ไลฟ์สไตล์ชีวิตของคนเมืองในปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตเผชิญกับปัญหามลภาวะทางอากาศ และฝุ่นละอองที่เกินค่ามาตรฐาน นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคืองต่อผิวหน้าแล้ว ยังส่งผลกระทบโดยตรงกับเส้นผมและหนังศีรษะ หากละเลยหรือปล่อยไว้นานยิ่งจะทวีความรุนแรงและส่งผลเสียในระยะยาวได้ ฝุ่นละออง PM 2.5 (Particulate Matters 2.5) คือฝุ่นละอองที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 2.5 ไมครอนหรือไมโครเมตร ซึ่งเล็กกว่าเส้นผมเราถึง 40 เท่า (เส้นผมมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100 ไมครอน) เป็นอนุภาคที่ลักษณะขรุขระ สามารถนำพาสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายต่างๆ ติดมาด้วย อาทิ แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก ไฮโดรคาร์บอน เป็นต้น
นอกจากนี้ฝุ่นละอองและมลภาวะสามารถเกาะตัวกับเส้นผมได้มากกว่าผิวหนังถึง 3 เท่า โดยเฉพาะผู้ที่มีผมหนาหรือยาวมักเกิดปัญหาผมเกิดความอ่อนแอ แห้งกรอบ หลุดร่วงง่าย รวมถึงการอุดตันรูขุมขนบนหนังศีรษะ และการเกิดสิว หากปล่อยไว้นานฝุ่นละอองเหล่านี้สามารถแทรกซึมเข้าเส้นผมและทำลายโครงสร้างโปรตีนของเส้นผม ทำให้ผมแห้งและหลุดร่วงมากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วเส้นผมของคนเราจะหลุดร่วงเฉลี่ยประมาณวันละ 70-100 เส้น หากหลุดร่วงมากกว่านั้นก็อาจจะเป็นสัญญาณว่าหนังศีรษะเริ่มมีปัญหา
ฝุ่นละออง PM 2.5 และฝุ่นทั่วไป ทำร้ายสุขภาพเส้นผมได้อย่างไร?
รศ.ดร. แพทย์หญิง รัชต์ธร ปัญจประทีป อาจารย์ประจำแผนกผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แนะนำเคล็ดลับดูแลเส้นผมเมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะทางอากาศ ฝุ่น PM 2.5 และความร้อนว่า ปัญหามลภาวะทางอากาศทั้งแสงแดด ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เราต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน นอกจากจะส่งผลกระทบกับสุขภาพร่างกายและผิวพรรณแล้ว ยังส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้เกิดอาการหนังศีรษะแห้งลอกเป็นขุย เส้นผมเปราะบาง ขาดความเงางาม หลุดร่วงง่าย
วิธีดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ
การทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเป็นประจำ เพื่อกำจัดคราบไขมัน ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรก รวมถึงคราบสารเคมีจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม สำหรับคนที่หนังศีรษะมัน ควรสระผมทุกวัน หรือวันเว้นวัน และคนที่หนังศีรษะแห้งก็สามารถทิ้งระยะห่างในการสระผมห่างได้เช่นทุก 2-3 วัน
แชมพูที่ดีควรขจัดคราบไขมัน สิ่งสกปรกตกค้าง รวมถึงสารเคมีจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมออกไปได้มากที่สุดโดยไม่ทำให้เส้นผมหรือหนังศีรษะแห้งคัน ในปัจจุบันมีแชมพูสระผมหลากหลายประเภท อาทิ แชมพูสำหรับผมปกติ (Normal hair), ผมแห้ง (Dry hair), ผมมัน (Oily hair), ผมเสียแห้งเสีย (Damaged hair), ผมเส้นเล็ก (Fine hair), ผมทำสี (Colour treated hair) และแชมพูยาสำหรับรักษารังแคหรือการอักเสบของหนังศีรษะ ซึ่งการเลือกใช้ควรพิจารณาว่าแชมพูชนิดไหนเหมาะกับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะของเรา นอกจากนี้การทำแฮร์ทรีทเม้นท์ (Hair treatment) ก็มีส่วนช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมที่แห้งเสียให้กลับมามีสุขภาพดี การใช้ครีมนวดผม (Hair conditioner), ครีมหมักผม (Hair mask) หรือเซรั่มบำรุงเส้นผม (Hair serum) ที่มีส่วนผสมของน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ จะช่วยเคลือบปิดเกล็ดผม (Cuticular scales) ไม่ให้ฉีกขาดง่าย ช่วยลดแรงต้าน (Friction) เวลาหวีผม ทำให้เส้นผมไม่ถูกทำลายได้โดยง่าย และทำให้เส้นผมมีน้ำหนัก
