เสมหะหรือเสลดเรื้อรัง อาการน่ารำคาญที่ไม่มีใครอยากเป็น สามารถนำไปสู่อาการป่วยชนิดใดได้บ้าง แล้วสามารถรักษาให้หายได้อย่างไร มาหาคำตอบกัน
เสมหะ คือ สารคัดหลั่งที่ร่างกายสร้างขึ้นมาจากต่อมสร้างสารคัดหลั่ง ซึ่งอยู่ในเยื่อบุทางเดินหายใจ โดยเมื่อมีเสมหะในลำคอหรือในระบบทางเดินหายใจก็จะสร้างความรำคาญให้กับผู้ที่เป็นอย่างมาก หลาย ๆ คนจึงพยายามกำจัดออกด้วยการกระแอมหรือไอ ซึ่งตามปกติแล้ว เสมหะทั่วไปจะเกิดเพียง 2-3 ครั้งต่อวัน แต่หากใครที่มีเสมหะบ่อย ๆ หลาย ๆ ครั้งในหนึ่งชั่วโมง หรือมีความรู้สึกว่า มีเสมหะในลำคอตลอดเวลา รวมทั้งสังเกตสีของเสมหะว่าค่อนข้างไม่ปกติ อาจจะต้องเข้าพบหมอโดยด่วน เพราะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหรืออาการต่อไปนี้
1. โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ (Allergic rhinitis)
โรคอันดับต้น ๆ ที่คนมีเสมหะในลำคอตลอดเวลามักจะเป็นก็คือ โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ โดยลักษณะของผู้ที่เป็นโรคนี้ จะมีเยื่อบุจมูกที่ค่อนข้างจะไวต่อสิ่งแวดล้อม คือ เมื่อสัมผัสกับสารที่ทำให้แพ้หรือสิ่งที่ทำให้ระคายเคือง ก็จะกระตุ้นต่อมสร้างน้ำมูกในจมูก ทำให้มีน้ำมูกไหลลงคอได้ โดยน้ำมูกที่ไหลลงคอก็จะกลายเป็นเสมหะ ซึ่งก็ตรงกับอาการมีเสมหะค้างในลำคอตลอดเวลาที่หลาย ๆ คนเป็นนั่นเอง โดยส่วนมากเสมหะมักจะมีสีขาวใส หรือขาวขุ่น ยกเว้นเวลาตื่นมาตอนเช้า เสมหะอาจจะมีสีเหลืองขุ่นได้ เนื่องจากน้ำมูกหรือเสมหะคั่งค้างอยู่ในจมูกและลำคอเป็นเวลานาน
และนอกจากอาการมีเสมหะตลอดเวลาแล้ว อาการอื่น ๆ ที่สังเกตได้ชัดก็คือ มักมีอาการคันจมูก คัดจมูก จามติด ๆ กันหลายครั้ง และมีน้ำมูกใส ๆ แต่จะไม่มีไข้ค่ะ ในบางคนอาจมีอาการปวดศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากและดั้งจมูก หรือหูอื้อร่วมด้วย หากอยากรักษาให้หายขาด เราก็ต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งโดยทั่วไปมักเกิดจากการแพ้ฝุ่นในบ้าน หรือกลิ่นควัน ฯลฯ แต่หากเป็นมานานแล้วไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์จ่ายยาแก้แพ้ให้
นอกจากจะเป็นโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ได้แล้ว อาการมีเสมหะเรื้อรังยังอาจเกิดจากโรคจมูกอักเสบชนิดไม่แพ้ได้เช่นกัน แม้ว่าจริง ๆ แล้วโรคทั้งสองจะมีอาการเหมือนกัน แต่โรคจมูกอักเสบชนิดไม่แพ้ เป็นโรคที่เกิดจากการระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อม ทำให้มีน้ำมูกไหลลงคอจนเป็นเสมหะเฉย ๆ ไม่ได้มีอาการภูมิแพ้ร่วมด้วย โดยโรคนี้จะมีอาการคัดจมูกเป็นอาการนำ แต่มักจะไม่พบอาการคันจมูก จาม หรืออาการทางตาที่เป็นอาการของโรคจมูกอักเสบชนิดภูมิแพ้ร่วมด้วย
