ถ้าพูดถึงปัญหากวนใจของเหล่าแม่บ้านหลายๆคน
เชื่อว่าปัญหา "คราบฝังลึกในห้องน้ำ"
ย่อมเป็นสิ่งที่น่ารำคาณมากในการทำความสะอาด
บางครั้งไม่ว่าจะใช้น้ำยาแรงแค่ไหนคราบก็ยังไม่ออก
แถมยังกัดกร่อนยางที่เคลียบขอบกระเบื้องจนทำให้เกิดความเสียหายแทน
แต่วันนี้เรามีเคล็ดลับการกำจัดคราบฝังลึกในห้องน้ำด้วยของใช้ภายในบ้าน ไม่เสียเงินสักบาท บอกมาขนาดนี้แล้วคงอยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่าต้องทำอย่างไร เราไปดูกันเลย...
วิธีที่ 1
อุปกรณ์
1.น้ำเปล่า 1/2 ขวด 2.สบู่ (นำไปหั่นเป็นผงๆ) 1 ฝาขวดน้ำเปล่า 3.น้ำส้มสายชู 2 ฝาขวดน้ำเปล่า 4.แอลกอฮอล์ 3 ฝาขวดน้ำเปล่า 5.แป้งทำอาหาร 1/2 ฝา 6.เศษผ้า หรือ สก๊อตไบร์ท 7.ถุงมือยาง 8.ผ้าปิดจมูกและปาก
วิธีการทำ
1.นำส่วนผสม (น้ำเปล่า + ผงสบู่ + น้ำส้มสายชู + แอลกอฮอล์ + แป้งทำอาหาร) มาผสมกันในขวดน้ำ
2.ปิดฝาและทำการเขย่าให้ส่วนผสมนั้นเข้ากัน
3.เทน้ำที่ได้ลงบนสก๊อตไบร์ทหรือเศษผ้า
4.ขัดบริเวณที่เกิดคราบสกปรก
5.ใช้น้ำเปล่าล้างทำความสะอาด
เพียงเท่านี้คราบสกปรกที่ฝังลึกก็หายไปแล้ว แนะนำให้ทำ1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
คำแนะนำ
1.คนที่แพ้กลิ่นน้ำส้มสายชูหรือกลิ่นของแอลกอฮอล์ควรใส่ผ้าปิดจมูกทุกครั้งที่ทำความสะอาดห้องน้ำ
2.ควรใส่ถุงมือระหว่างการทำความสะอาดเพื่อป้องกันการเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง
นอกจากนี้เรายังมี 10 วิธีกำจัดคราบกวนใจเหล่าแม่บ้านมาฝาก ไม่ว่าจะเป็นคราบชา กาแฟ โคลน น้ำหมึกหรือแม้แต่คราบเลือด ไปดูกันเลย...
สูตรที่ 1 กำจัดคราบไวน์แดง
ในขณะที่คุณกำลังดินเนอร์เคล้าไวน์แดงสุดหรู แต่ดันเกิดอุบัติเหตุทำไวน์แดงหกรดเสื้อผ้า ให้รีบนำผ้าไปล้างกับน้ำสะอาดโดยเร็วที่สุด จากนั้นราดน้ำร้อนชำระคราบแดงจากไวน์อีกครั้งจนกว่าคราบจะซีดจางจึงค่อยนำผ้าไปซักตามปกติ แต่หากคราบไวน์แดงเปื้อนมาได้สักพัก กรณีนี้ต้องจัดการด้วยเบกกิ้งโซดา โดยโรยเบกกิ้งโซดาหรือเกลือป่นให้ทั่วบริเวณคราบเปื้อน จากนั้นก็แช่น้ำร้อนจนกว่าคราบจะหลุดออกไป สุดท้ายก็นำผ้าไปซักและตากแดดแรง ๆ
สูตรที่ 2 กำจัดคราบน้ำหมึก
คราบเปื้อนจากน้ำหมึกสามารถกำจัดออกได้ง่าย ๆ ด้วยส่วนผสมอย่างน้ำมะนาว, เกลือ, นมรสจืด และเบกกิ้งโซดา โดยถ้าเป็นคราบเปื้อนบนผ้าสี เริ่มแรกให้โรยเกลือลงไปบนคราบให้ทั่ว จากนั้นนำผ้าไปแช่ในน้ำนมจนกว่าคราบจะสลายตัวไป สุดท้ายก็นำผ้าไปซักตามปกติ
