Home »
ทั่วไป
»
มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด ไฟแสดงแบบนี้ในหน้าปัด คนใช้รถต้องรู้มันสำคัญมาก
มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด ไฟแสดงแบบนี้ในหน้าปัด คนใช้รถต้องรู้มันสำคัญมาก
มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด ไฟแสดงแบบนี้ในหน้าปัด คนใช้รถต้องรู้มันสำคัญมาก
เวลาขับรถเห็นในหน้าปัดรถไหม มันจะมีเหมือนสัญลักษณ์ต่าง ๆ อยู่ในนั้น
แต่หลายคนก็เลือกที่จะมองข้ามไปคิดว่ามันไม่ได้มีส่วนสำคัญอะไรในการใช้รถ
แต่ไม่ใช่เลยหากคุณละเลยมันไปแล้วถ้าหากมีสัญลักษณ์บางตัวขึ้นไฟเตือนขึ้นมาให้เห็นมันอาจจะกำลังบอกถึงสภาพของรถยนต์ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
ไฟแสดงแบบนี้ในหน้าปัด บางอย่างก็แสดงถึงระดับความอัตรายในการใช้รถได้เลย
เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถมาเรียนรู้และทำความเข้าใจกับสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในหน้าปัดกันดีกว่า
สัญญาณไฟสีแดง หมายถึง ความอันตรายที่ต้องหยุดใช้รถโดยทันที และให้เรารีบลงมาตรวจสอบความผิดปกติตามสัญญาลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นอยู่บนตัวรถ
สัญญาณไฟสีเหลือง หมายถึง การเตือน แต่สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่ต้องควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง
สัญญาณไฟสีเขียว หมายถึง ผู้ขับกำลังใช้งานอุปกรณ์ของรถยนต์ได้ตามปกติ ไม่เกิดเหตุใดๆที่มีความเสียหาย
สัญลักษณ์ที่จำเป็นบนหน้าปัดรถที่เราควรจะรู้นั้นมีอะไรบ้าง
จะต้องทำอย่างไรหากมีการเตือนเกิดขึ้นมา
อ่านเถอะเพื่อประโยชน์ในการใช้รถของตัวคุณเอง
สัญลักษณ์ต่าง ๆ บนหน้าปัดรถ
1. สัญลักษณ์รูปกรวยน้ำมีน้ำหยด
เครื่องหมายแบบนี้แปลว่า
น้ำมันเครื่องยนต์มีระดับต่ำกว่าปกติจนมันไม่สามารถหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ได้แล้ว
ถ้ายังจะฝืนใช้รถต่อปัญหาจะตามมาได้
แต่ถ้าเช็คแล้วน้ำมันเครื่องยังมีอยู่ก็แปลว่าตัวปั๊มน้ำมันนั้นอาจจะมีปัญหาเลยทำให้ส่งน้ำมันเครื่องไปยังส่วนต่าง
ๆ ของรถไม่ได้
2. สัญลักษณ์กลมๆ มีระบุว่า ABS ระบบเบรค ABS มีปัญหา
ถ้าหากเจอสัญลักษณ์แบบนี้ให้รีบเลย รีบเอารถไปเช็คเลย
เพราะระบบเบรกมีปัญหาไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แต่ถ้า ABS
เสียแล้วระบบเบรกปกติใช้ได้อยู่มันก็ยังพอไหวแต่ซ่อม ABS ไว้จะดีกว่า
เพราะหากมีการจำเป็นจำต้องเบรกกะทันหันมันจะได้ไม่เกิดปัญหา ABS
คือระบบป้องกันไม่ให้ล้อล๊อกเวลาเบรคกะทันหัน
จนรถเสียการทรงตัวไถลไปตามพื้นถนน ถ้าหากมันเตือนแล้วก็ซ่อมเถอะ
3. สัญลักษณ์ถุงลมนิรภัยไม่ทำงาน