จะว่าไปโรคนี้ค่อนข้างยากต่อการวินิจฉัย เพราะอาการที่เกิดขึ้นไม่สามารถหาได้ชัดเจน อาจเกิดได้จากอารมณ์ที่เปลี่ยนไป อากาศที่เปลี่ยนแปลง ฝุ่น ควัน กลิ่น การกินอาหารเผ็ดจัด ความผิดปกติของร่างกายที่ทำให้เยื่อบุจมูกตอบสนองมากผิดปกติต่อสารระคายเคืองต่าง ๆ ฯลฯ ต่างจากโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ที่บอกสาเหตุได้แน่ชัดว่าแพ้สารอะไร จึงรักษาได้ง่ายกว่า
ดังนั้น การจะรักษาโรคจมูกอักเสบชนิดไม่แพ้นั้น แพทย์มักจะรักษาตามอาการ คือ ให้ยาแก้คัดจมูก น้ำมูกไหล เพื่อไม่ให้มีเสมหะไหลลงคอ พร้อมกับแนะนำให้หลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองให้ได้มากที่สุด หากมีอาการคัดจมูกมาก ๆ ก็ควรนอนหนุนหมอนที่สูงขึ้น แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น แพทย์ก็จะรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อให้ช่องจมูกโล่งมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไซนัสอักเสบจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็ควรรักษาให้หายด้วยการกินยาตามแพทย์สั่ง เพราะหากปล่อยไว้การติดเชื้อในไซนัสอาจลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ เช่น ตา และสมอง ทำให้อาการรุนแรงและเรื้อรัง จนส่งผลให้เกิดโรคทางปอด หลอดลมอักเสบ ไอเรื้อรัง ตามมาได้ แต่ถ้าใครกำลังสงสัยว่าอาการที่เราเป็นจะใช่ไซนัสหรือโรคหวัด ก็ลองเปรียบเทียบอาการกันดูที่กระทู้นี้ค่ะ
โรคหืด เป็นโรคที่เกิดจากอาการอักเสบเรื้อรังที่เยื่อบุหลอดลม ส่งผลให้เยื่อบุหลอดลมของผู้ป่วยโรคนี้ไวต่อสิ่งเร้ามากกว่าปกติ เวลาสัมผัสกับสิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือภูมิแพ้ จะไปกระตุ้นต่อมผลิตเสมหะในเยื่อบุหลอดลมให้สร้างเสมหะเป็นจำนวนมาก ทำให้มีเสมหะค้างอยู่ในลำคอตลอดเวลาได้ ทางที่ดีถ้าคุณมีเสมหะตลอดเวลา ร่วมกับอาการแน่นหน้าอกและหายใจลำบาก ให้รีบไปพบหมอ เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าคุณเป็นโรคหืดหรือเปล่าจะดีที่สุดค่ะ โดยการรักษาโรคหอบหืดจะต่างกันในคนไข้แต่ละคน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค อายุคนไข้ และภาวะที่เกิดร่วมกับโรคหอบหืดด้วยเหมือนกัน และถึงแม้ว่าโรคนี้จะรักษาให้หายไม่ได้ แต่หากดูแลตัวเองดีก็จะช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการได้
5. โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic bronchitis)
ผู้ที่มีอาการไอแบบมีเสมหะบ่อย ๆ ควรต้องสงสัยถึงโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังเอาไว้เป็นอันดับแรก ๆ เนื่องจากผู้ป่วยโรคนี้ มักจะมีอาการไอแบบมีเสมหะเรื้อรังหนักมาก ถึงขนาดที่บางรายอาจมีอาการไอเป็นเลือดร่วมด้วย ยิ่งไปกว่านั้น โรคหลอดลมอักเสบถือเป็นโรคที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ด้วยการรักษาไปตามอาการ พร้อมทั้งปรับสภาพของร่างกายให้สมดุล และหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้หลอดลมระคายเคือง พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายให้แข็งแรงเพื่อจะได้ไม่เป็นหวัดง่าย เพราะจะทำให้หลอดลมอักเสบได้ง่าย ไม่เช่นนั้นเชื้อต่าง ๆ อาจจะลามไปที่ปอด จนเป็นโรคปอดอักเสบหรือถุงลมโป่งพองได้