ส่วนผ้าขาวที่เปรอะดำไปด้วยคราบน้ำหมึก แก้ปัญหาได้ไม่ยากเช่นกัน เพียงแค่ผสมน้ำมะนาวกับเบกกิ้งโซดาให้กลายเป็นครีมข้นเหนียว แล้วนำไปป้ายคราบเปื้อนทิ้งไว้ 20 นาที (ควรตรวจสอบความรุนแรงของส่วนผสมกับปลายผ้าก่อนเล็กน้อยด้วยนะคะ) จากนั้นก็นำผ้าไปซักตามปกติ
สูตรที่ 3 กำจัดหยดน้ำตาเทียน
ใครเคยเจอหยดน้ำตาเทียนเปื้อนเสื้อผ้า คงนึกออกใช่ไหมคะว่าคราบน้ำตาเทียนนั้นดื้อขนาดไหน แต่ต่อให้คราบจะติดทนทานสักเท่าไรก็ยังต้องยอมแพ้เมื่อเจอเคล็ดลับร้อน-เย็นของเราเข้า โดยวิธีก็ไม่ยาก เพียงแค่นำก้อนน้ำแข็งมาถูลงไปบนหยดน้ำตาเทียน เพื่อให้หยดน้ำตาเทียนจับตัวเป็นก้อน จากนั้นนำกระดาษแผ่นหนา (กระดาษจากถุงกระดาษก็ได้ค่ะ) มาวางทับคราบเปื้อนเอาไว้ ก่อนจะใช้เตารีด รีดลงไปบนกระดาษจนกว่าคราบน้ำตาเทียนจะละลายติดมากับกระดาษ แค่นี้คราบเปื้อนก็จะหายวับไปกับตา
สูตรที่ 4 กำจัดคราบเลือด
คราบเลือดที่เปื้อนผ้าคอตตอน, ผ้าลินิน หรือผ้าเส้นใยธรรมชาติ สามารถจัดการได้ไม่ยากโดยนำผ้าไปแช่น้ำเกลือเย็นจัด ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง จึงค่อยนำผ้าไปซักในน้ำร้อน โดยใช้สบู่ซักผ้าแทนผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าทั่วไป แต่ถ้าคราบเปื้อนจากเลือดเกิดใหม่ ๆ ให้โรยเกลือลงไปบนคราบทิ้งไว้สักพัก ก่อนนำไปซักด้วยน้ำเย็นจนกว่าคราบเปื้อนจะหายไป
สูตรที่ 5 กำจัดเชื้อรา
ผ้าที่ชื้นจนเกิดเชื้อราไม่ได้แค่ดูสกปรกเท่านั้น แต่ยังแอบมีกลิ่นอับที่ชวนอ้วกอีกต่างหาก ฉะนั้นเรามาผสมน้ำมะนาวกับเกลือให้เป็นเนื้อข้นเหนียวพอเอาไปป้ายลงบนคราบเชื้อราให้ทั่ว แล้วนำผ้าไปตากแดดจนแห้ง ก่อนนำมาซักด้วยน้ำร้อนและตากแดดจัดอีกรอบ แต่สำหรับคราบเชื้อราที่ไม่ยอมจากไปไหนง่าย ๆ อาจต้องเปลี่ยนส่วนผสมจากน้ำมะนาวมาใช้น้ำส้มสายชูที่มีฤทธิ์เป็นกรดมากกว่าแทนแล้วล่ะค่ะ ส่วนขั้นตอนก็เหมือนเดิมเป๊ะ
สูตรที่ 6 กำจัดคราบสนิม
คราบสนิมก็จัดเป็นคราบกำจัดยากอันดับต้น ๆ เช่นกัน แต่เราก็สามารถจัดการกับคราบสนิมได้ง่าย ๆ ด้วยการผสมเกลือกับน้ำส้มสายชูจนเป็นเนื้อข้นเหนียว แล้วนำมาป้ายให้ทั่วคราบเปื้อนจากสนิม จากนั้นนำผ้าไปตากกับแดดจัด ๆ รอจนคราบทุกอย่างแห้งดีแล้วจึงค่อยนำผ้ากลับมาซักด้วยน้ำร้อนอีกครั้งจนสะอาด
สูตรที่ 7 กำจัดคราบเปื้อนจากโคลนและพื้นหญ้า
ผ้าขาวที่เปื้อนคราบโคลนติดมาตอนคุณไปนั่งชิลที่พื้นสนามหญ้า หรือเสื้อผ้าของเจ้าตัวน้อยแสนซนที่เขรอะไปด้วยคราบดินและโคลน ก่อนนำไปซักควรนำผ้ามาแช่กับน้ำส้มสายชูประมาณ 30 นาที เพื่อให้กรดในน้ำส้มสายชูเข้าไปสลายคราบเปื้อนให้คลายตัว กำจัดออกง่าย
สูตรที่ 8 กำจัดคราบชา กาแฟ ผลไม้
