกพวกเราอย่างยิ่ง

เนื่องจากว่าปัญหานี้ได้มีผลไปถึงจำนวนแก๊สปรากฏการณ์เรือนกระจกที่เพิ่มสูงมากขึ้นกว่า 15% สัตว์ป่าเยอะแยะจำต้องสูญเสียที่พักอาศัย ถ้าเกิดคิดกันเล่นๆว่าถ้าหากเหตุการณ์อย่างนี้ยังคงดำเนินอยู่ถัดไป โลกของพวกเราบางที

อาจหมดสิ้นป่าไปทั้งผองด้านในไม่กี่ร้อยปีหลังจากนี้

เซบาสว่ากล่าวโอ ซัลกาโด ช่างถ่ายภาพชาวบราซิลรวมทั้งเมียของเขา ลีลิอา เป็นคู่ควงที่ตระหนักถึงปัญหาอันรุนแรงนี้ ทั้งสองก็เลยตกลงใจแสดงให้โลกได้มีความคิดเห็นว่า เพียงแค่มนุษย์ตัวเล็กๆแค่เพียงไม่กี่คน ก็สามารถพลิก

ฟื้นป่าขึ้นมาใหม่ได้

รูปถ่ายเทียบระหว่างปี 2000 และก็ 2013

เดิมทีครั้ง ซัลกาโดเป็นช่างถายภาพที่เป็นที่รู้จักมีชื่อเสียงและก็ได้รับรางวัลทางด้านถ่ายรูปเกี่ยวกับสื่อมาแล้วเยอะแยะในบราซิล รวมทั้งออกหนังสือรูปของตนเองที่ถูกเผยแพร่มาไม่ต่ำลงมากยิ่งกว่าครึ่งโหล

จนถึงในตอนทศวรรษที่ 90 ซัลกาได้ได้โอกาสเดินทางกลับมายังถิ่นกำเนิดของเขารวมทั้งจำเป็นต้องช็อคกับภาพที่มองเห็น เพราะว่าพื้นที่รอบๆหมู่บ้านที่เคยเป็นป่าที่สมบูรณ์บริบูรณ์กลายเป็นหลักที่ที่แล้งและก็ไม่มีสัตว์ป่า

เข้ามาเกาะประทับใจเขาจนถึงไม่มีเรี่ยวแรง แม้กระนั้นเมียของเขากลับมั่นใจว่า พื้นที่แห้งนี้จะสามารถฟื้นคืนกลับกลายป่าที่สมบูรณ์บริบูรณ์ได้ใหม่อีกรอบ

“พื้นที่ป่ารอบๆนี้มันสิ้นสุดแล้วเสมือนที่ผมกำลังรู้สึก ทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกทำลายไปหมด” ซัลกาโดกล่าว “มีพื้นดินเพียง 0.5% แค่นั้นที่ยังมีต้นไม้อยู่ แต่ว่าเมียของผมก็เกิดความคิดดียอดที่จะพลิกฟื้นป่าที่นี้ ผมกับคุณเบาๆปลูก

ต้นไม้ไปครั้งละต้นสองต้น พวกเราพากเพียรกันอย่างมากกระทั่งเริ่มมีแมลง นก และก็ปลา กลับมาอาศัยในพื้นที่ที่นี้อีกรอบ ป่าที่นี้กำเนิดใหม่ดังตัวผมเอง นี่เป็นตอนๆในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิต”

ณ ตอนนั้นเอง ซัลกาโดแล้วก็เมียได้จัดตั้งหน่วยงานที่ชื่อว่า Terra โดยเป็นหน่วยงานเล็กๆที่มีเป้าหมายสำหรับการปลูกป่าให้กับมาสมบูรณ์บริบูรณ์อีกที พวกเขาสามารถปลูกต้นไม้ได้มากถึง 4 ล้านต้น จนถึงต้นไม้กลุ่มนี้เติบโต

เปลี่ยนเป็นป่าได้สำเร็จเสร็จ

ซัลกาโดกล่าวว่า “สิ่งมีชีวิตประเภทเดียวที่แปลงคาร์บอนไดออกไซด์เป็นออกสิเจนก็คือต้นไม้ การฟื้นคืนป่าที่นี้ควรต้องปลูกต้นไม้เขตแดนที่เคยมีอยู่เดิม พวกเราก็เลยจำต้องรวมรวมเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาจากพื้นที่รอบๆนี้ ซึ่งถ้าหากพวก

เรามิได้ปลูกต้นไม้ที่เคยมีอยู่ตรงนี้ พวกสัตว์ต่างๆก็จะไม่กลับมาและก็ป่าก็จะเงียบโดยทันที”

ระยะเวลากว่า 20 ปีได้พิสูจน์ให้ทุกคนมีความคิดเห็นว่า คำพูดของซัลกาโดนั้นถูกเพียงใด ในตอนนี้มีสัตว์ป่าหลายแบบที่คืนมาสู่ป่า จากพื้นที่แห้งที่ไม่มีเสียงอะไรก็แล้วแต่ก็แปลงเป็นป่าที่เต็มไปด้วยเสียงแมลงรวมทั้งนกร้อง

ภาพที่บอกให้เห็นถึงความหนาแน่นของต้นไม้เปรียบตั้งแต่ปี 2000, 2006 รวมทั้ง 2012

จากการสำรวจปัจจุบันพบว่า ป่าที่นี้มีนกสูงถึง 172 ประเภท สัตว์เลืoดอุ่น 33 ประเภท สัตว์เลื้อยคลาน 15 ประเภท สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ 15 จำพวก รวมทั้งต้นไม้รวมแล้วกว่า 293 สายพันธุ์ ระบบนิเวศน์ของตรงนี้ทั้งสิ้นได้ถูกทำขึ้น

เรื่องราวของซัลกาโดได้บอกให้เห็นอย่างเห็นได้ชัดว่า “ป่า” ที่หายไปสามารถรู้สึกตัวคืนมาได้ใหม่อีกรอบ จากความอุตสาหะที่จะต้องใช้เวลา แต่ว่าคำตอบที่เกิดขึ้นมันก็คุ้มมากกว่าอะไรจะมาตอบแทนได้จริงๆ