6. ภาวะติดเชื้อเรื้อรังบริเวณคอ (Chronic infectious pharyngitis)
หากมีเสมหะอยู่ในลำคอเป็นเวลานานเกินปกติ
เราขอแนะนำให้รีบไปตรวจบริเวณลำคอโดยด่วน
เพราะคุณอาจมีอาการติดเชื้อเรื้อรัง ทั้งจากเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย
เชื้อไวรัส เชื้อซิฟิลิส หรือเชื้อวัณโรคได้
โดยเชื้อเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ลำคอของเราแล้ว จะไปทำให้เกิดอาการอักเสบ
พอคออักเสบมาก ๆ ก็จะไปกระตุ้นให้ต่อมสร้างเสมหะทำงานมากขึ้น
จนส่งผลให้เรามีเสมหะเรื้อรังในที่สุด
ส่วนการรักษาโรคนี้ส่วนมากจะใช้การประคับประคองตามอาการ เช่น ให้ดื่มน้ำมาก
ๆ กินยาแก้ปวด กินยาต้านเชื้อรา
หรือกินยาปฏิชีวนะในกรณีที่ผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรีย
7. ภาวะระคายเคืองหรือบาดเจ็บเรื้อรังบริเวณลำคอ (Chronic irritative and/or traumatic pharyngitis)
อีกหนึ่งสาเหตุยอดฮิตที่ทำให้ผู้คนมากมายมีอาการเสมหะเรื้อรัง
ก็มาจากการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ไอหนัก อาเจียนบ่อย มีแผลในลำคอ
อยู่ในสถานที่ที่มีอากาศเย็นมาก รวมถึงได้รับสารเคมีและมลพิษ
ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้
ทำให้เรามีอาการระคายเคืองหรือบาดเจ็บเรื้อรังบริเวณลำคอ
และจะไปกระตุ้นต่อมสร้างเสมหะในคอ ทำให้ผลิตเสมหะออกมามากกว่าปกติ
ซึ่งหากอยากทราบสาเหตุที่แน่ชัดก็ต้องให้แพทย์หู คอ จมูก
ตรวจวินิจฉัยค่ะ
8. โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease : GERD)
โรคกรดไหลย้อน
ผู้ป่วยมักจะมีกรดจากหลอดอาหารไหลย้อนขึ้นมาที่คอหอย
ซึ่งจะกระตุ้นต่อมสร้างเสมหะในลำคอให้ทำงานมากขึ้น
จึงทำให้มีเสมหะในลำคอตลอดเวลาได้ ยิ่งไปกว่านั้น
กรดไหลย้อนที่ไหลขึ้นมาที่คอ ยังสามารถทำให้เยื่อบุลำคออักเสบ
จนทำให้กลไกในการกำจัดเสมหะของเยื่อบุลำคอผิดปกติไป
ส่งผลให้มีเสมหะค้างอยู่บริเวณลำคอ
ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองจนต้องกระแอมไอ โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร
หรือช่วงที่กำลังจะล้มตัวลงนอน
นอกจากนี้ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนขึ้นมาที่คอและกล่องเสียง
(Laryngopharyngeal reflux) กรดไหลย้อนที่ออกไปนอกหลอดอาหาร
อาจไปถึงเยื่อบุจมูกทางด้านบน
และกระตุ้นต่อมสร้างน้ำมูกในโพรงจมูกให้ทำงานมากขึ้น ทำให้มีน้ำมูกหรือมีเสมหะไหลลงคอได้ด้วยนะคะ ฉะนั้นอาการเสมหะเรื้อรังที่หลาย ๆ
คนเป็นแล้วไม่หายสักที ก็อาจส่อถึงโรคนี้อยู่ก็เป็นได้
ซึ่งถ้าอยากกำจัดเสมหะที่เกิดจากกรดไหลย้อน ก็ต้องรักษาโรคกรดไหลย้อนให้หาย