ไม่ว่าจะเป็นคราบเปื้อนจากเครื่องดื่มชนิดไหน ก็จัดการได้ชิล ๆ ด้วยแช่ผ้าในน้ำส้มสายชู 1 ส่วนต่อน้ำ 2 ส่วน นาน 20 นาที แล้วนำผ้าไปซักและตากกับแดดจัด ๆ ตามปกติ แต่สำหรับผ้าที่ยังคงติดกลิ่นเหม็นจากเครื่องดื่มเหล่านี้อยู่ คุณแม่บ้านสามารถนำผ้ากลับมาซักใหม่อีกรอบ โดยคราวนี้แนะนำให้เทน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวงลงไปกับน้ำยาซักผ้าด้วย
สูตรที่ 9 กำจัดคราบจาระบีหรือน้ำมันเครื่อง
คราบหนักอย่างคราบจาระบีและน้ำมันเครื่องสามารถกำจัดออกได้ง่าย ๆ โดยโรยเกลือลงบนคราบให้ทั่ว โรยหนา ๆ เลยก็ได้ เพื่อให้เกลือซับคราบน้ำมันและจาระบีออกมาให้ได้มากที่สุด จากนั้นก็นำผ้าไปซักในน้ำร้อน ซึ่งอาจจะต้องซักผ้าหลาย ๆ ครั้งหน่อย แต่หากคราบเปื้อนยังหลงเหลืออยู่ คราวนี้ให้นำผ้าไปแช่ในน้ำส้มสายชูนาน 30 นาทีก่อนนำผ้าไปซักตามปกติ
สูตรที่ 10 กำจัดคราบปัสสาวะ
สำหรับผ้าอ้อมเด็กหรือเสื้อผ้าผู้ป่วยที่เปื้อนคราบเหลืองจากปัสสาวะ ให้คุณนำผ้าไปแช่ในน้ำร้อนผสมน้ำส้มสายชูในอัตตราส่วน 50:50 นานประมาณ 30 นาที แต่ถ้าเนื้อผ้าบางให้เปลี่ยนจากแช่น้ำร้อนเป็นแช่น้ำเย็นแทน แล้วก็นำผ้าไปซักตามปกติ ตากแดดจัด ๆ ด้วยก็ดีค่ะ ผ้าจะได้หอมสดชื่นไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างหมดจดจริง ๆ
แต่วันนี้เรามีเคล็ดลับการกำจัดคราบฝังลึกในห้องน้ำด้วยของใช้ภายในบ้าน ไม่เสียเงินสักบาท บอกมาขนาดนี้แล้วคงอยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่าต้องทำอย่างไร เราไปดูกันเลย...
วิธีที่ 1
อุปกรณ์
1.น้ำเปล่า 1/2 ขวด 2.สบู่ (นำไปหั่นเป็นผงๆ) 1 ฝาขวดน้ำเปล่า 3.น้ำส้มสายชู 2 ฝาขวดน้ำเปล่า 4.แอลกอฮอล์ 3 ฝาขวดน้ำเปล่า 5.แป้งทำอาหาร 1/2 ฝา 6.เศษผ้า หรือ สก๊อตไบร์ท 7.ถุงมือยาง 8.ผ้าปิดจมูกและปาก
วิธีการทำ
1.นำส่วนผสม (น้ำเปล่า + ผงสบู่ + น้ำส้มสายชู + แอลกอฮอล์ + แป้งทำอาหาร) มาผสมกันในขวดน้ำ
2.ปิดฝาและทำการเขย่าให้ส่วนผสมนั้นเข้ากัน
3.เทน้ำที่ได้ลงบนสก๊อตไบร์ทหรือเศษผ้า
4.ขัดบริเวณที่เกิดคราบสกปรก
5.ใช้น้ำเปล่าล้างทำความสะอาด
เพียงเท่านี้คราบสกปรกที่ฝังลึกก็หายไปแล้ว แนะนำให้ทำ1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
คำแนะนำ
1.คนที่แพ้กลิ่นน้ำส้มสายชูหรือกลิ่นของแอลกอฮอล์ควรใส่ผ้าปิดจมูกทุกครั้งที่ทำความสะอาดห้องน้ำ
2.ควรใส่ถุงมือระหว่างการทำความสะอาดเพื่อป้องกันการเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง
นอกจากนี้เรายังมี 10 วิธีกำจัดคราบกวนใจเหล่าแม่บ้านมาฝาก ไม่ว่าจะเป็นคราบชา กาแฟ โคลน น้ำหมึกหรือแม้แต่คราบเลือด ไปดูกันเลย...
สูตรที่ 1 กำจัดคราบไวน์แดง
ในขณะที่คุณกำลังดินเนอร์เคล้าไวน์แดงสุดหรู แต่ดันเกิดอุบัติเหตุทำไวน์แดงหกรดเสื้อผ้า ให้รีบนำผ้าไปล้างกับน้ำสะอาดโดยเร็วที่สุด จากนั้นราดน้ำร้อนชำระคราบแดงจากไวน์อีกครั้งจนกว่าคราบจะซีดจางจึงค่อยนำผ้าไปซักตามปกติ แต่หากคราบไวน์แดงเปื้อนมาได้สักพัก กรณีนี้ต้องจัดการด้วยเบกกิ้งโซดา โดยโรยเบกกิ้งโซดาหรือเกลือป่นให้ทั่วบริเวณคราบเปื้อน จากนั้นก็แช่น้ำร้อนจนกว่าคราบจะหลุดออกไป สุดท้ายก็นำผ้าไปซักและตากแดดแรง ๆ
สูตรที่ 2 กำจัดคราบน้ำหมึก
คราบเปื้อนจากน้ำหมึกสามารถกำจัดออกได้ง่าย ๆ ด้วยส่วนผสมอย่างน้ำมะนาว, เกลือ, นมรสจืด และเบกกิ้งโซดา โดยถ้าเป็นคราบเปื้อนบนผ้าสี เริ่มแรกให้โรยเกลือลงไปบนคราบให้ทั่ว จากนั้นนำผ้าไปแช่ในน้ำนมจนกว่าคราบจะสลายตัวไป สุดท้ายก็นำผ้าไปซักตามปกติ
ส่วนผ้าขาวที่เปรอะดำไปด้วยคราบน้ำหมึก แก้ปัญหาได้ไม่ยากเช่นกัน เพียงแค่ผสมน้ำมะนาวกับเบกกิ้งโซดาให้กลายเป็นครีมข้นเหนียว แล้วนำไปป้ายคราบเปื้อนทิ้งไว้ 20 นาที (ควรตรวจสอบความรุนแรงของส่วนผสมกับปลายผ้าก่อนเล็กน้อยด้วยนะคะ) จากนั้นก็นำผ้าไปซักตามปกติ
สูตรที่ 3 กำจัดหยดน้ำตาเทียน
ใครเคยเจอหยดน้ำตาเทียนเปื้อนเสื้อผ้า คงนึกออกใช่ไหมคะว่าคราบน้ำตาเทียนนั้นดื้อขนาดไหน แต่ต่อให้คราบจะติดทนทานสักเท่าไรก็ยังต้องยอมแพ้เมื่อเจอเคล็ดลับร้อน-เย็นของเราเข้า โดยวิธีก็ไม่ยาก เพียงแค่นำก้อนน้ำแข็งมาถูลงไปบนหยดน้ำตาเทียน เพื่อให้หยดน้ำตาเทียนจับตัวเป็นก้อน จากนั้นนำกระดาษแผ่นหนา (กระดาษจากถุงกระดาษก็ได้ค่ะ) มาวางทับคราบเปื้อนเอาไว้ ก่อนจะใช้เตารีด รีดลงไปบนกระดาษจนกว่าคราบน้ำตาเทียนจะละลายติดมากับกระดาษ แค่นี้คราบเปื้อนก็จะหายวับไปกับตา
สูตรที่ 4 กำจัดคราบเลือด
คราบเลือดที่เปื้อนผ้าคอตตอน, ผ้าลินิน หรือผ้าเส้นใยธรรมชาติ สามารถจัดการได้ไม่ยากโดยนำผ้าไปแช่น้ำเกลือเย็นจัด ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง จึงค่อยนำผ้าไปซักในน้ำร้อน โดยใช้สบู่ซักผ้าแทนผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าทั่วไป แต่ถ้าคราบเปื้อนจากเลือดเกิดใหม่ ๆ ให้โรยเกลือลงไปบนคราบทิ้งไว้สักพัก ก่อนนำไปซักด้วยน้ำเย็นจนกว่าคราบเปื้อนจะหายไป
สูตรที่ 5 กำจัดเชื้อรา
