โรคหัวใจ โรคยอดฮิตที่ไม่มีใครอยากเป็น สามารถป้องกันได้ง่าย ๆ
จากสมุนไพรพื้นบ้านใกล้ตัว รับรองเลยว่าถ้าอ่านแล้ว
ต้องรีบไปหาไว้ติดบ้านแน่นอน
โรคหัวใจ คือสาเหตุที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตเป็นลำดับต้น ๆ เพราะเป็นโรคที่คนไทยเป็นกันเยอะ แต่ไม่รู้ตัวและไม่ได้เข้ารับการรักษาซึ่งโรคหัวใจสามารถเกิดขึ้นได้จากการดำเนินชีวิตของเรา เช่น พฤติกรรมการทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง ความเครียด และการขาดการออกกำลังกาย แต่อย่างไรก็ตามโรคหัวใจ ก็สามารถป้องกันได้ค่ะ โดยเราต้องทำตัวเองให้แข็งแรง รับประทานอาหารให้มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือจะใช้สมุนไพรจากธรรมชาติบำรุงก็ได้ ซึ่งในวันนี้ เราก็มีบรรดาสมุนไพรใกล้ตัวที่สามารถช่วยบำรุงหัวใจของเราให้แข็งแรงขึ้นมาฝากกันค่ะ
กระเทียม
สมุนไพรที่ทุกคนต้องมีติดบ้านอย่าง กระเทียม ถือเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากมายทีเดียวเลยค่ะ โดยเฉพาะประโยชน์ดี ๆ ที่มีต่อสุขภาพหัวใจ เพราะในกระเทียมมีสารอัลลิซินที่ช่วยลดไขมันเลวในเลือดและลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายของหัวใจเลย กระเทียมจึงช่วยลดโอกาสการอุดตันไขมันในหลอดเลือด อันทำให้เกิดโรคหัวใจได้ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่พบว่า กระเทียมมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ช่วยลดความดันเลือด รวมทั้งเป็นสารต้านการจับตัวเป็นก้อนของเลือดด้วยการทำให้เกล็ดเลือดบางลง จึงป้องกันภาวะหัวใจขาดเลือด หรือสมองขาดเลือดได้ด้วย
แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่ากระเทียมที่พูดถึงนี้ไม่ใช่กระเทียมเจียวหอม ๆ กรอบ ๆ ที่เราชอบทานกันนะ แต่ต้องเป็นกระเทียมสด ซึ่งมีงานวิจัยพบว่า หากทานกระเทียมสดวันละ 2-3 กลีบ จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรงขึ้นได้ ส่วนใครยังหวั่นเกรงกลิ่นของกระเทียม หรือกลัวว่าทานแล้วจะคลื่นไส้ แนะนำให้บดกระเทียมให้ละเอียดแล้วทานพร้อมอาหารก็จะช่วยให้ทานง่ายขึ้น ทานเสร็จแล้วถ้ากลัวกลิ่นกระเทียมติดปาก ลองกำจัดด้วยวิธีนี้ดูค่ะ
- กลิ่นกระเทียมติดปาก กำจัดให้สิ้นซากแบบด่วนจี๋
หอม
แม้จะมีกลิ่นฉุน ไม่ถูกปากใครหลายคน แต่หอมหัวใหญ่ หอมแดง และต้นหอม ก็มีข้อดีในเรื่องการช่วยบำรุงเลือดและหัวใจ เนื่องจากในหอมจะมีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยยังยั้งไม่ให้เกล็ดเลือดไปรวมตัวกันจนแข็งตัวแล้วไปอุดตันตามเส้นเลือด ทำให้เราลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจลงไปได้นั่นเองค่ะ นอกจากนี้หอมต่าง ๆ ยังช่วยลดอาการอักเสบ แก้หวัด คัดจมูก และยังมีสารเคอร์ซีทินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระจึงปกป้องเราจากโรคมะเร็งได้ด้วยนะคะ