ด้วยการปรับพฤติกรรมตัวเองตามนี้ค่ะ
9. โรคแพ้อาหาร (Food allergy)
รู้หรือไม่ว่าการแพ้อาหารก็ทำให้เกิดเสมหะได้
เพราะเมื่อเรารับประทานอาหารที่แพ้เข้าไป
อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองที่เยื่อบุลำคอ
กระตุ้นให้ต่อมสร้างเสมหะมากขึ้นได้
โดยเฉพาะอาการแพ้อาหารประเภทผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (โยเกิร์ต) ชีส ไข่ ข้าว
นมถั่วเหลือง ปลากะตัก อะโวคาโด เห็ด
รวมไปถึงอาหารประเภทอบแห้งหรืออาหารปิ้งย่าง ซึ่งอาจมีสารฮีสตามีน
หรือสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้แฝงอยู่
ฉะนั้นใครที่มีเสมหะอยู่ในลำคอตลอดเวลา โดยไม่มีอาการป่วยอื่น ๆ ร่วมด้วย
ลองสำรวจตัวเองดูก็ได้ค่ะว่าเราจะมีเสมหะมากผิดปกติหลังรับประทานอาหารประเภทไหน
ซึ่งนั่นอาจสันนิษฐานได้ว่าเรามีอาการแพ้อาหารชนิดนั้น ๆ อยู่ก็เป็นได้
ทว่าหากเสมหะในลำคอไม่ยอมหายสักที
เคสนี้คงต้องแนะนำให้พบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธีต่อไป
นอกจากนี้พฤติกรรมที่ใช้เสียงผิดวิธี เช่น พฤติกรรรมอ้าปากพูดมาก ๆ ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เรามีเสมหะในลำคอตลอดเวลา เนื่องจากเมื่อเราอ้าปากพูดมาก ๆ ร่างกายจะปรับให้เราหายใจทั้งทางจมูกและปาก ส่งผลให้อากาศมีโอกาสผ่านเข้าสู่ลำคอเรามากขึ้น และทำให้ลำคอเกิดภาวะแห้งและเย็น จนร่างกายต้องปรับตัวเพื่อให้ลำคอมีความชุ่มชื้น ด้วยการสร้างเสมหะมากขึ้น ส่งผลให้เรามีเสมหะในลำคอได้
การจะกำจัดเสมหะให้หมดไป ต้องรักษาโรคต่าง ๆ ที่กล่าวไปแล้วให้หาย แต่นอกเหนือจาก 9 โรคนั้น จริง ๆ เสมหะยังสามารถเกิดขึ้นได้จากไข้หวัด ซึ่งมาพร้อมอาการคัดจมูก จาม น้ำมูกไหล หรือบางคนอาจมีอาการไอ ปวดศีรษะ เป็นไข้ร่วมด้วย แต่โดยปกติแล้วอาการเสมหะที่เกิดขึ้นจากสาเหตุนี้จะหายไปภายในไม่กี่วัน และไม่ได้เป็นเรื้อรัง ซึ่งเราสามารถกำจัดเสมหะจากอาการหวัดให้หายไปได้เร็วขึ้นด้วยวิธีต่อไปนี้ค่ะ
ต้องขอย้ำอีกครั้งว่า เสมหะที่บอกโรคได้ หรือบ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงโรคต่าง ๆ ในเบื้องต้น ต้องเป็นอาการมีเสมหะเรื้อรัง หรือมีเสมหะติดต่อกันนานเกิน 3 สัปดาห์เป็นต้นไป ฉะนั้นใครที่เพิ่งจะมีเสมหะ ก็ไม่ต้องกังวลมากไป เพราะอาจจะเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา ไปพบหมอสักหน่อยก็สามารถรักษาให้หายได้ง่าย ๆ แล้ว นอกจากนี้ ก่อนจะไปพบหมอ เราอาจลองสังเกตอาการเบื้องต้นของตัวเองดูก่อนก็ได้ว่าเสมหะของเรามีสีอะไร เพื่อวินิจฉัยตัวเองได้ในเบื้องต้น และจะได้แจ้งให้หมอทราบ เพื่อการรักษาได้ตรงจุดค่ะ
- สีเสมหะบอกโรคได้ รู้ไว้เป็นสัญญาณเตือน
ขอบคุณข้อมูลจาก
สาขาวิชาโรคจมูกและโรคภูมิแพ้ ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ราชวิทยาลัย โสต ศอ นาสิก แห่งประเทศไทย
livestrong