เผย 6 ผลกระทบทางสุขภาพที่เกิดจากการขาดน้ำ ปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำบ่อย ๆ ต้องระวัง โรคภัยร้ายจะมาเยือนโดยไม่รู้ตัว
การดื่มน้ำในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อร่างกายจะทำให้เกิดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพได้มากมาย
นั่นเป็นเพราะน้ำช่วยขับของเสียในร่างกาย เมื่อร่างกายขาดน้ำ
ไตก็จะไม่สามารถขับของเสียได้
ทำให้ของเสียเหล่านั้นจับตัวกันเป็นนิ่วในไต และถ้าขาดน้ำยังทำให้ระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติ
นอกจากนี้น้ำยังช่วยเจือจางเลือดไม่ให้เข้มข้นจนเกินไป
และป้องกันเกล็ดเลือดแข็งตัว ซึ่งเป็นสาเหตุของการหัวใจวาย
ระบบการเผาผลาญชะงัก
การศึกษาในปี 2010 ซึ่งถูกตีพิมพ์ในหนังสือ The Water Secret ของดอกเตอร์ Howard Murad พบว่าคนที่มีระบบการเผาผลาญที่ดี มีสาเหตุมาจากปริมาณน้ำในร่างกายที่มีอย่างเพียงพอ ซึ่งการดื่มน้ำอย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายจะทำให้อัตราความเร็วในการเผาผลาญอาหารขณะที่พักเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับคนที่ดื่มน้ำน้อย หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอ
สมองทำงานแย่ลง
การศึกษาของ King College ในปี 2011 พบว่าภาวะขาดน้ำ ส่งผลกระทบต่อสมองของวัยรุ่นโดยตรง เพราะเมื่อขาดน้ำ สมองจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้แม้แต่ปัญหาที่ต้องพบเจอเป็นประจำก็อาจจะแก้ไขได้ยากขึ้น ไม่เหมือนเวลาที่สมองได้รับน้ำอย่างเพียงพอ แต่อาการเหล่านี้จะหายไปก็ต่อเมื่อสมองได้รับน้ำอย่างเพียงพอค่ะ
กินจุขึ้น
การศึกษาในปี 2010 กับคน 45 คน โดยสถาบันวิจัยด้านสาธารณสุขและน้ำพบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำอย่างน้อย 450 มิลลิลิตร ก่อนรับประทานอาหาร จะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง 75 -90 แคลอรี เมื่อเทียบกับคนที่ดื่มน้ำน้อยซึ่งจะรับประทานมากขึ้น นอกจากนี้ผู้ที่ดื่มน้ำมาก ๆ จะสามารถลดน้ำหนักลงได้กว่า 5 ปอนด์ (2.3 กิโลกรัม) ภายในเวลา 3 เดือน ซึ่งมากกว่าผู้ที่ไม่ยอมดื่มน้ำอีกด้วย
ผิวพรรณหย่อนคล้อยและหมองคล้ำ
มีการศึกษาหนึ่งพบว่า น้ำมีส่วนสำคัญในการทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และดูอ่อนเยาว์ ซึ่งหากเกิดภาวะขาดน้ำ หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ก็จะทำให้ผิวพรรณเกิดริ้วรอย ดูแก่ก่อนวัย นอกจากนี้ยังทำให้ผิวพรรณหมองคล้ำลงอีกด้วยล่ะค่ะ
หงุดหงิดง่าย
การดื่มน้ำไม่เพียงพอจนทำให้ร่างกายเกิดการขาดน้ำ เป็นสาเหตุทำให้อารมณ์แปรปรวนได้ โดยการศึกษาในปี 2009 ซึ่งทำการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างผู้ที่ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง 60-75 นาทีโดยไม่มีการดื่มน้ำ และกลุ่มที่มีการดื่มน้ำอย่างเพียงพอ พบว่าผู้ที่มีภาวะขาดน้ำ จะเกิดอาการอ่อนเพลีย สับสน หงุดหงิด และมีอาการซึมเศร้ามากกว่ากลุ่มที่มีการดื่มน้ำอย่างเพียงพอค่ะ
รู้แบบนี้แล้วก็ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว มาดูกันว่าเราต้องดื่มน้ำเวลาไหนและปริมาณเท่าไร
- ตื่นนอนตอนเช้าดื่ม 1 แก้ว เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ
- ตอนสาย ๆ ประมาณ 2 แก้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทํางานไประยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้นจึงควรดื่มน้ำเพื่อมาชําระของเสียเหล่านั้นออกไป
- ตอนบ่าย ๆ และตอนเย็น ช่วงละประมาณ 3 แก้ว
- ก่อนนอนให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลําไส้และกระเพาะอาหาร และยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น
ว่ากันด้วยเรื่องของ "น้ำ" ส่วนประกอบสำคัญของร่างกายซึ่งเป็นสิ่งที่คนเราไม่สามารถขาดได้
เพราะแม้แต่ในเซลล์ที่เล็กที่สุดของร่างกายก็ยังมีน้ำเป็นส่วนประกอบ