พริก
คนชอบทานเผ็ดน่าจะยิ้มเลยล่ะ เพราะสารแคปไซซินที่ให้ความเผ็ดในพริกจะช่วยทำให้หลอดเลือดขยาย ช่วยละลายลิ่มเลือด ลดการหดตัวของเส้นเลือด ลดการจับกลุ่มของเกล็ดเลือด ลดการสร้างไขมันในร่างกาย และไปยับยั้งการดูดซึมไขมันในเส้นเลือด ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปใช้ได้สะดวกและไม่มีเลือดมาอุดตันตามหลอดเลือด เท่านี้ก็ปกป้องหัวใจของเราได้แล้ว
ในบัวบกมีธาตุเหล็กสูง ซึ่งธาตุเหล็กเป็นสารช่วยบำรุงให้หัวใจขึ้นได้ แถมในใบบัวบกยังมีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงเลือด ป้องกันการเป็นโรคเลือดจาง ช่วยให้ผนังของหลอดเลือดแข็งแรงขึ้น และยังช่วยแก้อาการช้ำในและร้อนในด้วย โดยวิธีนำใบบัวบกมาใช้ก็ง่าย ๆ ให้นำก้านและใบมาล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาบดให้ละเอียดและคั้นเอาส่วนที่เป็นน้ำไปต้ม อาจจะเติมน้ำตาลหรือเกลือบ้างเล็กน้อย เสร็จแล้วก็นำมาดื่มได้เลย
บัวหลวงสามารถนำมาใช้บำรุงหัวใจได้ทั้งดอก ดีบัว (เมล็ดในฝักบัว) และไส้ของเมล็ดเลยค่ะ โดยดอกของบัวหลวงจะช่วยบำรุงหัวใจ ใช้เป็นยาชูกำลัง ส่วนดีบัวจะช่วยขยายหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนเลือดให้ไปเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้น ช่วยลดความดันเลือดไม่ให้สูงเกินไป และยังสามารถกระตุ้นหัวใจ ช่วยไม่ให้เป็นโรคหัวใจเต้นผิดปกติได้ นอกจากนี้ไส้ของเมล็ดบัวหลวงยังช่วยบำรุงให้เส้นเลือดหัวใจไม่ตีบได้อีกด้วยนะคะ
กระเจี๊ยบแดง
นำกระเจี๊ยบแดงมาต้มกับน้ำ แล้วเติมน้ำตาลเข้าไปเล็กน้อยเพื่อลดความเปรี้ยว ดื่มบ่อย ๆ จะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันเลือด บำรุงเลือดให้ไหลเวียนดีขึ้น และบำรุงร่างกายของเราได้ หรือจะนำกระเจี๊ยบแดงมาต้มกับพุทราจีนก็สามารถช่วยกำจัดไขมันไม่ดีในร่างกายได้ค่ะ
ดอกคำฝอย
ดอกคำฝอย นำมาต้มน้ำดื่มช่วยป้องกันโรคหัวใจและรักษาหลอดเลือดได้เหมือนกันนะคะ เพราะน้ำมันจากดอกคำฝอยมีฤทธิ์ลดการจับตัวของเกล็ดเลือด ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันเลือดสูง บำรุงเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้มากขึ้น ช่วยป้องกันโรคหัวใจวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ และเส้นเลือดหัวใจตีบได้
เสาวรส
นำเสาวรสที่แก่จัดหลาย ๆ ลูกมาล้าง แล้วคั้นเป็นน้ำผลไม้ เติมเกลือกับน้ำตาลเข้าไปสักนิด ดื่มกินบ่อย ๆ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ทำให้ไม่เป็นโรคหัวใจได้นะคะ เพราะการที่เส้นเลือดของเรามีไขมันสูงมากเกินไปจะไปกระตุ้นทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้ ขณะเดียวกันเสาวรสก็ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียมถึง 384 มิลลิกรัมต่อเสาวรส 100 กรัม ซึ่งโพแทสเซียมมีความสำคัญต่อเซลล์และของเหลวในร่างกายของเรา รวมทั้งช่วยควบคุมการทำงานของหัวใจและความดันโลหิตให้เป็นปกติได้ด้วย
