📣 ทำไมอึ๊ยากอย่างนี้ 4 วันก็แล้ว อาทิตย์นึงก็แล้ว ทำไมไม่อึ๊สักที !! ทุกคนเคยเกิดอาการแบบนี้กันมั้ยครับ กินอะไรเข้าไปก็ไม่อึ๊เลย ท้องป่อง แน่นท้อง และอึดอัดมว๊าก นอกจากนี้แล้วยังมีผลเสียตามมาเยอะแยะด้วยนะ วันนี้เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบขับถ่ายกันดีกว่า ว่าทำไม ฉันไม่อึ๊ซะที !!
2. เปลี่ยนท่านั่ง เพราะการนั่งถ่ายบนชักโครกทำให้รูทวารถูกบีบและแคบลง เป็นสาเหตุให้เราถ่ายยาก
3. ทานอาหารที่ช่วยระบายท้อง เช่น มะขามแขก ลูกพรุน กีวี่
4. หากถ้าไม่ไหวจริงๆ อาจจะต้องมียาระบาย แต่ไม่ควรกินบ่อย เพราะจะทำให้ลำไส้ขี้เกียจ ไม่ทำงานตามระบบ
1. ขับถ่ายให้เป็นเวลา
2. ดื่มน้ำเยอะๆ
3. เพาะพันธุ์แบคทีเรียดี
4. ทานผักที่มีใยอาหาร
รู้มั้ย !? ทำไมถึงถ่ายยาก ฉบับคนถ่ายยาก ต้องอ่าน !
เหตุผลที่ถ่ายยาก 🚽
- ลำไส้ใหญ่เป็นอวัยวะที่อยู่ในระบบทางเดินอาหาร ลำไส้ใหญ่ของคนมีความยาวประมาณ 1.5 เมตร
- ลำไส้ใหญ่เป็นที่เก็บอุจจาระและของเสีย เป็นอวัยวะที่มีระเบยบวินัยมาก ลำไส้ใหญ่จะตรงต่อเวลา เลยทำให้ทุกคนจะปวดอุจจาระเป็นเวลาเดิมอยู่ตลอด
- หากเลยเวลาถ่ายแล้วลำไส้จะหยุดบีบตัว ทำให้ความรู้ปวดอุจจาระจะหายไป
- การไม่ถ่ายนานๆ จะทำให้เกิดการหมักหมมและเน่าเหม็นได้ ทำให้เกิดกลิ่นปาก ลมหายใจเหม็น และเกิดความรู้สึกอึกอัด
- นอกจากนี้ถ้าเราไม่ได้ถ่าย ลำไส้จะดูดน้ำจากอุจจาระกลับไปใช้ใหม่
- ของเสียเหล่านี้หากมีมากๆ จะไม่ดีต่อร่างกาย จะเข้าไปก่อกวนระบบประสาท อาจก่อให้เกิดโรคสมองเสื่อมได้
- และยังทำให้แบคทีเรียร้ายเจริญเติมโตได้ดีด้วย
- โดยแบคทีเรียเหล่านี้จะปล่อยสารพิษออกมาสู่ร่างกาย
- สารพิษเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ เกิดสิว ผื่นคัน ผิวพรรณไม่ผ่อนใส แถมยังกระตุ้นให้เกิดเซลล์มะเร็งลำไส้ด้วย
- และยังทำให้อุจจาระแข็ง เคลื่อนตัวยาก ระบบขับถ่ายแย่ เกิดเป็นอาการท้องผูก
วิธีป้องกันคือ
- ทานอาหารที่มีกากใยมาก ๆ เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ถั่ว ฟักทอง
ลูกพรุน ข้าวโพด แอปเปิล ฝรั่ง มะละกอ เป็นต้น เพื่อจะช่วยเพิ่มเส้นใยการข
ับถ่าย โดยอาหารที่มีกากมากจะต้านท านการย่อยของน้ำย่อยที่จะไป ดูดน้ำภายในลำไส้ใหญ่ ส่งผลให้ลำไส้บีบตัวขับถ่าย อุจจาระได้รวดเร็ว แนะนำให้ทานใยอาหาร 20-30 กรัมต่อวัน - ฝึกเข้าห้องน้ำขับถ่ายทุกเช
