เชื่อเถอะว่า มองโลกในแง่ดี ย่อมมีความสุขกว่า

เชื่อเถอะว่า มองโลกในแง่ดี ย่อมมีความสุขกว่า

เชื่อมั้ยคะว่าคนที่มองโลกในแง่ดีจนเป็นนิสัยนั้นอาจจะมองโลกไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่สิ่งที่พวกเขาจะได้รับคือ “ความสุข” ส่วนคนที่มองโลกในแง่ร้ายจนเป็นนิสัยพวกเขาเหล่านั้นก็มองโลกที่ไม่เป็นความจริงเช่นกัน แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับคือ “ความทุกข์” นั่นเอง ซึ่งบางทีเป็นเรื่องยากที่เราจะมองโลกอย่างที่มันเป็นจริงได้

บางครั้งเราไม่รู้ว่าหรอกว่าความจริงเป็นอย่างไร ครั้นจะให้เราไม่คิดอะไรเลยก็ไม่ได้อีก ดังนั้นเมื่อต้องคิดอะไรสักอย่างจึงอยากแนะนำว่าพยายามให้คิดในแง่ดีไว้ก่อนจะดีกว่าค่ะ เพราะอย่างน้อยมันก็นำเราไปสู่ความสุขมากกว่าการคิดในแง่ร้าย ตรงนี้เราสามารถที่จะเลือกคิดได้

แต่คนส่วนใหญ่เมื่อไม่รู้ความจริง มักคิดในแง่ร้ายไว้ก่อน ทำไมเราถึงชอบทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัวเช่นนั้น มันเป็นความเคยชินที่จะคิดอย่างนั้นใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นมาปรับเปลี่ยนความเคยชินกันใหม่ดีกว่าค่ะ ลองมาฝึกคิดอะไรในแง่ดีกันไว้ก่อนที่จะคิดในแง่ร้าย แต่ความคิดที่ว่านั้นต้องเป็นความคิดในแง่ดีจากใจจริงงๆ…พร้อมแล้ว ไปดูการฝึกคิดให้มองโลกในแง่ดีกันดีกว่าค่ะ ว่าต้องเริ่มจากสิ่งไหนบ้าง ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าสิ่งที่เราเอามาฝาก รับรองว่าอ่านแล้วจะทำให้คุณเป็นคนที่….มองโลกมุมไหนก็ดี!

มองส่วนดีของคนอื่น

การที่คนเราจะมองอะไรให้เป็นในแง่ดีได้ ลองเริ่มจากการมองคนอื่นในแง่ดีดูก่อน เชื่อเถอะค่ะว่าคนที่จะมีความสุขได้อีกอย่างเลยคือต้องมองหาส่วนดีของคนอื่นให้เจอ ซึ่งการมองหาส่วนดีของคนหรือสิ่งของรอบตัวเรานั้น เป็นการฝึกการหาสิ่งดีๆ ให้กับชีวิต คนเรามีส่วนดีด้วยกันทุกคน หรือทุกสิ่งก็ย่อมมีส่วนดีในตัวของมันเองทั้งนั้น ดังนั้นเราจะหาส่วนดีของคนอื่นได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องปรับตัวเราให้คุ้นเคยกับวิธีการหาเท่านั้น เราอาจจะเคยชินกับการมองเห็นสิ่งที่ไม่ดีมากกว่า เพราะสิ่งที่ไม่ดีนั้นมักจะทำร้ายเรา เราจึงจดจำมันได้อย่างแม่นยำ