ใบเตยหอม
หากรู้สึกกระหายเวลาเหนื่อย ๆ ต้องเติมความสดชื่นให้ร่างกายด้วยน้ำใบเตยสักแก้ว โดยนำใบสดมาคั้นดื่ม ครั้งละประมาณ 2-4 ช้อนแกง (4-8 ช้อนโต๊ะ) หรือต้มใบเตยกับน้ำเปล่าแล้วดื่ม จะช่วยให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เพราะใบเตยมีฤทธิ์บำรุงกำลังและระบบประสาท พร้อมกับช่วยบำรุงหัวใจด้วยนะคะ หรือหากใครมีอาการความดันโลหิตสูงก็สามารถต้มน้ำใบเตยเอาไว้ดื่มเช้า- เย็น เพื่อให้ใบเตยช่วยปรับระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติก็ได้เช่นกันค่ะ
ชาเขียว
รู้หรือเปล่าคะว่าชาเขียวที่เรานิยมดื่มกันมีสารที่สามารถป้องกันการจับตัวของเกล็ดเลือด แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดไขมันชนิดไม่ดี LDL และเพิ่มไขมันที่ดีอย่าง HDL ซึ่งช่วยป้องกันหลอดเลือดตีบและช่วยให้เลือดแข็งตัวยากขึ้น ทำให้โรคหัวใจไม่มาเข้าใกล้ แต่ไม่ใช่แค่นั้นเพราะชาเขียวยังช่วยลดระดับน้ำตาลและความดันเลือดให้ลงมาเป็นปกติได้ พร้อมช่วยย่อยอาหาร ล้างสารพิษ และช่วยให้เม็ดเลือดขาวสร้างตัว ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นอีกด้วย จึงเห็นได้ว่าในประเทศจีนมีการนำชาเขียวมารักษาโรคต่าง ๆ นานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในชาเขียวก็มีคาเฟอีนอยู่ไม่น้อย ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าคาเฟอีนจะไปกระตุ้นการหลั่งสารอะดรีนาลิน ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ซึ่งก็จะทำให้บางคนที่ดื่มชาเขียวมากเกินไปอาจมีอาการใจสั่นได้เหมือนกัน ดังนั้นแล้วหากจะดื่มชาเขียวควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เกินวันละ 3 ถ้วยนะคะ และที่สำคัญคือ ควรดื่มชาเขียวแบบชง ไม่ใช่แบบสำเร็จรูปสะดวกซื้อซึ่งผสมน้ำตาลเยอะ และมีปริมาณชาเขียวที่เจือจาง ทานแล้วเสี่ยงต่อโรคอ้วนมากกว่าจะช่วยดูแลหัวใจนะคะ
นอกจากที่ได้กล่าวไปแล้ว ยังมีสมุนไพรหาง่ายอีกมากมายที่นิยมนำดอกมาทำเป็นยาหอมไว้ชงกินบำรุงหัวใจ เช่น พิกุล กระดังงา มะลิลา และกุหลาบมอญหรือดอกยี่สุ่น ซึ่งถ้าใครสนใจจะหายาหอมมากินแล้วต้องการให้ช่วยบำรุงหัวใจด้วย ก็ควรเลือกยาหอมที่มีส่วนผสมจากดอกของสมุนไพรต่าง ๆ เหล่านี้นะคะ
เห็นไหมละคะว่าสมุนไพรไทยของเรานี่มีประโยชน์มากมาย แถมยังหาง่ายและใช้งานสะดวกอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามจะพึ่งแค่สมุนไพรเพื่อช่วยบำรุงหัวใจไม่ได้นะคะ เพราะเรายังต้องทานอาหารดี ๆ ที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนเยอะ ๆ และต้องพยายามไม่เครียดด้วยนะคะ เพื่อไม่ให้หัวใจของเราอ่อนแอลงไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