ดังนั้นการขาดน้ำจึงเป็นสิ่งที่อันตรายต่อคนเราอย่างมากเลยล่ะค่ะ
เพราะไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกกระหายแต่ยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของเราอีกด้วย
แต่ว่าการขาดน้ำจะอันตรายขนาดไหน เราลองไปดูสิ่งที่เว็บไซต์ harpersbazaar
นำมาบอกกันดีกว่าค่ะ ใครที่ไม่ชอบดื่มน้ำ หรือดื่มน้ำน้อย ๆ ดื่มน้ำไม่พอ ได้อ่านแล้วรับรองจะต้องเปลี่ยนใจมาดื่มน้ำให้มากขึ้นอย่างแน่นอน
ขับของเสียไม่ได้
ระบบการเผาผลาญชะงัก
การศึกษาในปี 2010 ซึ่งถูกตีพิมพ์ในหนังสือ The Water Secret ของดอกเตอร์ Howard Murad พบว่าคนที่มีระบบการเผาผลาญที่ดี มีสาเหตุมาจากปริมาณน้ำในร่างกายที่มีอย่างเพียงพอ ซึ่งการดื่มน้ำอย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายจะทำให้อัตราความเร็วในการเผาผลาญอาหารขณะที่พักเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับคนที่ดื่มน้ำน้อย หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอ
การศึกษาของ King College ในปี 2011 พบว่าภาวะขาดน้ำ ส่งผลกระทบต่อสมองของวัยรุ่นโดยตรง เพราะเมื่อขาดน้ำ สมองจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้แม้แต่ปัญหาที่ต้องพบเจอเป็นประจำก็อาจจะแก้ไขได้ยากขึ้น ไม่เหมือนเวลาที่สมองได้รับน้ำอย่างเพียงพอ แต่อาการเหล่านี้จะหายไปก็ต่อเมื่อสมองได้รับน้ำอย่างเพียงพอค่ะ
กินจุขึ้น
การศึกษาในปี 2010 กับคน 45 คน โดยสถาบันวิจัยด้านสาธารณสุขและน้ำพบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำอย่างน้อย 450 มิลลิลิตร ก่อนรับประทานอาหาร จะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง 75 -90 แคลอรี เมื่อเทียบกับคนที่ดื่มน้ำน้อยซึ่งจะรับประทานมากขึ้น นอกจากนี้ผู้ที่ดื่มน้ำมาก ๆ จะสามารถลดน้ำหนักลงได้กว่า 5 ปอนด์ (2.3 กิโลกรัม) ภายในเวลา 3 เดือน ซึ่งมากกว่าผู้ที่ไม่ยอมดื่มน้ำอีกด้วย
ผิวพรรณหย่อนคล้อยและหมองคล้ำ
มีการศึกษาหนึ่งพบว่า น้ำมีส่วนสำคัญในการทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และดูอ่อนเยาว์ ซึ่งหากเกิดภาวะขาดน้ำ หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ก็จะทำให้ผิวพรรณเกิดริ้วรอย ดูแก่ก่อนวัย นอกจากนี้ยังทำให้ผิวพรรณหมองคล้ำลงอีกด้วยล่ะค่ะ
การดื่มน้ำไม่เพียงพอจนทำให้ร่างกายเกิดการขาดน้ำ เป็นสาเหตุทำให้อารมณ์แปรปรวนได้ โดยการศึกษาในปี 2009 ซึ่งทำการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างผู้ที่ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง 60-75 นาทีโดยไม่มีการดื่มน้ำ และกลุ่มที่มีการดื่มน้ำอย่างเพียงพอ พบว่าผู้ที่มีภาวะขาดน้ำ จะเกิดอาการอ่อนเพลีย สับสน หงุดหงิด และมีอาการซึมเศร้ามากกว่ากลุ่มที่มีการดื่มน้ำอย่างเพียงพอค่ะ
รู้แบบนี้แล้วก็ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว มาดูกันว่าเราต้องดื่มน้ำเวลาไหนและปริมาณเท่าไร
- ตื่นนอนตอนเช้าดื่ม 1 แก้ว เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ
- ตอนสาย ๆ ประมาณ 2 แก้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทํางานไประยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้นจึงควรดื่มน้ำเพื่อมาชําระของเสียเหล่านั้นออกไป
- ตอนบ่าย ๆ และตอนเย็น ช่วงละประมาณ 3 แก้ว
- ก่อนนอนให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลําไส้และกระเพาะอาหาร และยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น
การดื่มน้ำไม่เพียงพอส่งผลเสียขนาดไหน หลาย ๆ
คนก็คงจะได้ทราบกันแล้วใช่ไหมล่ะคะ เพราะฉะนั้นทางที่ดี
เรามาดื่มน้ำกันให้มากขึ้นดีกว่า ดื่มน้ำเยอะ ๆ
นอกจากจะดีกับร่างกายแล้วยังทำให้สดชื่นอีกด้วยนะ อ๊ะ ๆ
แล้วอย่าหลงคิดว่าดื่มน้ำอะไรก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ
เพราะยังไงก็ไม่มีเครื่องดื่มชนิดใดที่ดีกับร่างกายไปมากกว่าน้ำเปล่าแล้ว
เอาล่ะ อ่านจบแล้ว รีบไปหยิบน้ำเปล่ามาดื่มกันเลย