้าให้เป็นกิจวัตร โดยควรนั่งถ่ายอย่างผ่อนคลา ยประมาณ 10 นาที ไม่ควรเร่งรีบเกินไป หากรู้สึกปวดอุจจาระให้เข้า ห้องน้ำทันที อย่ากลั้นไว้ เพราะยิ่งรอนาน ยิ่งเพิ่มอาการท้องผูก - ดื่มน้ำให้มาก ๆ เราคงเคยได้ยินคนแนะนำให้ดื
่มน้ำวันละ 8 แก้ว ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่องอื่น ๆ แล้ว การดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ยังช่วยไม่ให้ท้องผูกด้วย เพราะน้ำจะไปช่วยให้กากอาหา รอ่อนตัวลงได้ - งดดื่มน้ำชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้มี
สารที่ทำให้ลำไส้บีบตัวน้อย ลง แต่จะไปกระตุ้นให้ปัสสาวะบ่ อย ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ส่งผลให้อาการท้องผูกตามมา
- นอกจากนี้ยังควรเพาะพันธุ์ "แบคทีเรียดี" ในลำไส้โดยการทานโปรไบโอติกส์ และพรีไบโอติกส์
- แบคทีเรียจะช่วยทำให้ลำไส้บีบตัวได้ดี จึงทำให้ถ่ายง่าย
- แถมยังกำจัดแบคทีเรียร้ายที่ปล่อยสารพิษใส่ร่างกายเรา
วิธีแก้หากขับถ่ายยาก
- วิ่ง เพื่อกระตุ้นให้ลำไส้ทำงาน
- หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายได้เ
คลื่อนไหว และทำงานได้ดีขึ้น เมื่ออวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้น ก็จะไปส่งผลให้ลำไส้ขยับเคล ื่อนไหวได้ดีขึ้นตามไปด้วย ทำให้อาหารส่งผ่านไปได้สะดว ก หากนั่งนิ่งอยู่เฉย ๆ ลำไส้ไม่ได้เคลื่อนไหว กากอาหารเหล่านั้นก็จะยิ่งแ ข็งค้างอยู่ในลำไส้ ทำให้ท้องผูกได้ง่าย ทั้งนี้ หากไม่มีเวลามาก แนะนำให้เดินออกกำลังกายสัก 20-30 นาทีก็พอจะช่วยให้ลำไส้ได้เ คลื่อนไหวแล้ว
2. เปลี่ยนท่านั่ง เพราะการนั่งถ่ายบนชักโครกทำให้รูทวารถูกบีบและแคบลง เป็นสาเหตุให้เราถ่ายยาก
- ส้วมนั่งยองจะช่วยทำให้ขับถ
่ายได้ง่ายกว่าส้วมชักโครก เพราะจะทำให้ลำไส้ใหญ่ส่วนป ลายอยู่ในลักษณะตรง ทำให้ขับถ่ายได้ง่ายและไม่ม ีอุจจาระเหลือค้างอยู่ในลำไ ส้ใหญ่ แต่หากที่บ้านมีแต่ส้วมชักโ ครก แนะนำให้นั่งโค้งตัวมาด้านห น้าเล็กน้อย เพื่อให้มีแรงเบ่งมากขึ้น หรืออาจหาเก้าอี้มาวางเท้า จะได้ยกเข่าให้สูงขึ้น
3. ทานอาหารที่ช่วยระบายท้อง เช่น มะขามแขก ลูกพรุน กีวี่
- มะขามเปียก นำมาขยำกับน้ำสุกประมาณ 3 แก้ว จะได้น้ำมะขามข้น ๆ
เติมเกลือลงไป 1 ช้อนกาแฟ แล้วดื่มให้หมดก่อนนอนสัก 1-2 ชั่วโมง
จะช่วยทำให้ถ่ายง่าย หรือหากไม่ได้ท้องผูกมาก ๆ ก็นำมะขามเปียกแกะเมล็ดแล้ว
มาจิ้มเกลือกินสัก 5-10 ฝัก แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ ก็ช่วยได้ - มะขามแขก มีฤทธิ์เป็นยาระบายเช่นกัน โดยใช้ใบแห้ง 1-2 หยิบมือ
หรือใช้ฝัก 4-5 ฝัก หักเป็นชิ้นเล็ก ๆ ต้มกับน้ำ 1 ถ้วย นาน 15 นาที
ดื่มก่อนนอน ถ้ามีอาการแน่นจุกเสียดให้ใช้ร่วมกับย
าขับถ่าย เช่น ขิงแก่ กระวาน หรือกานพูล เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มี อาการท้องผูกประจำ แต่ถึงกระนั้นก็ควรระวัง อย่ารับประทานมะขามติดต่อกั นนานเกินไป ควรใช้รักษาอาการท้องผูกเป็ นครั้งคราวเท่านั้น เพราะจะทำให้ขาดธาตุโปแตสเซ ียม และทำลายระบบประสาทที่ควบคุ มการบีบตัวของลำไส้ - ลูกพรุนแห้ง ให้รับประทานทั้งผล เพื่อจะได้กากอาหาร หรือดื่มเป็นน้ำลูกพรุนก็ได
้ โดยควรรับประทานตอนกลางคืนก ่อนเข้านอน แต่ไม่ควรทานมากเกินไป หรือทานบ่อยเกินไป เพราะถึงแม้จะมีกากใยมาก แต่ก็มีปริมาณน้ำตาลสูงมาก ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือมีระดับน้ำตาลในเลือดสู งอยู่แล้วควรหลีกเลี่ยง - แอปเปิ้ลเขียว มีเส้นใยอาหารมาก สามารถกินทั้งผลหรือปั่นทั้
งกากก็ได้ 1 ผล ให้ใยอาหาร 4.4 กรัม
4. หากถ้าไม่ไหวจริงๆ อาจจะต้องมียาระบาย แต่ไม่ควรกินบ่อย เพราะจะทำให้ลำไส้ขี้เกียจ ไม่ทำงานตามระบบ
- ยาระบาย หรือยาถ่าย สามารถใช้ได้ในช่วงเวลาสั้น
ๆ แต่ไม่ควรใช้เป็นระยะเวลานา น ๆ เพราะไม่ได้ช่วยรักษาอาการท ้องผูกให้หายขาด แต่กลับยิ่งทำให้ร่างกายไม่ ถูกกระตุ้นให้ขับถ่ายตามเวล าที่ควรจะเป็น เพราะลำไส้จะชินต่อยากระตุ้ นพวกนี้ หากมีอาการท้องผูกขึ้นมาอีก ก็ต้องใช้ยาแรงขึ้นเรื่อย ๆ
วิธีดูแลลำไส้แบบพื้นฐาน
1. ขับถ่ายให้เป็นเวลา
2. ดื่มน้ำเยอะๆ
3. เพาะพันธุ์แบคทีเรียดี
4. ทานผักที่มีใยอาหาร
- เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ยังไม่ต้องแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว (ห้ามดื่มน้ำเย็น) เพราะการดื่มน้ำตอนท้องว่าง
จะช่วยให้ลำไส้บีบรัดตัวได้ ดีขึ้น ทำให้รู้สึกปวดอุจจาระ - บริหารร่างกายในตอนเช้า ด้วยการยืนตรง หายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้มลง หายใจออก เอามือเท้าเข่าไว้ แขม่วท้องจนเหมือนหน้าท้องต
ิดสันหลัง - ขณะนั่งอยู่บนโถส้วม ให้ใช้ฝ่ามือนวดหน้าท้อง โดยวนตามเข็มนาฬิกาหลาย ๆ รอบ แขม่วท้องไว้ด้วย