โรคหัวใจ คือสาเหตุที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตเป็นลำดับต้น ๆ เพราะเป็นโรคที่คนไทยเป็นกันเยอะ แต่ไม่รู้ตัวและไม่ได้เข้ารับการรักษาซึ่งโรคหัวใจสามารถเกิดขึ้นได้จากการดำเนินชีวิตของเรา เช่น พฤติกรรมการทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง ความเครียด และการขาดการออกกำลังกาย แต่อย่างไรก็ตามโรคหัวใจ ก็สามารถป้องกันได้ค่ะ โดยเราต้องทำตัวเองให้แข็งแรง รับประทานอาหารให้มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือจะใช้สมุนไพรจากธรรมชาติบำรุงก็ได้ ซึ่งในวันนี้ เราก็มีบรรดาสมุนไพรใกล้ตัวที่สามารถช่วยบำรุงหัวใจของเราให้แข็งแรงขึ้นมาฝากกันค่ะ
กระเทียม
สมุนไพรที่ทุกคนต้องมีติดบ้านอย่าง กระเทียม ถือเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากมายทีเดียวเลยค่ะ โดยเฉพาะประโยชน์ดี ๆ ที่มีต่อสุขภาพหัวใจ เพราะในกระเทียมมีสารอัลลิซินที่ช่วยลดไขมันเลวในเลือดและลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายของหัวใจเลย กระเทียมจึงช่วยลดโอกาสการอุดตันไขมันในหลอดเลือด อันทำให้เกิดโรคหัวใจได้ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่พบว่า กระเทียมมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ช่วยลดความดันเลือด รวมทั้งเป็นสารต้านการจับตัวเป็นก้อนของเลือดด้วยการทำให้เกล็ดเลือดบางลง จึงป้องกันภาวะหัวใจขาดเลือด หรือสมองขาดเลือดได้ด้วย
แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่ากระเทียมที่พูดถึงนี้ไม่ใช่กระเทียมเจียวหอม ๆ กรอบ ๆ ที่เราชอบทานกันนะ แต่ต้องเป็นกระเทียมสด ซึ่งมีงานวิจัยพบว่า หากทานกระเทียมสดวันละ 2-3 กลีบ จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรงขึ้นได้ ส่วนใครยังหวั่นเกรงกลิ่นของกระเทียม หรือกลัวว่าทานแล้วจะคลื่นไส้ แนะนำให้บดกระเทียมให้ละเอียดแล้วทานพร้อมอาหารก็จะช่วยให้ทานง่ายขึ้น ทานเสร็จแล้วถ้ากลัวกลิ่นกระเทียมติดปาก ลองกำจัดด้วยวิธีนี้ดูค่ะ
- กลิ่นกระเทียมติดปาก กำจัดให้สิ้นซากแบบด่วนจี๋
หอม
แม้จะมีกลิ่นฉุน ไม่ถูกปากใครหลายคน แต่หอมหัวใหญ่ หอมแดง และต้นหอม ก็มีข้อดีในเรื่องการช่วยบำรุงเลือดและหัวใจ เนื่องจากในหอมจะมีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยยังยั้งไม่ให้เกล็ดเลือดไปรวมตัวกันจนแข็งตัวแล้วไปอุดตันตามเส้นเลือด ทำให้เราลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจลงไปได้นั่นเองค่ะ นอกจากนี้หอมต่าง ๆ ยังช่วยลดอาการอักเสบ แก้หวัด คัดจมูก และยังมีสารเคอร์ซีทินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระจึงปกป้องเราจากโรคมะเร็งได้ด้วยนะคะ
พริก
