ใครกำลังเป็นอ่านเลย! กรดไหลย้อน ท้องอืด น้ำต้มใบกะเพราช่วยท่านได้
กรดไหลย้อน ท้องอืด ไม่จำเป็นต้องใช้ยาในการรักษาตลอด คุณรู้หรือไม่ว่าสมุนไพรไทยอย่างใบกะเพราะสามารถช่วยคุณได้ ในวันนี้เราจึงอยากมานำเสนอสูตรน้ำต้มใบกะเพราแก้กรดไหลย้อน ท้องอืด ทำได้อย่างไรนั้นตามมาดู…
สรรพคุณของกะเพรา
• ช่วยขับลม
• เป็น Buffer ปรับสมดุลกรดในกระเพาะอาหาร
• มีส่วนช่วยเร่งการย่อยอาหาร ได้ผลดีเยี่ยมกับคนที่เป็นโรคในลำไส้เล็ก
• อาทิเช่น จุกเสียดในลำไส้เล็ก (โรคนี้เวลาเป็นความรู้สึกเหมือนถูกแทงด้วยหลาว นั่งอยู่ดีๆก็เจ็บเหมือนถูกแทง หรือถูกต่อย)
• น้ำกะเพรา เหมาะสำหรับคนที่เป็นกรดไหลย้อนที่มีอาการท้องอืดร่วมด้วยเป็นประจำ
สูตรน้ำกะเพราจาก นพ.เปี่ยมโชค ชลิดา มีวิธีการทำดังต่อไปนี้
• นำกะเพราทั้งลำต้นและใบ 1 กำประมาณ 1 ขีด มาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำจุลินทรีย์ EM (แช่ประมาณ 1 ชั่วโมง) หรือน้ำยาล้างผักเพื่อล้างยาฆ่าแมลงออก
• ทำการใส่น้ำ 2 – 3 ลิตรลงในหม้อ แล้วนำกะเพราใส่ลงไปทั้งหมด ทั้งลำต้นและใบ แล้วปิดฝาหม้อ โดยใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ต้มโดยใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาทีเมื่อน้ำเดือดให้ปิดแก๊สทันที (เกร็ดความรู้: หากคุณใช้ไฟอ่อน เกินไป ฤทธิ์ยาในกะเพราจะไม่ออกมา คุณควรกะปริมาณไฟที่ต้ม ให้น้ำเดือดภายใน 15 – 20 นาที)
• ถ้าน้ำกะเพราเย็นลงแล้ว หรือ ดื่มไม่หมด คุณไม่จำเป็นต้องอุ่นหรือต้มซ้ำ
• ให้คุณแช่เย็นไว้ดื่มแทน เพื่อที่จะไว้ดื่มได้หลายๆวัน (เกร็ดความรู้: สำหรับคนธาตุเย็นจะไม่ดื่มน้ำกะเพราเย็น แต่จะตั้งน้ำกะเพราทิ้งไว้ให้หายเย็นก่อน แล้วค่อยดื่ม เนื่ิองจากหลังรับประทานอาหาร ถ้าดื่มน้ำเย็นหรือทานของเย็นๆจะทำให้ท้องอืดอาหารไม่ย่อย)
หมายเหตุ:
• ถ้าใช้กะเพราแดงจะได้ผลดีกว่ากะเพราแบบอื่น
• กะเพราเป็นสมุนไพรธาตุร้อน ถ้าคุณดื่มน้ำกะเพราไปแล้วเกิดอาการร้อนใน คุณต้องลดปริมาณน้ำกะเพราลง
• ถ้าหากมีอาการหนักให้ดื่มประมาณ 6 – 8 แก้ว
• หลังจากวันแรกที่ดื่ม ถ้าหากอาการทุเลาลงให้ลดปริมาณน้ำกะเพราลง ดื่มเฉพาะหลังอาหาร มื้อละ 1 – 2 แก้ว แต่ไม่ควรเกิน 4 แก้วต่อวัน
• ยาสมุนไพรไทย ต้องใช้เวลารักษานานถึงจะหายและต้องกินเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องทานยาเคมีสังเคราะห์เข้าช่วยเลย
การปฏิบัติตนสำหรับผู้ที่มีอาการท้องอืด จุก เสียด แน่นเฟ้อ และกรดไหลย้อน มีดังต่อไปนี้
1. ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และไม่ควรทานลูกอมรสต่างๆ เช่น รสเปรี้ยว ที่ผสมสารสังเคราะห์