สิ่งที่ทำลายสุขภาพเส้นผมโดยที่เราไม่รู้ตัว
สิ่งที่ทำลายสุขภาพเส้นผมโดยที่เราไม่รู้ตัว ทำให้เส้นผมเกิดความอ่อนแอ แห้งเสีย ชี้ฟูและไม่เงางาม ได้แก่
- การใช้แชมพูสระผมที่มีค่าความเป็นด่างสูง ทำให้เกล็ดผมบวม และง่ายต่อการถูกทำลาย รวมถึงการใช้น้ำที่ร้อนเกินไปสระผม ทำให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้น เนื่องจากน้ำร้อนจะไปชะล้างน้ำมันที่หล่อเลี้ยงเส้นผมออกไป ทำให้ผมแห้งเสีย
- การใช้ไดร์ร้อนเป่าผม เครื่องหนีบผม หรือเครื่องม้วนผม เป็นการทำลายเกล็ดผม ทำให้เส้นผมแห้งเสีย และชี้ฟูการดัดหรือยืดผมทำให้ผมเสีย เนื่องจากสารเคมีในน้ำยาดัดหรือยืดผมทำให้เส้นผมเกิดการเปลี่ยนรูปร่าง และเปราะบางขึ้น ส่วนการกัดสีหรือทำสี ทำให้รากผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่าย บางรายอาจมีอาการแพ้ เกิดผื่นคันที่หนังศีรษะ รวมถึงเกิดอาการผมร่วงได้ เนื่องจากในน้ำยาทำสีผมมีส่วนประกอบของสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดและด่าง
- การอยู่ในสภาพอากาศที่แห้งเป็นเวลานาน ทำให้เส้นผมแห้งกระด้าง เกิดไฟฟ้าสถิต ผมชี้ฟู และจัดทรงยากส่วนความร้อนจากแสงแดดและรังสี UV ก็ทำให้เส้นผมเปราะ ขาดง่าย แห้งกร้าน เนื่องจากโปรตีนเคราตินที่ทำหน้าที่ปกป้องเส้นผมถูกทำลาย
- ความเครียดทำให้ผมแห้งเสีย ขาดน้ำหนัก ในบางรายอาจมีอาการผมร่วงได้ เนื่องจากความเครียดส่งผลต่อฮอร์โมน และระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้สารอาหารที่ไปช่วยบำรุงเส้นผมไม่เพียงพอ
- การถอนเส้นผมอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ทำให้ผมไม่งอกขึ้นมาใหม่ ส่วนการแกะเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง อาจทำให้เกิดผื่นคันเรื้อรัง ผมหักขาดเป็นหย่อมๆ
วิธีรักษาสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ
การมีผมสวยสุขภาพดีย่อมเป็นที่ดึงดูด และส่งผลดีต่อบุคลิกภาพ ทำให้เกิดความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งวิธีการง่ายๆ ดังนี้
- ลดการใช้สารเคมีในการทำสี ดัด ย้อมให้น้อยที่สุด
- หลีกเลี่ยงการเป่าผมด้วยความร้อนจัด หลีกเลี่ยงการหนีบผม หรือไดร์ยืดผมตอนที่เส้นผมยังเปียกอยู่ เพราะจะทำให้เส้นผมขาดหักได้ง่าย
- การหวีผม ควรใช้แปรงที่มีตุ่มหรือหวีซี่ใหญ่ โดยไม่ทำให้เกิดเส้นผมขาดจากการเกี่ยวของหวีหรือแปลงได้
- ควรใช้น้ำอุ่นในการสระผม โดยให้ปลายนิ้วนวดคลึงหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และไม่ควรเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรงขณะสระผม
- รับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินเอ, วิตามินบี, สังกะสี (Zinc) และเหล็ก (Iron) อาทิ เนื้อปลา หอยนางรม ไข่ นมหรือผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วและธัญพืชชนิดต่างๆ ผักใบสีเขียวเข้ม ส้ม และแครอท ฯลฯ ก็ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพดีได้อีกด้วย
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :รศ.ดร. แพทย์หญิง รัชต์ธร ปัญจประทีป อาจารย์ประจำแผนกผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ภาพ :iStock