คนชอบทานเผ็ดน่าจะยิ้มเลยล่ะ เพราะสารแคปไซซินที่ให้ความเผ็ดในพริกจะช่วยทำให้หลอดเลือดขยาย ช่วยละลายลิ่มเลือด ลดการหดตัวของเส้นเลือด ลดการจับกลุ่มของเกล็ดเลือด ลดการสร้างไขมันในร่างกาย และไปยับยั้งการดูดซึมไขมันในเส้นเลือด ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปใช้ได้สะดวกและไม่มีเลือดมาอุดตันตามหลอดเลือด เท่านี้ก็ปกป้องหัวใจของเราได้แล้ว
ในบัวบกมีธาตุเหล็กสูง ซึ่งธาตุเหล็กเป็นสารช่วยบำรุงให้หัวใจขึ้นได้ แถมในใบบัวบกยังมีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงเลือด ป้องกันการเป็นโรคเลือดจาง ช่วยให้ผนังของหลอดเลือดแข็งแรงขึ้น และยังช่วยแก้อาการช้ำในและร้อนในด้วย โดยวิธีนำใบบัวบกมาใช้ก็ง่าย ๆ ให้นำก้านและใบมาล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาบดให้ละเอียดและคั้นเอาส่วนที่เป็นน้ำไปต้ม อาจจะเติมน้ำตาลหรือเกลือบ้างเล็กน้อย เสร็จแล้วก็นำมาดื่มได้เลย
ภาพจาก pexels.com
บัวหลวงบัวหลวงสามารถนำมาใช้บำรุงหัวใจได้ทั้งดอก ดีบัว (เมล็ดในฝักบัว) และไส้ของเมล็ดเลยค่ะ โดยดอกของบัวหลวงจะช่วยบำรุงหัวใจ ใช้เป็นยาชูกำลัง ส่วนดีบัวจะช่วยขยายหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนเลือดให้ไปเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้น ช่วยลดความดันเลือดไม่ให้สูงเกินไป และยังสามารถกระตุ้นหัวใจ ช่วยไม่ให้เป็นโรคหัวใจเต้นผิดปกติได้ นอกจากนี้ไส้ของเมล็ดบัวหลวงยังช่วยบำรุงให้เส้นเลือดหัวใจไม่ตีบได้อีกด้วยนะคะ
กระเจี๊ยบแดง
นำกระเจี๊ยบแดงมาต้มกับน้ำ แล้วเติมน้ำตาลเข้าไปเล็กน้อยเพื่อลดความเปรี้ยว ดื่มบ่อย ๆ จะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันเลือด บำรุงเลือดให้ไหลเวียนดีขึ้น และบำรุงร่างกายของเราได้ หรือจะนำกระเจี๊ยบแดงมาต้มกับพุทราจีนก็สามารถช่วยกำจัดไขมันไม่ดีในร่างกายได้ค่ะ
ดอกคำฝอย
ดอกคำฝอย นำมาต้มน้ำดื่มช่วยป้องกันโรคหัวใจและรักษาหลอดเลือดได้เหมือนกันนะคะ เพราะน้ำมันจากดอกคำฝอยมีฤทธิ์ลดการจับตัวของเกล็ดเลือด ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันเลือดสูง บำรุงเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้มากขึ้น ช่วยป้องกันโรคหัวใจวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ และเส้นเลือดหัวใจตีบได้
เสาวรส
นำเสาวรสที่แก่จัดหลาย ๆ ลูกมาล้าง แล้วคั้นเป็นน้ำผลไม้ เติมเกลือกับน้ำตาลเข้าไปสักนิด ดื่มกินบ่อย ๆ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ทำให้ไม่เป็นโรคหัวใจได้นะคะ เพราะการที่เส้นเลือดของเรามีไขมันสูงมากเกินไปจะไปกระตุ้นทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้ ขณะเดียวกันเสาวรสก็ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียมถึง 384 มิลลิกรัมต่อเสาวรส 100 กรัม ซึ่งโพแทสเซียมมีความสำคัญต่อเซลล์และของเหลวในร่างกายของเรา รวมทั้งช่วยควบคุมการทำงานของหัวใจและความดันโลหิตให้เป็นปกติได้ด้วย
