อิทธิพลของความเหงาไม่ใช่เรื่องที่จะมาโพสต์ขำ
ๆ อีกต่อไป เพราะมีหลักฐานยันชัดว่าคนเหงา
ถ้าป่วยเป็นหวัดอาการจะหนักกว่าคนไม่เหงาแบบที่น่าตกใจเลยล่ะ
นอกจากจะบั่นทอนในส่วนของจิตใจแล้ว ความรู้สึกเหงายังกัดกร่อนสุขภาพเราได้อย่างร้ายกาจมาก ๆ เพราะมีงานวิจัยที่ยืนยันชัดว่า ความรู้สึกเหงาสามารถลดภูมิต้านทานในตัวเราได้ และคนที่รู้สึกเหงาเมื่อป่วยเป็นหวัดแล้วก็จะอาการหนักกว่า เมื่อเทียบกับคนที่ไม่รู้สึกเหงา ว่าแล้วก็มาดูซิว่าเรื่องนี้มันยังไงกันแน่
ข้อมูลนี้มาจากงานวิจัยชิ้นหนึ่งของ
Rice University ทีมวิจัยได้คัดเลือกอาสาสมัครอายุระหว่าง 18-55 ปี รวม
159 คน โดยเกือบ 60% เป็นเพศชาย
ทุกคนจะได้รับไวรัสเชื้อหวัดในปริมาณที่เท่ากัน
และต้องอยู่ในห้องที่มีการป้องกันเชื้อแพร่ระบาดนาน 5 วัน
โดยที่ก่อนทำการทดลอง ทีมวิจัยจะให้อาสาสมัครทุกคนทำแบบทดสอบจิตวิทยา Short
Loneliness Scale ส่วนในระหว่างทำการทดลองและหลังการทดลอง
อาสาสมัครทุกคนจะได้ทำแบบทดสอบ Social Network Index อีกหนึ่งชุด
ทั้งนี้ก็เพื่อวัดระดับความรู้สึกเหงาของอาสาสมัครนั่นเอง
และเมื่อเวลาผ่านไป 5 วัน ผลปรากฏว่าอาสาสมัครราว 75% โดนเชื้อหวัดเล่นงานจนป่วย แต่คนที่มีอาการหวัดหนักกลับพบว่าเป็นกลุ่มคนที่เป็นคนเหงาตัวพ่อ ตัวแม่ ที่ผลทดสอบทางจิตวิทยาแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยวจริง ๆ แม้เขาเหล่านี้จะมีเพื่อนทางโซเชียลมากหรือน้อยก็ตาม ดังนั้นในเบื้องต้นนักวิจัยจึงได้ข้อสรุปว่า อาการป่วยจะเป็นมากน้อยแค่ไหน ไม่ได้สัมพันธ์กับจำนวนเพื่อนที่อาสาสมัครมีเลย แต่สิ่งที่มีผลต่ออาการเจ็บป่วยคือคุณภาพของความสัมพันธ์ในชีวิตต่างหาก เพราะเห็นได้ชัดว่า ความเหงาสามารถกดภูมิต้านทานในร่างกายของคนที่รู้สึกเหงาได้ จึงโดนไวรัสเล่นงานได้ง่ายกว่าคนที่ไม่เหงานั่นเอง
อย่างไรก็ดี นักวิจัยจาก Rice University ก็ทิ้งท้ายไว้ว่า ความเหงายังไม่ถือเป็นมหันตภัยต่อสุขภาพที่รุนแรง เพราะการที่จะส่งผลต่อสุขภาพในวงกว้างอย่างโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ก็ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจที่เหงา อ้างว้าง และย่ำแย่เป็นเวลานานมากพอที่จะกัดกร่อนสุขภาพกายไปด้วยได้ แต่ถ้าประเด็นเรื่องป่วยด้วยอาการหวัด รับรองว่าคนเหงาจะป่วยหนักกว่าคนไม่เหงาแน่นอนค่ะ
อย่าปล่อยให้ความเหงามาบั่นทอนทั้งกายและใจเราไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนคงดีกว่านะคะ เพราะอย่างน้อยที่สุดความเหงาก็คงทำให้เราเครียด หม่นหมอง และอาจรู้สึกเศร้าอยู่ในใจลึก ๆ แย่ต่อสุขภาพจิตได้ ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงความเหงากันไว้ดีกว่า
- 7 อันตรายจากความเหงา ไม่ใช่แค่อารมณ์สีเทาแต่ฆ่าเราได้ !
