Home »
Uncategories »
ทำความรู้จัก เขื่อนไซยะบุรีผลิตกระแสไฟแบบน้ำไหล
ทำความรู้จัก เขื่อนไซยะบุรีผลิตกระแสไฟแบบน้ำไหล
เขื่อนไซยะบุรี
เป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ สร้างกั้นแม่น้ำโขงตอนล่าง ตั้งอยู่ประมาณ 30
กิโลเมตรทางทิศตะวันออกของเมืองไชยบุรี ทางตอนเหนือของประเทศลาว
ก่อสร้างโดยบริษัท ช. การช่าง จากประเทศไทย
เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจัดซื้อกระแสไฟฟ้าระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกับรัฐบาลลาว
วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักเขื่อนแห่งนี้ โดยทสงด้านเฟสบุ๊ก Pai Deetes
ได้โพสต์ระบุว่า...
ไซยะบุรี = run-of-river
"เขื่อนแบบน้ำไหลผ่าน" ? วันนี้ บริษัทไซยะบุรีพาวเวอร์ /เครือ ช.การช่าง
กำหนดไว้ว่าจะพาสื่อมวลชนไทย ไปชมเขื่อนไซยะบุรี ที่กั้นแม่น้ำโขงในลาว
ในเนื้อหาจดหมายเชิญ
ระบุว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบถึงกระบวนการผลิตไฟฟ้าที่ปราศจากการกักเก็บน้ำ
และการดูแลสิ่งแวดล้อม
เพื่อสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจและการผลิตไฟฟ้าสะอาดเพื่อเป็นมาตรฐานในการพัฒนาประเทศแถบลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน
อยากชวนพวกเรา คิดถึง
กรณีเขื่อนปากมูล ซึ่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
สร้างกั้นแม่น้ำมูน ลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขง
นี่ถือเป็นต้นแบบของเขื่อนแบบน้ำไหลผ่าน คือเป็นเขื่อนที่ไม่สูงนัก
มีประตูระบายน้ำ และไม่ได้กักเก็บน้ำมากมายมหาศาลแบบเขื่อนศรีนครินทร์ หรือ
storage dam แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีผลกระทบ
แม้จะมีชื่อเรียกยังไง เขื่อนแบบ
"น้ำไหลผ่าน" ก็ต้องมีการกักเก็บน้ำ โดยมีระยะเวลากักเก็บน้ำหลายสัปดาห์
หรือหลายเดือน แล้วแต่วัตถุประสงค์ของเขื่อน คำว่า “น้ำไหลผ่าน”
(run-of-river) เป็นคำที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด
เพราะเหมือนจะบอกว่าเป็นเพียงการใช้ประโยชน์จากกระแสน้ำตามธรรมชาติของแม่น้ำ
และการผลิตพลังงานขณะที่น้ำไหลผ่าน
แต่นั่นไม่ใช่ความจริงของโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำไหลผ่านตลอดปี
เพราะโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำทุกโครงการ
จะมีการควบคุมบังคับน้ำและสร้างผลกระทบต่อแม่น้ำ
โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำไหลผ่านตลอดปีส่วนใหญ่จะกักน้ำเอาไว้ทั้งด้านหลังเขื่อน
หรือผ่านช่องผันน้ำของเขื่อน
ไม่มีนิยามที่เป็นกลางเกี่ยวกับโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำไหลผ่านตลอดปี
โดยทั่วไปแล้ว “น้ำไหลผ่าน”
หมายถึงโครงการไฟฟ้าพลังน้ำที่มีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กหรือไม่มีอ่างเก็บน้ำเลย
มีความแตกต่างจากเขื่อนที่มีอ่างเก็บน้ำแบบเดิม
ซึ่งต้องกักน้ำไว้เป็นจำนวนมากในช่วงหน้าฝน
เพื่อให้มีน้ำมากพอสำหรับการผลิตไฟฟ้าตลอดทั้งปี
แต่เพราะโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำไหลผ่านตลอดปีมีขนาดอ่างเก็บน้ำที่ค่อนข้างเล็ก
จึงมักต้องสร้างอยู่ในแม่น้ำที่มีอัตราการไหลประจำปีค่อนข้างสม่ำเสมอ
โดยอาจเป็นการไหลตามธรรมชาติ
หรือเป็นการไหลที่ผ่านการควบคุมของเขื่อนที่มีอ่างเก็บน้ำตอนเหนือน้ำ
เขื่อน run-of river แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ แต่ที่น่ารู้จักคือ
1.
เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำไหลผ่านตามนิยาม (Strict run-of-river)
จะไม่ควบคุมกระแสการไหลของน้ำ
โดยจะมีการผลิตไฟฟ้าเมื่อน้ำไหลผ่านกังหันภายในเขื่อน
เนื่องจากไม่มีการกักเก็บน้ำ โครงการเหล่านี้จึงมักมีผลกระทบน้อยกว่า
เมื่อเทียบกับโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำไหลผ่านตลอดปีอื่น ๆ
แต่ก็ยังส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพของแม่น้ำและการทำหน้าที่อย่างอื่นของแม่น้ำอยู่ดี
2.
เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำไหลผ่านแบบมีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก (Pondage run-of-river)
มีการควบคุมกระแสการไหลของน้ำทุกวันหรือทุกสัปดาห์
โดยการเก็บกักน้ำที่ด้านหลังของเขื่อน
เราเรียกอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กแบบนี้ว่า “pondage” โดยมักนำมาใช้กับ
“การผลิตไฟฟ้าช่วงที่มีความต้องการสูงสุด” (“peaking plants”)
โดยน้ำจะถูกปล่อยให้ไหลผ่านกังหันของเขื่อนเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตไฟฟ้า
เพื่อตอบสนองช่วงที่มีความต้องการไฟฟ้าสูงสุด
ส่งผลให้เกิดความต่างระดับอย่างมากของการไหลของแม่น้ำ
โดยอาจมีการผันผวนเป็นรายชั่วโมง
โครงการแบบนี้ยังอาจนำมาใช้เพื่อการผลิตไฟฟ้าสำหรับช่วงไฟฟ้าฐาน (baseload
power) ได้
โครงการ run-of-river
มักก่อสร้างเป็นกลุ่มของเขื่อนหรือเขื่อนชั้นตามแม่น้ำ
(เช่นเดียวกับที่น้ำโขง ที่เสนอสร้าง 11 โครงกร)
แม้ว่าแนวทางสร้างเขื่อนแบบนี้อาจทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าพลังน้ำได้สูงสุดต่อแม่น้ำในช่วงหนึ่ง
แต่ผลกระทบสะสมของโครงการแบบนี้ถือว่ารุนแรงมาก
โดยเราไม่สามารถตรวจวัดผลกระทบสะสมของเขื่อนชั้นที่มีต่อคุณภาพของแม่น้ำได้
โดยการตรวจสอบผลกระทบของแต่ละเขื่อนแยกกัน ด้วยเหตุดังกล่าว
โครงการแบบนี้อาจเป็นการประหารชีวิตแม่น้ำโดย “ตัดแม่น้ำออกเป็นพันชิ้น”
เขื่อนมักสร้างผลกระทบต่อคุณภาพของแม่น้ำโดยการแบ่งแม่น้ำออกเป็นส่วน ๆ
ความเชื่อมโยงของแม่น้ำต้องหายไป เนื่องจากมีการสร้างเขื่อนหลายๆ
เขื่อนติดต่อกันซึ่งขวางกั้นกระแสการไหลของแม่น้ำ
เขื่อนแบบนี้เป็นอุปสรรคอย่างสำคัญต่อการอพยพของพันธุ์ปลา
และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อนิเวศวิทยาของแม่น้ำ
แม้จะมีความเสี่ยงจากเขื่อนจำนวนหลายโครงการที่จะสร้างกั้นแม่น้ำ
แต่รัฐบาลมักไม่มีข้อกำหนดให้ต้องประเมินผลกระทบในระดับลุ่มน้ำ
ที่รวมเป็นผลกระทบสะสมของหลายๆ โครงการเขื่อนรวมกัน
หรือมีการประเมินผลกระทบช้าเกินไป
โครงการเขื่อน run-of-river
มักเป็นการสร้างและเดินเครื่องโดยบริษัทเอกชนที่แตกต่างกัน
ซึ่งมักมีข้อกำหนดให้บริษัทแต่ละแห่งต้องประเมินและจัดการผลกระทบโดยตรงเฉพาะเขื่อนที่ตนเองรับผิดชอบเท่านั้น
ส่งผลให้ผู้สร้างเขื่อนและรัฐบาลมักประเมินผลกระทบสะสมต่ำกว่าความเป็นจริง
ทำให้ความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่น้ำท่วมถึงลดลงอย่างมาก
ทำลายความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำอย่างฟื้นกลับคืนได้ยาก
เป็นอีกหนึ่งเขื่อนขนาดใหญ่ในประเทศลาวที่เราควรรู้จักเอาไว้ กั้นแม่น้ำโขงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าที่สำคัญเลยทีเดียว
ใช้กระบวนการผลิตไฟฟ้าที่ปราศจากการกักเก็บน้ำไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาก
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pai Deetes