ใบเตยหอม
หากรู้สึกกระหายเวลาเหนื่อย ๆ ต้องเติมความสดชื่นให้ร่างกายด้วยน้ำใบเตยสักแก้ว โดยนำใบสดมาคั้นดื่ม ครั้งละประมาณ 2-4 ช้อนแกง (4-8 ช้อนโต๊ะ) หรือต้มใบเตยกับน้ำเปล่าแล้วดื่ม จะช่วยให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เพราะใบเตยมีฤทธิ์บำรุงกำลังและระบบประสาท พร้อมกับช่วยบำรุงหัวใจด้วยนะคะ หรือหากใครมีอาการความดันโลหิตสูงก็สามารถต้มน้ำใบเตยเอาไว้ดื่มเช้า- เย็น เพื่อให้ใบเตยช่วยปรับระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติก็ได้เช่นกันค่ะ
ชาเขียว
รู้หรือเปล่าคะว่าชาเขียวที่เรานิยมดื่มกันมีสารที่สามารถป้องกันการจับตัวของเกล็ดเลือด แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดไขมันชนิดไม่ดี LDL และเพิ่มไขมันที่ดีอย่าง HDL ซึ่งช่วยป้องกันหลอดเลือดตีบและช่วยให้เลือดแข็งตัวยากขึ้น ทำให้โรคหัวใจไม่มาเข้าใกล้ แต่ไม่ใช่แค่นั้นเพราะชาเขียวยังช่วยลดระดับน้ำตาลและความดันเลือดให้ลงมาเป็นปกติได้ พร้อมช่วยย่อยอาหาร ล้างสารพิษ และช่วยให้เม็ดเลือดขาวสร้างตัว ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นอีกด้วย จึงเห็นได้ว่าในประเทศจีนมีการนำชาเขียวมารักษาโรคต่าง ๆ นานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในชาเขียวก็มีคาเฟอีนอยู่ไม่น้อย ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าคาเฟอีนจะไปกระตุ้นการหลั่งสารอะดรีนาลิน ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ซึ่งก็จะทำให้บางคนที่ดื่มชาเขียวมากเกินไปอาจมีอาการใจสั่นได้เหมือนกัน ดังนั้นแล้วหากจะดื่มชาเขียวควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เกินวันละ 3 ถ้วยนะคะ และที่สำคัญคือ ควรดื่มชาเขียวแบบชง ไม่ใช่แบบสำเร็จรูปสะดวกซื้อซึ่งผสมน้ำตาลเยอะ และมีปริมาณชาเขียวที่เจือจาง ทานแล้วเสี่ยงต่อโรคอ้วนมากกว่าจะช่วยดูแลหัวใจนะคะ
นอกจากที่ได้กล่าวไปแล้ว ยังมีสมุนไพรหาง่ายอีกมากมายที่นิยมนำดอกมาทำเป็นยาหอมไว้ชงกินบำรุงหัวใจ เช่น พิกุล กระดังงา มะลิลา และกุหลาบมอญหรือดอกยี่สุ่น ซึ่งถ้าใครสนใจจะหายาหอมมากินแล้วต้องการให้ช่วยบำรุงหัวใจด้วย ก็ควรเลือกยาหอมที่มีส่วนผสมจากดอกของสมุนไพรต่าง ๆ เหล่านี้นะคะ
เห็นไหมละคะว่าสมุนไพรไทยของเรานี่มีประโยชน์มากมาย แถมยังหาง่ายและใช้งานสะดวกอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามจะพึ่งแค่สมุนไพรเพื่อช่วยบำรุงหัวใจไม่ได้นะคะ เพราะเรายังต้องทานอาหารดี ๆ ที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนเยอะ ๆ และต้องพยายามไม่เครียดด้วยนะคะ เพื่อไม่ให้หัวใจของเราอ่อนแอลงไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี