หายโควิดหรือยัง แพทย์จะให้กลับบ้านเมื่อไร กลับบ้านแล้วยังต้องกักตัวอีกไหม รวมข้อมูลที่คนป่วยสงสัยมาบอกให้ทราบกัน
ผู้ป่วยที่สบายดีหรือไม่มีอาการ
เนื่องจากไม่มีอาการป่วยใด ๆ กลุ่มนี้อาจได้รักษาตัวที่บ้าน
(Home isolation) หรือรักษาตัวในสถานที่รัฐจัดให้เป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน
โดยไม่ต้องรับประทานยาหรืออาจได้รับฟ้าทะลายโจร
เกณฑ์หายป่วย :
เมื่อแยกกักตัวที่บ้านหรือสถานที่รัฐจัดให้เป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน
นับจากวันที่ตรวจพบเชื้อ เช่น ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 10 มกราคม
โดยไม่มีอาการป่วยใด ๆ เลย จะถือว่าหายป่วยในวันที่ 20 มกราคม
(ยกเว้นว่าระหว่างรักษาตัวมีอาการหรือความผิดปกติใด ๆ
ตรงนี้จะต้องให้แพทย์ประเมินอีกครั้ง)
สำหรับจังหวัดที่เตียงไม่พออาจให้อยู่ที่สถานที่รัฐจัดให้หรือโรงพยาบาล
5-7 วัน และกลับไปกักตัวต่อที่บ้านจนครบ 10 วัน เช่น อยู่โรงพยาบาล 7 วัน
แล้วอนุญาตให้กลับไปกักตัวที่บ้านอีก 3 วัน เพื่อให้ครบ 10 วันตามเกณฑ์
ผู้ป่วยที่มีอาการน้อย
กลุ่มนี้อาจได้รักษาตัวที่บ้านหรือสถานที่รัฐจัดให้อย่างน้อย 10
วันนับจากวันที่มีอาการ โดยรับประทานยารักษาตามอาการที่เป็น
เกณฑ์หายป่วย : จะถือว่าหายป่วยแล้วและได้ออกจากสถานที่รัฐจัดให้เมื่อครบ
10 วัน นับจากวันที่มีอาการ เช่น ตรวจพบเชื้อวันที่ 10 มกราคม แต่วันที่
15 มกราคม มีไข้และมีน้ำมูก ก่อนจะรักษาจนหายดีในวันที่ 19 มกราคม
แบบนี้จะเท่ากับหายป่วยในวันที่ 25 มกราคม (นับจากวันที่มีอาการคือ 15
มกราคม ไปอีก 10 วัน จะตรงกับวันที่ 25 มกราคม)
อย่างไรก็ตาม หากครบ 10 วันตามที่กำหนดแล้ว
แต่ยังมีอาการป่วยอยู่ แพทย์จะให้อยู่ต่อจนอาการดีขึ้นอย่างน้อย 24-48
ชั่วโมง
(สำหรับจังหวัดที่เตียงไม่พออาจให้อยู่ที่สถานที่รัฐจัดให้หรือโรงพยาบาล
5-7 วัน และกลับไปกักตัวต่อที่บ้านจนครบ 10 วัน นับจากวันที่มีอาการ)
ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
หรือกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัด ปลูกถ่ายไขกระดูก
ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ที่มีระดับภูมิคุ้มกันบกพร่อง ฯลฯ
จะต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือสถานที่รัฐจัดให้
เกณฑ์หายป่วย : ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะออกจากโรงพยาบาลได้ก็ต่อเมื่ออาการดีขึ้นแล้ว
โดยจะต้องกักตัวต่อที่บ้าน ระยะเวลารวมอย่างน้อย 20 วัน
นับจากวันที่มีอาการ
- อาการดีขึ้น และภาพรังสีปอดไม่แย่ลง
- อุณหภูมิไม่เกิน 37.8 องศาเซลเซียส ต่อเนื่อง 24-48 ชั่วโมง
- อัตราการหายใจไม่เกิน 20 ครั้ง/นาที
- ระดับออกซิเจนในเลือด มากกว่า 96% ขณะพัก หรือบางคนอาจกลับพร้อมออกซิเจน
ประเด็นนี้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลว่า ผู้ที่หายป่วยและได้ออกจากโรงพยาบาลหลังเข้ารับการรักษาจนเวลาที่กำหนด จัดว่าเป็นผู้ที่พ้นระยะการแพร่เชื้อ และอยู่ในระยะที่ร่างกายฟื้นตัว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องแยกกักตัวหรือแยกจากคนอื่นแล้ว สามารถทำงานได้ตามปกติ
