Home »
เรื่องน่ารู้
»
สูตร “น้ำละมุด” เครื่องดื่มป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ ดื่มเลย!
สูตร “น้ำละมุด” เครื่องดื่มป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ ดื่มเลย!
ผลไม้ไทยถ้ารู้จักกินอย่างพอดีหรือถูกวิธีก็จะดีต่อสุขภาพร่างกายของเรา
ดังเช่น “ละมุด” ก็มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย คนส่วนมากนิยมทานเป็นผลไม้
แต่การนำมาทำน้ำดื่มก็อร่อยไม่แพ้กัน แถมยังช่วยลดโรคบางโรคได้ด้วย
ก่อนที่จะทำน้ำละมุดดื่ม เรามารู้ถึงสรรพคุณของละมุดกันก่อน
ละมุดเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณป้องกัน โรคมะเร็งลำไส้
อีกทั้งยังทำให้ผู้ที่รับประทาน รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
ได้เป็นอย่างดี
หากรับประทานละมุดเป็นประจำ จะช่วยทำให้ระบบขับถ่าย ทำงานเป็นปรกติ
ซึ่งจะช่วยให้ไม่มีของเสีย ตกค้างในลำไส้ จึงช่วยป้องกัน การเป็น
มะเร็งลำไส้ ได้ดีนั่นเอง เนื่องจาก ละมุดมีเส้นใยอาหาร
ในปริมาณค่อนข้างสูง
จากการศึกษาวิจัยพบว่า ละมุดอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำตาลฟรุกโตส
และมีกากใยอาหารในปริมาณที่ค่อนข้างสูงมาก
ซึ่งจะช่วยส่งผลดีต่อระบบขับถ่ายของเรานั่นเอง
นอกจากนี้ ละมุดยังเป็นแหล่งของวิตามินเอ วิตามินซี ฟอสฟอรัส
และแคลเซียมอีกด้วย เมื่อเห็นถึงคุณประโยชน์ ของละมุดกันแล้ว
เรามาทำเครื่องดื่มน้ำละมุดดื่มกันเถอะ ส่วนผสมมีอะไรบ้างไปดูกันเลยจ้า
ส่วนผสม
1. เนื้อละมุด 1 ถ้วย
2. น้ำเปล่า 1 ถ้วย
3. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
4. น้ำแข็งทุบ 1 แก้ว
วิธีการทำ
1. เตรียมส่วนผสมข้างต้นให้ครบตามจำนวน
2. นำผลละมุดมาปลอกเปลือกและเอาเมล็ดออก เอาเฉพาะเนื้อของละมุด แล้วนำเนื้อละมุดใส่ลงไปในเครื่องปั่นไฟฟ้า
3. เติมเกลือ น้ำเปล่า และน้ำแข็งตามลงไป
4. เดินเครื่องปั่น ให้ส่วนผสมทั้งหมดละเอียดเข้ากัน
5. รินใส่แก้ว พร้อมดื่มแบบเย็นๆ ดับกระหายได้ทันที
ละมุดเป็นผลไม้ที่มีรสหวานจัด ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
ควรบริโภคเพียงเล็กน้อยและนานครั้ง ๆ
และไม่ควรให้เด็กเล็กรับประทานละมุดโดยลำพัง
หากต้องการให้เด็กรับประทานควรเอาเมล็ดออกก่อนพร้อมหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
พอคำที่เด็กจะสามารถเคี้ยวได้
เนื่องจากเมล็ดของละมุดมีความลื่นและมีโอกาสจะหลุดเข้าไปในหลอดลมได้ง่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่ฟันยังขึ้นไม่ครบ ก็ควรจะบดให้ละเอียด
และไม่ควรป้อนอาหารด้วยความรีบร้อนเพราะเด็กอาจจะสำลักติดคอได้
เคล็ดลับการเลือกซื้อละมุด อย่างแรกก็ให้ลองจับที่ผิวเบา ๆ
ถ้าผิวไม่นุ่มมากก็ใช้ได้ ลักษณะภายนอกของผลผิวดูเกลี้ยงกลม
มีสีน้ำตาลเป็นธรรมชาติและขั้วไม่หัก ก็จะได้ละมุดคุณภาพดีๆ แล้ว
ขอบคุณที่มา : medthai.com, share-si.com