ส่วนสิ่งดีๆ นั้น มันให้ความสุขเราก็จริง แต่เรามักจะลืมเลือนมันได้ง่าย ถ้าจะให้ดีอย่าเป็นคนที่ลืมง่ายขนาดนั้นเลยค่ะ ลองเริ่มต้นจากการพูดถึงสิ่งดีๆ ของคนอื่นให้ติดปาก ชื่นชมสิ่งดีๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ ต้นไม้ สิ่งของ พูดง่ายๆ คือจงเป็นคนที่นิยมและชื่นชมทุกสิ่งดูก็ดีค่ะ นิสัยดีๆ ที่เราสร้างนี้ไม่ไปไหนเสียแน่นอน มันจะอยู่ในจิตใจเบื้องลึกของเรานี่แหละค่ะ และมันจะทำให้เรามีควมสุขกับการคิดดี ทำดี พูดดี จะคิดให้สำเร็จก็ต้องอาศัยการฝึกฝนเช่นกัน ตั้งใจฝึกเสียแต่ตอนนี้ ”ความสุข” จะอยู่ในทุกที่ที่ฝึก ใครอยากรู้ว่าจริงมั้ยต้องลองฝึกดู

มีความสุขกับเรื่องดีๆ ของคนอื่น

เวลาคนเรามีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นในชีวิต เราจะมีความสุข ซึ่งคนอื่นก็เป็นเหมือนกันกับเรา วิธีการฝึกให้มองโลกในแง่ดีง่ายๆ อีกวิธีหนึ่งคือ การร่วมมีความสุขไปกับคนอื่นๆ ด้วย ถ้าเรารู้สึกมีความสุขที่เห็นคนอื่นมีความสุขได้เมื่อไหร่นั่นแปลว่าเรด้าการมองโลกในแง่ดีของเราเริ่มทำงานแล้ว เพราะในหนึ่งวันมีคนหลายล้านคนที่มีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นในชีวิตมากมาย หากเราร่วมยินดีกับคนเหล่านั้นได้บ้างเราจะมีความสุขมากกว่าการนั่งรอเรื่องราวดีๆ แต่ของตัวเองเท่านั้นแน่นอน

ยิ่งถ้าได้ร่วมแจมความสุขกับพวกเขาได้ด้วยยิ่งดีค่ะ แค่เราลองปรับใจของเราให้รู้จักยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่น ยินดีกับสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้อื่น และมองเห็นคนอื่นมีความสุข เท่านี้เราก็มีความสุขโดยไม่ต้องทำเองแล้ว เพียงทำใจให้เปิดช่องความยินดีเอาไว้ เพื่อที่เราจะได้มองเห็นอะไรดีๆ ทุกวัน เปิดรับมันเข้ามา เราจะมีความสุขอย่างมหาศาลแบบเหลือเชื่อค่ะ

ใช้เวลาอยู่กับคนที่ชื่นชมเรา

การใช้เวลากับคนที่ชื่นชมเราให้มากๆ ในที่นี้ ให้มองว่าคนที่ชื่นชมเรานั้นส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มองเห็นสิ่งดีๆ ในตัวเรา เห็นคุณค่าในตัวเรา เห็นสิ่งดีๆ ในสิ่งที่เราทำ คนประเภทนี้จะช่วยให้เรามองอะไรดีเหมือนกับเขา ได้มากขึ้น ช่วยเตือนให้เราทำในสิ่งดีๆ เป็นกำลังใจให้เรารู้สึกดีกับทุกสิ่ง การที่เราอยู่ใกล้คนประเภทนี้มากๆ เราจะมองโลกในแง่ดีได้เหมือนเขา มีความสุขได้เหมือนเขาเหล่านั้น

ในทางกลับกันหากเราอยู่ใกล้คนที่มองโลกในแง่ร้าย มองอะไรก็ลบไปซะทุกอย่าง ความเกลียดชังในทุกสิ่งของเขาจะทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ อึดอัด เวลาอยู่ใกล้คนเหล่านั้นเราจะรู้สึกไม่ชอบ ดังนั้การจะคบหาสมาคมกับใครจึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเลือกคบคนให้เหมาะสมกับตัวเอง เลือกดูคนที่จิตใจของเขา ไม่ใช่ดูจากฐานะทางสังคมใดๆค่ะ ต้องไม่ลืมว่าคนเราอยู่ในกลุ่มคนแบบใด เราจะกลมกลืนกลายเป็นคนแบบนั้นไปโดยไม่รู้ตัว จึงต้องเลือกคบคนที่จริงใจ ชื่นชมคนอื่นเป็น จะทำให้เรากลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีแบบเขาได้