ส่วนผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาลยังไม่ครบวันที่กำหนด
แต่แพทย์พิจารณาให้กลับไปกักตัวต่อที่บ้านได้
กลุ่มนี้จะต้องกักตัวที่บ้านให้ครบกำหนดก่อนค่ะ เช่น
ถ้าอยู่ในโรงพยาบาล 7 วัน ต้องกลับมากักตัวที่บ้านอีก 3 วัน ให้ครบ 10 วัน
จึงจะถือว่าหายป่วยแล้ว (กรณีไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น)
โดยการกักตัวที่บ้านจะต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
สิ่งที่คนหายป่วยจากโควิดควรปฏิบัติเมื่อกลับจากโรงพยาบาล หรือภายหลังรักษาตัวที่บ้านจนครบ 10 วันแล้ว มีดังนี้
1. สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา เมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น เว้นระยะห่างทางสังคม
2. ล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ สเปรย์แอลกอฮอล์ 70% ถูมือให้ทั่วถึง
3. ไม่ใช้อุปกรณ์รับประทานอาหารและแก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น
4. ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ
5. รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ สะอาด
6. หากมีอาการท้องเสียหรืออาเจียนให้งดอาหารย่อยยากและอาหารประเภทนมหรือผลไม้สด
7. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง
8. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ หรือยาเสพติดทุกชนิด เพื่อลดการทำลายอวัยวะภายใน
9. สังเกตตัวเองว่ามีอาการป่วยเกิดขึ้นใหม่หรือไม่ เช่น มีไข้สูง
ไอมาก มีอาการเหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก เบื่ออาหาร เป็นต้น
โดยอาการเหล่านี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการติดโควิด
หรือติดเชื้อชนิดอื่น ๆ ควรรีบติดต่อที่สถานพยาบาลเดิมที่เคยรักษา หรือโทร.
ปรึกษาสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
10. หากต้องไปสถานพยาบาล ให้สวมหน้ากากอนามัยระหว่างเดินทางตลอดเวลา
แนวทางการให้วัคซีนโควิด 19 ฉบับปรับปรุง เดือนสิงหาคม 2564
ของกรมควบคุมโรค ระบุว่า
ผู้ป่วยโควิดที่หายแล้วก็ยังจำเป็นต้องฉีดวัคซีนโควิด 19 โดยแบ่งเป็น 2
กรณีคือ
- กรณีที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนโควิดมาก่อน หรือยังรับไม่ครบ 2 เข็ม : ให้ฉีดวัคซีนชนิดใดก็ได้ 1 เข็ม หลังหายป่วยโควิด 1-3 เดือน หากเกิน 3 เดือนขึ้นไปให้รับวัคซีนโดยเร็วที่สุด
- กรณีที่ฉีดวัคซีนโควิด ครบ 2 เข็มแล้วติดเชื้อ : หากติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ไปแล้ว 14 วันขึ้นไป ยังไม่จำเป็นต้องรับวัคซีนเข็ม 3 แต่แนะนำให้ปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อก่อนฉีดวัคซีน เพราะแม้เคยเป็นมาก่อนโดยไม่รู้ตัว ก็ไม่ทำให้มีอันตรายจากการฉีดวัคซีน
* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 17 มกราคม 2565
ขอบคุณข้อมูลจาก
กรมการแพทย์
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (1), (2)