2. คุณไม่ควรรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดและเปรี้ยว แม้เพียงเล็กน้อยโดยเด็ดขาด
3. คุณไม่ควรรับประทานอาหารมันๆ เช่น กล้วยแขก มันทอด ปอเปี๊ยะทอด และของหมักดอง เช่น ผลไม้ดองต่างๆ
4. คุณไม่ควรรับประทานอาหารรสหวาน ที่มีน้ำตาลในปริมาณมากๆ อาทิเช่น ขนมหวาน, น้ำหวาน, น้ำอัดลม
5. คุณควรงดดื่มเหล้า และสูบบุหรี่ ชาและกาแฟก็ควรงด
6. คุณไม่ควรรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์เป็นจำนวนมากๆ ควรเลือกทานเนื้อปลา หรือถั่วแทน
7. คุณควรเลือกรับประทานผัก และควรเน้นเป็นผักต้ม (ผักสดควรรับประทานแต่น้อย) เพื่อให้มีการขับถ่าย ไล่ลมออกจุลินทรีย์ได้ทำงาน 8. คุณไม่ควรรับประทานผลไม้ประเภทย่อยยาก อาทิเช่น ฝรั่ง, มะม่วง
9. คุณควรเลือกทานผลไม้ประเภทย่อยง่ายและมีกากใยสูง อีกทั้งต้องไม่มีน้ำตาล ผลไม้ที่อยากแนะนำได้แก่ ส้ม ชมพู่ แตงไทย แคนตาลูป คุณไม่ควรทานฝรั่ง แตงโม แก้วมังกร มะเขือ เทศโดยเด็ดขาด
10. คุณควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด ประมาณ 100-200 ครั้งต่อ 1 คำ หรือ 3 นาทีต่อ 1 คำ
11. คุณไม่ควรรับประทานอาหารจนเต็มกระเพาะอาหาร
12. คุณควรใช้เวลารับประทานอาหารในแต่ละมื้อประมาณ ½ – 1 ชั่วโมง
13. หลังจากการรับประทานอาหารเสร็จ คุณต้องดื่มน้ำเปล่าแต่น้อย หลังจากนั้นอีกประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงให้ดื่มน้ำกะเพรา เนื่องจากน้ำกะเพราจะช่วยขับลม และช่วยเร่งการ ย่อยอาหาร
14. ทำการแกว่งแขนหลังรับประทานอาหารเสร็จในแต่ละมื้อ ช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้มีการเคลื่อนไหว
15. ในตอนเย็นให้รับประทานอาหารย่อยง่ายๆเท่านั้น เช่น โจ๊ก, ข้าวต้ม 16. คุณควรเลือกทานอาหารเสริมประเภทเพิ่มจุลินทรีย์ในลำไส้ ไม่ควรทานนมเปรี้ยวหรือโยเกริต์ เนื่องจากนมทำให้บางท่านท้องอืดได้
17. คุณต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น วิ่งทุกเช้า หรือวิ่งในช่วงเย็น อย่างน้อย 2.0 – 3.0 กิโลเมตร หรือเดินในช่วงเย็น เพื่อให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว
18. ต้องอดทนไม่ทานอาหารจุกจิก ไม่เป็นเวลา ไม่เป็นมื้อ
19. “การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” มีเงินทำไม ถ้าไม่ได้ใช้เงินให้เกิดประโยชน์ จำให้ขึ้นใจ หลังจากที่ได้อ่านกันแล้ว ก็ได้ทราบถึงสูตรน้ำต้มใบกะเพราแก้กรดไหลย้อน ท้องอืดกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังได้ทราบถึงการปฏิบัติตนสำหรับผู้ที่มีอาการท้องอืด จุก เสียด แน่นเฟ้อ และกรดไหลย้อนอีกด้วย ใครที่กำลังเป็นอยู่ก็ลองทำตามกันได้เลย