ผ้าที่ชื้นจนเกิดเชื้อราไม่ได้แค่ดูสกปรกเท่านั้น แต่ยังแอบมีกลิ่นอับที่ชวนอ้วกอีกต่างหาก ฉะนั้นเรามาผสมน้ำมะนาวกับเกลือให้เป็นเนื้อข้นเหนียวพอเอาไปป้ายลงบนคราบเชื้อราให้ทั่ว แล้วนำผ้าไปตากแดดจนแห้ง ก่อนนำมาซักด้วยน้ำร้อนและตากแดดจัดอีกรอบ แต่สำหรับคราบเชื้อราที่ไม่ยอมจากไปไหนง่าย ๆ อาจต้องเปลี่ยนส่วนผสมจากน้ำมะนาวมาใช้น้ำส้มสายชูที่มีฤทธิ์เป็นกรดมากกว่าแทนแล้วล่ะค่ะ ส่วนขั้นตอนก็เหมือนเดิมเป๊ะ
สูตรที่ 6 กำจัดคราบสนิม
คราบสนิมก็จัดเป็นคราบกำจัดยากอันดับต้น ๆ เช่นกัน แต่เราก็สามารถจัดการกับคราบสนิมได้ง่าย ๆ ด้วยการผสมเกลือกับน้ำส้มสายชูจนเป็นเนื้อข้นเหนียว แล้วนำมาป้ายให้ทั่วคราบเปื้อนจากสนิม จากนั้นนำผ้าไปตากกับแดดจัด ๆ รอจนคราบทุกอย่างแห้งดีแล้วจึงค่อยนำผ้ากลับมาซักด้วยน้ำร้อนอีกครั้งจนสะอาด
สูตรที่ 7 กำจัดคราบเปื้อนจากโคลนและพื้นหญ้า
ผ้าขาวที่เปื้อนคราบโคลนติดมาตอนคุณไปนั่งชิลที่พื้นสนามหญ้า หรือเสื้อผ้าของเจ้าตัวน้อยแสนซนที่เขรอะไปด้วยคราบดินและโคลน ก่อนนำไปซักควรนำผ้ามาแช่กับน้ำส้มสายชูประมาณ 30 นาที เพื่อให้กรดในน้ำส้มสายชูเข้าไปสลายคราบเปื้อนให้คลายตัว กำจัดออกง่าย
สูตรที่ 8 กำจัดคราบชา กาแฟ ผลไม้
ไม่ว่าจะเป็นคราบเปื้อนจากเครื่องดื่มชนิดไหน ก็จัดการได้ชิล ๆ ด้วยแช่ผ้าในน้ำส้มสายชู 1 ส่วนต่อน้ำ 2 ส่วน นาน 20 นาที แล้วนำผ้าไปซักและตากกับแดดจัด ๆ ตามปกติ แต่สำหรับผ้าที่ยังคงติดกลิ่นเหม็นจากเครื่องดื่มเหล่านี้อยู่ คุณแม่บ้านสามารถนำผ้ากลับมาซักใหม่อีกรอบ โดยคราวนี้แนะนำให้เทน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวงลงไปกับน้ำยาซักผ้าด้วย
สูตรที่ 9 กำจัดคราบจาระบีหรือน้ำมันเครื่อง
คราบหนักอย่างคราบจาระบีและน้ำมันเครื่องสามารถกำจัดออกได้ง่าย ๆ โดยโรยเกลือลงบนคราบให้ทั่ว โรยหนา ๆ เลยก็ได้ เพื่อให้เกลือซับคราบน้ำมันและจาระบีออกมาให้ได้มากที่สุด จากนั้นก็นำผ้าไปซักในน้ำร้อน ซึ่งอาจจะต้องซักผ้าหลาย ๆ ครั้งหน่อย แต่หากคราบเปื้อนยังหลงเหลืออยู่ คราวนี้ให้นำผ้าไปแช่ในน้ำส้มสายชูนาน 30 นาทีก่อนนำผ้าไปซักตามปกติ
สูตรที่ 10 กำจัดคราบปัสสาวะ
สำหรับผ้าอ้อมเด็กหรือเสื้อผ้าผู้ป่วยที่เปื้อนคราบเหลืองจากปัสสาวะ ให้คุณนำผ้าไปแช่ในน้ำร้อนผสมน้ำส้มสายชูในอัตตราส่วน 50:50 นานประมาณ 30 นาที แต่ถ้าเนื้อผ้าบางให้เปลี่ยนจากแช่น้ำร้อนเป็นแช่น้ำเย็นแทน แล้วก็นำผ้าไปซักตามปกติ ตากแดดจัด ๆ ด้วยก็ดีค่ะ ผ้าจะได้หอมสดชื่นไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างหมดจดจริง ๆ