แบบนี้ก็ไม่ดีเหมือนกันลองสังเกตเวลาหลังจากสตาร์ทเครื่องแล้วมีสัญลักษณ์นี้ขึ้นมาไหว
ถ้ามันค้างอยู่แปลว่าต้องรีบส่งซ่อมแล้วนะเพราะถึงลมนิรภัยไม่ทำงานในเวลาฉุกเฉิน
หากมี อุ บั ติ เ ห ตุ เกิดขึ้นอาจส่งผลอัตรายถึง ชี วิ ตได้เลย
4. ไดร์ชาร์จมีความผิดปกติ ไม่จ่ายไฟ
ทำความเข้าใจใหม่นะแบบนี้ไม่ได้แบตเสื่อมแต่มันคือ
ไดร์ชาร์จมีความผิดปกติ
ไม่จ่ายไฟเข้าไปเก็บที่แบตเตอรี่หรือไม่มีการจ่ายไฟเข้าใช้งานในระบบรถยนต์
เมื่อใช้ไปเรื่อยๆอาจทำให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดในรนไม่ทำงาน
หลายคนที่เข้าใจผิดมาตลอดคิดว่าแบตมันเสื่อม มันไม่ใช่นะ
5. สัญลักษณ์วงกลมแล้วมีเครื่องหมายตกใจตรงกลาง หรือ เบรก
จะเป็นเกี่ยวกับเบรก ซึ่งจะเกิดใน 2 กรณี เช่น การดึงเบรกมือ
หรือลดเบรกมือยังไม่สุด มันเลยเตือนด้วยสัญลักษณ์แบบนี้
แต่ว่าถ้าหากปรับลดเบรกมือให้ปกติแล้วไฟเตือนมันยังไม่หายไปแปลว่าระบบเบรกมีปัญหาแล้วนะ
ต้องรีบเช็คด่วนเลย
6. สัญลักษณ์รูปตู้จ่ายน้ำมัน
เมื่อแสดงมาเมื่อไหร่แสดงว่า น้ำมันในถังอยู่ในระดับต่ำแล้ว
ให้เติมน้ำมันก่อนที่น้ำมันจะหมด โดยส่วนใหญ่ที่พบ
น้ำมันจะเหลืออยู่ในถังอีกประมาณ 10-15% ของความจุถังถึงจะเริ่มแสดงขึ้นมา
โดยจะวิ่งต่อได้อีกประมาณ 40-100 กิโลเมตร ขึ้นอยู่ว่าเป็นรถรุ่นไหน
สัญลักษณ์รูปตู้จ่ายน้ำมันแต่มีจุดๆอยู่ด้านล่าง บ่งบอกว่า
กรองน้ำมันมีปัญหา อาจเป็นเพราะกรองน้ำมันตัน หรือ มีน้ำผสมอยู่ในน้ำมันมาก
7. สัญลักษณ์เครื่องยนต์
ถ้าหากเจอสัญลักษณ์แบบนี้แปลว่ามันไม่ปกติแล้ว เพราะตัวนี้ตัวเดียว
อาจแจ้งความผิดปกติหลายอย่าง เช่น ค่าอ็อกซิเจนผิดปกติ,
สายพานเกินระยะกำหนด, ตัว ECU มีปัญหา ฯลฯ ซึ่งถ้าไฟรูปเครื่องติด
ต้องทำการตรวจสอบด้วยเครื่องของทางศูนย์บริการหรืออู่
โดยเสียบอุปกรณ์กับช่อง OBD (On-Board Diagnostics) จะมีค่า Error
แจ้งมา ก็จะรู้ได้ว่าเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติตรงไหนได้ครับ
ซึ่งรถส่วนใหญ่จะยังทำงานได้ปกติ แต่ในบางรุ่น (โดยเฉพาะรถทางฝั่งยุโรป)
จะล็อกความเร็วไว้ให้ไม่เกิน 60 กม./ชม.
เพื่อให้ผู้ใช้งานนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการทันที
และป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหายไปมากกว่าเดิม
เครื่องยนต์มีปัญหาหนักมากอย่าปล่อยไว้นะเพราะอาจจะเกิดอัตรายขึ้นได้
ในแต่สัญลักษณ์นั้นล้วนมีความหมายในตัวของมันเอง
เราควรใส่ใจและเข้าใจกับมันเอาไว้เวลามีการแจ้งเตือนขึ้นมาเราจะได้รู้ว่า
รถยนต์ของเรานั้นกำลังมีปัญหาอะไรที่จะต้องซ่อมแซมแก้ไขบ้าง
การปล่อยไว้และละเลยมันไปเพราะคิดว่ารถคงไม่เป็นอะไรมากนั้นไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องเลย
ขอขอบคุณ : partiharn , postsara