ข้อมูลจาก http://www.thaijobsgov.com/jobs/79040
กรดไหลย้อน ท้องอืด ไม่จำเป็นต้องใช้ยาในการรักษาตลอด คุณรู้หรือไม่ว่าสมุนไพรไทยอย่างใบกะเพราะสามารถช่วยคุณได้ ในวันนี้เราจึงอยากมานำเสนอสูตรน้ำต้มใบกะเพราแก้กรดไหลย้อน ท้องอืด ทำได้อย่างไรนั้นตามมาดู…
สรรพคุณของกะเพรา
• ช่วยขับลม
• เป็น Buffer ปรับสมดุลกรดในกระเพาะอาหาร
• มีส่วนช่วยเร่งการย่อยอาหาร ได้ผลดีเยี่ยมกับคนที่เป็นโรคในลำไส้เล็ก
• อาทิเช่น จุกเสียดในลำไส้เล็ก (โรคนี้เวลาเป็นความรู้สึกเหมือนถูกแทงด้วยหลาว นั่งอยู่ดีๆก็เจ็บเหมือนถูกแทง หรือถูกต่อย)
• น้ำกะเพรา เหมาะสำหรับคนที่เป็นกรดไหลย้อนที่มีอาการท้องอืดร่วมด้วยเป็นประจำ
สูตรน้ำกะเพราจาก นพ.เปี่ยมโชค ชลิดา มีวิธีการทำดังต่อไปนี้
• นำกะเพราทั้งลำต้นและใบ 1 กำประมาณ 1 ขีด มาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำจุลินทรีย์ EM (แช่ประมาณ 1 ชั่วโมง) หรือน้ำยาล้างผักเพื่อล้างยาฆ่าแมลงออก
• ทำการใส่น้ำ 2 – 3 ลิตรลงในหม้อ แล้วนำกะเพราใส่ลงไปทั้งหมด ทั้งลำต้นและใบ แล้วปิดฝาหม้อ โดยใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ต้มโดยใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาทีเมื่อน้ำเดือดให้ปิดแก๊สทันที (เกร็ดความรู้: หากคุณใช้ไฟอ่อน เกินไป ฤทธิ์ยาในกะเพราจะไม่ออกมา คุณควรกะปริมาณไฟที่ต้ม ให้น้ำเดือดภายใน 15 – 20 นาที)
• ถ้าน้ำกะเพราเย็นลงแล้ว หรือ ดื่มไม่หมด คุณไม่จำเป็นต้องอุ่นหรือต้มซ้ำ
• ให้คุณแช่เย็นไว้ดื่มแทน เพื่อที่จะไว้ดื่มได้หลายๆวัน (เกร็ดความรู้: สำหรับคนธาตุเย็นจะไม่ดื่มน้ำกะเพราเย็น แต่จะตั้งน้ำกะเพราทิ้งไว้ให้หายเย็นก่อน แล้วค่อยดื่ม เนื่ิองจากหลังรับประทานอาหาร ถ้าดื่มน้ำเย็นหรือทานของเย็นๆจะทำให้ท้องอืดอาหารไม่ย่อย)
หมายเหตุ:
• ถ้าใช้กะเพราแดงจะได้ผลดีกว่ากะเพราแบบอื่น
• กะเพราเป็นสมุนไพรธาตุร้อน ถ้าคุณดื่มน้ำกะเพราไปแล้วเกิดอาการร้อนใน คุณต้องลดปริมาณน้ำกะเพราลง
• ถ้าหากมีอาการหนักให้ดื่มประมาณ 6 – 8 แก้ว
• หลังจากวันแรกที่ดื่ม ถ้าหากอาการทุเลาลงให้ลดปริมาณน้ำกะเพราลง ดื่มเฉพาะหลังอาหาร มื้อละ 1 – 2 แก้ว แต่ไม่ควรเกิน 4 แก้วต่อวัน
• ยาสมุนไพรไทย ต้องใช้เวลารักษานานถึงจะหายและต้องกินเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องทานยาเคมีสังเคราะห์เข้าช่วยเลย
การปฏิบัติตนสำหรับผู้ที่มีอาการท้องอืด จุก เสียด แน่นเฟ้อ และกรดไหลย้อน มีดังต่อไปนี้
1. ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และไม่ควรทานลูกอมรสต่างๆ เช่น รสเปรี้ยว ที่ผสมสารสังเคราะห์