- วิธีแก้เหงาเมื่ออยู่คนเดียว เปล่าเปลี่ยวแต่เฟี้ยวและสุดสตรอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
apa
medicalnewstoday
sciencedaily
นอกจากจะบั่นทอนในส่วนของจิตใจแล้ว ความรู้สึกเหงายังกัดกร่อนสุขภาพเราได้อย่างร้ายกาจมาก ๆ เพราะมีงานวิจัยที่ยืนยันชัดว่า ความรู้สึกเหงาสามารถลดภูมิต้านทานในตัวเราได้ และคนที่รู้สึกเหงาเมื่อป่วยเป็นหวัดแล้วก็จะอาการหนักกว่า เมื่อเทียบกับคนที่ไม่รู้สึกเหงา ว่าแล้วก็มาดูซิว่าเรื่องนี้มันยังไงกันแน่
และเมื่อเวลาผ่านไป 5 วัน ผลปรากฏว่าอาสาสมัครราว 75% โดนเชื้อหวัดเล่นงานจนป่วย แต่คนที่มีอาการหวัดหนักกลับพบว่าเป็นกลุ่มคนที่เป็นคนเหงาตัวพ่อ ตัวแม่ ที่ผลทดสอบทางจิตวิทยาแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยวจริง ๆ แม้เขาเหล่านี้จะมีเพื่อนทางโซเชียลมากหรือน้อยก็ตาม ดังนั้นในเบื้องต้นนักวิจัยจึงได้ข้อสรุปว่า อาการป่วยจะเป็นมากน้อยแค่ไหน ไม่ได้สัมพันธ์กับจำนวนเพื่อนที่อาสาสมัครมีเลย แต่สิ่งที่มีผลต่ออาการเจ็บป่วยคือคุณภาพของความสัมพันธ์ในชีวิตต่างหาก เพราะเห็นได้ชัดว่า ความเหงาสามารถกดภูมิต้านทานในร่างกายของคนที่รู้สึกเหงาได้ จึงโดนไวรัสเล่นงานได้ง่ายกว่าคนที่ไม่เหงานั่นเอง
อย่างไรก็ดี นักวิจัยจาก Rice University ก็ทิ้งท้ายไว้ว่า ความเหงายังไม่ถือเป็นมหันตภัยต่อสุขภาพที่รุนแรง เพราะการที่จะส่งผลต่อสุขภาพในวงกว้างอย่างโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ก็ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจที่เหงา อ้างว้าง และย่ำแย่เป็นเวลานานมากพอที่จะกัดกร่อนสุขภาพกายไปด้วยได้ แต่ถ้าประเด็นเรื่องป่วยด้วยอาการหวัด รับรองว่าคนเหงาจะป่วยหนักกว่าคนไม่เหงาแน่นอนค่ะ
อย่าปล่อยให้ความเหงามาบั่นทอนทั้งกายและใจเราไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนคงดีกว่านะคะ เพราะอย่างน้อยที่สุดความเหงาก็คงทำให้เราเครียด หม่นหมอง และอาจรู้สึกเศร้าอยู่ในใจลึก ๆ แย่ต่อสุขภาพจิตได้ ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงความเหงากันไว้ดีกว่า
- 7 อันตรายจากความเหงา ไม่ใช่แค่อารมณ์สีเทาแต่ฆ่าเราได้ !
- วิธีแก้เหงาเมื่ออยู่คนเดียว เปล่าเปลี่ยวแต่เฟี้ยวและสุดสตรอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
apa
medicalnewstoday
sciencedaily