เปลี่ยนทัศนคติ ชีวิตก็เปลี่ยน

คนเรานั้นดำเนินชีวิตไปตามสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้องแล้ว ซึ่งสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้องแล้วนั้นมาจากทัศนคติในการมองโลกของเรา ทัศนคติที่เรามีต่อสิ่งต่างๆ จึงเกี่ยวข้องกับชีวิตและความสุขของเราอย่างมาก เรียกว่าเกี่ยวข้องกันแบบแยกไม่ออกด้วยซ้ำไปค่ะ ถ้าจะให้เรียงลำดับขั้นตอนที่เกิดขึ้นจากทัศนคติก็คือ ทัศนคติเป็นเหตุ การใช้ชีวิตเป็นกลาง และความสุขเป็นผล

ดังนั้นทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับทัศนคติหรือความคิดก่อนเสมอค่ะ แค่ปรับความคิดได้ ชีวิตก็เปลี่ยนไป ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าทุกสิ่งที่เกิดแค่เราปรับความคิดเท่านั้น ไม่ต้องไปเสียเวลาปรับเปลี่ยนอย่างอื่นเลย ต้องเปลี่ยนที่ความคิดก่อนเป็นสิ่งแรก แล้วการกระทำ การมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวก็จะเปลี่ยนไปตามความคิดใหม่ที่เกิดขึ้นทันที เหมือนดั่งที่คำโบราณกล่าวไว้ว่า ความคิดเป็นนายใหญ่ จับจุดให้ถูก แก้ไขให้ตรงเป้า ชีวิตย่อมเป็นไปในแบบที่เราต้องการได้ไม่ยากค่ะ

ชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องเนี้ยบมากก็ได้

หลายๆ คนมักจะคิดว่าเราต้องมีทุกอย่างพร้อมก่อน ชีวิตถึงจะมีความสุข ถึงจะมองอะไรก็สวยและดีไปหมดได้ หรือไม่ก็คิดว่าความสมบูรณ์แบบคือปัจจัยในการทำให้เกิดความสุข ที่แท้สิ่งเหล่านี้กลับทำให้เกิดความทุกข์เสียด้วยซ้ำ เราจึงไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีความพร้อมไปเสียทุกอย่าง เพราะคนทุกคนย่อมมีส่วนดี ส่วนด้อยเสมอเป็นเรื่องปกติ แต่คนเราก็สามารถมีความสุขได้ สุขตามอัตภาพ มีแค่ไหนก็มีความสุขแค่นั้น ใจที่เป็นสุขนั้นจริงๆ ล้วนเกิดจากสิ่งใดก็ได้ที่เข้ามาในชีวิต ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่จำเป็นต้องดีที่สุดในสายตาคนอื่น สิ่งสวยงาม สิ่งดีๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่เรามองเห็นอาจสร้างสุขให้เราได้เสมอ มันอยู่ที่เราจะมองค่ะ

ลองมองหาส่วนดีของทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต รวมถึงหมั่นเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า “เราต้องมีความสุข” จากทุกสิ่งรอบๆ ตัว ทุกสิ่งสวยงามในตัวของมันเอง อยู่ที่ใครจะมองว่าสิ่งนั้นสวย หรือดีได้แค่ไหน ใครมองว่าสวย ใครมองเห็นข้อดีได้มากกว่า ก็ได้เปรียบเพราะความสุขที่เกิดขึ้นก็จะยาวนานกว่า จิตใจที่จะเห็นสิ่งสวยงาม ต้องเป็นจิตใจที่สะอาด สดใส ไม่ขุ่นมัว เป็นจิตใจที่มองโลกในแง่ดี เป็นจิตใจที่มีความรักในผู้อื่น และมองเห็นคนอื่นมีความสุข เราก็รู้สึกสุขตามไปด้วย นี่แหละค่ะความสุขที่แท้จริง

ขอขอบคุณที่มา จาก : goodlifeupdate.com