เหมือนชีวิตถูกหวย วันที่ได้เข้าไปขายของในโรงงาน

วันที่เมียผมเดินมาบอกว่า

ญาติเธอ ฝากให้เรา

เข้าไปขายของในโรงงานได้

เหมือนชีวิตถูกหวยรางวัลที่ 1

เพราะการจะเข้าไปได้

ไม่ว่าโรงงานไหนย าก

ค่าประมูล ค่าต่าง หลายแสน

เราจัดแจง เตรียมงานกัน

และเข้าไปขาย

ขายดีจริงดั่งฝัน

กำไรโคตรดี

โรงงาน

ต้องการให้พนักงานได้กิน

ของดี ของถูก

โรงงานสนับสนุนข้าวฟรี

พนักงานจะตักกินเท่าไหร่ก็ได้

กินจนกว่าจะอิ่ม

ในส่วนของร้านค้า

โรงงานสนับสนุนแก๊สฟรี เดือนละ2ถัง

ค่าน้ำค่าไฟก็ฟรี(ถ้าจำไม่ผิด)

เราเข้าไปขายข้าวมันไก่

เรามีหน้าที่ ทำข้าวมัน/น้ำจิ้ม/ต้มไก่

ข้าวก็ฟรี โรงงานสนับสนุน

เท่ากับเราทำ น้ำจิ้มและต้มไก่ขายเท่านั้น

ขายจานละ20

ขายโคตรดี เดือนนึงเฉียด2แสน

และแล้ว.

สิ่งที่คาดไม่ถึง ก็มาถึง

น้ำท่วมใหญ่ที่กรุงเทพ

ส่งผลให้โรงงานที่กรุงเทพท่วมด้วย

ไม่มีของมาส่งป้อนโรงงานที่โคราช

จากพนักงาน5,000คน

เหลือ3,000คน จากทำงาน2กะ

เปลี่ยนเป็น กะเดียว

พนักงาน3,000คน

สลับวันกันทำงานอีกต่างหาก

จากยอดขาย7-8พันต่อวัน

เหลือ7-8ร้อย

เพราะสุดท้าย

พนักงานมีไม่ถึงพัน

ร้านค้าในนั้นมี20ร้านค้า

สุดท้ายเรา ตั ดสินใจ

ออกจากโรงงาน

มาวัดใจข้างนอกเหมือนเดิม

หลังจากนั้นไม่นานโรงงานก็ปิดตัวลง

เหตุการณ์ครั้งนั้น

มันสอนใจผมมาว่า อะไรที่ว่าแน่มันไม่แน่

และอย่าประมาทกับชีวิต

ขายในโรงงานที่ว่าแน่

ที่ว่าได้แน่ ยังเจอเ รื่ อ งน้ำท่วม

จนโรงงานปิด

เราไม่อาจมีอาชีพเดียว

หรือรายได้ทางเดียว หรือ

ฝากความหวังไว้กับใครคนเดียวได้เลย

ได้เงินดาวน์บ้านหลังแรกในชีวิต

ก็เพราะขายข้าวมันไก่ในโรงงาน

บ้านโดนยึดผ่อนไม่ไหว

ก็เพราะโรงงานน้ำท่วมปิดตัว

วันนี้ผมอย า กบอกว่า

หมั่นพัฒนาตัวเองไว้มาก

ศึกษาเ รื่ อ งอาชีพไว้มาก

และที่สำคัญ

ไม่ว่าจะ เกิ ดอะไ รขึ้ นสู้อย่างเดียว

ถ้าวันนั้นผมทำธุรกิจเจ๊ง

แล้วผมเข็ด ผมเลิก ชีวิตผมคงมาไม่ได้ถึงวันนี้

ขอบคุณผู้เขียน สิริทัศน์ สมเสงี่ยม