2. คุณไม่ควรรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดและเปรี้ยว แม้เพียงเล็กน้อยโดยเด็ดขาด
3. คุณไม่ควรรับประทานอาหารมันๆ เช่น กล้วยแขก มันทอด ปอเปี๊ยะทอด และของหมักดอง เช่น ผลไม้ดองต่างๆ
4. คุณไม่ควรรับประทานอาหารรสหวาน ที่มีน้ำตาลในปริมาณมากๆ อาทิเช่น ขนมหวาน, น้ำหวาน, น้ำอัดลม
5. คุณควรงดดื่มเหล้า และสูบบุหรี่ ชาและกาแฟก็ควรงด
6. คุณไม่ควรรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์เป็นจำนวนมากๆ ควรเลือกทานเนื้อปลา หรือถั่วแทน
7. คุณควรเลือกรับประทานผัก และควรเน้นเป็นผักต้ม (ผักสดควรรับประทานแต่น้อย) เพื่อให้มีการขับถ่าย ไล่ลมออกจุลินทรีย์ได้ทำงาน 8. คุณไม่ควรรับประทานผลไม้ประเภทย่อยยาก อาทิเช่น ฝรั่ง, มะม่วง
9. คุณควรเลือกทานผลไม้ประเภทย่อยง่ายและมีกากใยสูง อีกทั้งต้องไม่มีน้ำตาล ผลไม้ที่อยากแนะนำได้แก่ ส้ม ชมพู่ แตงไทย แคนตาลูป คุณไม่ควรทานฝรั่ง แตงโม แก้วมังกร มะเขือ เทศโดยเด็ดขาด
10. คุณควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด ประมาณ 100-200 ครั้งต่อ 1 คำ หรือ 3 นาทีต่อ 1 คำ
11. คุณไม่ควรรับประทานอาหารจนเต็มกระเพาะอาหาร
12. คุณควรใช้เวลารับประทานอาหารในแต่ละมื้อประมาณ ½ – 1 ชั่วโมง
13. หลังจากการรับประทานอาหารเสร็จ คุณต้องดื่มน้ำเปล่าแต่น้อย หลังจากนั้นอีกประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงให้ดื่มน้ำกะเพรา เนื่องจากน้ำกะเพราจะช่วยขับลม และช่วยเร่งการ ย่อยอาหาร
14. ทำการแกว่งแขนหลังรับประทานอาหารเสร็จในแต่ละมื้อ ช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้มีการเคลื่อนไหว
15. ในตอนเย็นให้รับประทานอาหารย่อยง่ายๆเท่านั้น เช่น โจ๊ก, ข้าวต้ม 16. คุณควรเลือกทานอาหารเสริมประเภทเพิ่มจุลินทรีย์ในลำไส้ ไม่ควรทานนมเปรี้ยวหรือโยเกริต์ เนื่องจากนมทำให้บางท่านท้องอืดได้
17. คุณต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น วิ่งทุกเช้า หรือวิ่งในช่วงเย็น อย่างน้อย 2.0 – 3.0 กิโลเมตร หรือเดินในช่วงเย็น เพื่อให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว
18. ต้องอดทนไม่ทานอาหารจุกจิก ไม่เป็นเวลา ไม่เป็นมื้อ
19. “การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” มีเงินทำไม ถ้าไม่ได้ใช้เงินให้เกิดประโยชน์ จำให้ขึ้นใจ หลังจากที่ได้อ่านกันแล้ว ก็ได้ทราบถึงสูตรน้ำต้มใบกะเพราแก้กรดไหลย้อน ท้องอืดกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังได้ทราบถึงการปฏิบัติตนสำหรับผู้ที่มีอาการท้องอืด จุก เสียด แน่นเฟ้อ และกรดไหลย้อนอีกด้วย ใครที่กำลังเป็นอยู่ก็ลองทำตามกันได้เลย
ข้อมูลจาก http://www.thaijobsgov.com/jobs/79040