หลังการทำบุญ ต้องทำอย่างไรถึงได้บุญมาก
หลังการทำบุญ ต้องทำอย่างไรถึงได้บุญมาก
หลังจากสร้างบุญทุกครั้งให้ ทำการอธิษฐานทุกครั้ง ให้ย้อนกลับไปดูในบทแรกในเรื่อง
“อธิษฐานขอเมตตาพระบารมีจากพระพุทธเจ้าและผู้มีบุญมากทั้งปวงทุกวัน”
หลังจากนั้นให้กรวดน้ำแผ่เมตตาให้ตนเองก่อนแล้วจึงแผ่เมตตาอุทิศบุญให้ผู้อื่น
การกรวดน้ำอุทิศบุญกุศล และกล่าวคำโมทนาบุญแบบต่าง ๆนั่นแหละคือความสำคัญที่จะทำให้ผลของบุญมีความสมบูรณ์ทั้งต่อตัว
เรา ทั้งผู้รับทาน และ ผู้ที่รอรับบุญที่อยู่ที่อื่น ๆ เรียกว่า
การอุทิศบุญหรือการเชื่อมบุญส่งให้ถึงกัน
ไม่ใช่เรื่องแปลกลึกลับอะไรซึ่งเป็น
ข้อหนึ่งในการสร้างบุญในบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการเป็นการแผ่ส่วนกุศลให้แก่ญาติทั้ง มิตรและสรรพสั ต ว์ได้ ชื่อว่าเป็นปัตติทานมัย
บุญสำเร็จด้วยการแผ่ส่วนบุญโดยที่เราตั้งใจจะส่งบุญไปยังบุคคลที่เรามีความปรารถนาดีให้เขาเหล่านั้นมีความสุข การอุทิศบุญที่ได้
ผล มีความง่ายต่อการกระทำ ก็คือการ แผ่เมตตา และ กรวดน้ำ
การแผ่เมตตา เป็นการเพิ่มพลังบุญให้ตนเองและผู้อื่นโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้จิตใจอ่อนโยนมีจิตเมตตาเป็นที่ตั้งอยู่ในตนเองเสมอ
เมื่อพบเห็นสิ่งใด ก็จะมีจิตเมตตา ทำให้เป็นที่รักใคร่ของผู้อื่น และจะทำให้ ผู้ที่เจริญเมตตาเป็นประจำกลายเป็นคนที่ คิดดี ทำดี ต่อ
ตนเอง และผู้อื่นอยู่เสมอโดยมีบท แผ่เมตตาตนเอง ดังนี้
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข ,
อะหัง นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
อะหัง อะเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร,
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง ,
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
บทแผ่เมตตาให้สรรพสั ต ว์ทั้งหลาย
สัพเพสัตตา สั ต ว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ต า ยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวร
แก่กันและกันเลย ,อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ,อนีฆา โหนตุ จงเป็นสุข
เป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ
รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิดฯ
ครูบาอาจารย์หลายท่านได้กล่าวตรงกันว่า ในคนปกติธรรมดาที่จิตนั้น “ไม่มีการฝึกฝนมาก่อนทำให้ขาดพลัง”
การกรวดน้ำนั้นจะช่วยให้บุญกุศลนั้นไปถึงผู้ที่ต้องการอุทิศบุญไปให้ แต่สำหรับผู้ที่มีฌานที่แกร่งกล้าเพราะท่านเหล่านั้นได้มีการ
ฝึกฝนจิตมาดีแล้วไม่จำเป็นต้องกรวดน้ำ ท่านสามารถโมทนาอุทิศบุญไปถึงผู้ที่รอรับบุญได้ทันทีหรือที่เรียกกันว่า “กรวดแห้ง”
สำหรับเรื่องที่หลายคนยังมีความกังวลว่าเมื่อทำบุญแล้วไม่ได้กรวดน้ำหรือเลยเวลากรวดน้ำไปแล้วจะเป็นอย่างไรบุญจะลดน้อยลง
หรือไม่มีเวลาของการหมดบุญที่ทำด้วยหรือเปล่าขอให้เข้าใจว่า บุญนั้นไม่มีกาลเวลา เมื่อทำแล้วยังอยู่ไม่ได้หายไปไหนนึกได้เมื่อ
ใดก็กรวดน้ำได้ทันที ขอให้ระลึกถึงบุญที่ทำไว้เป็นสำคัญ
การกรวดน้ำให้เทน้ำกรวดลงไปให้ไหลติดต่อกัน ไม่ให้ขาดสายเพื่อให้บุญนั้นเกิดความต่อเนื่องไม่ขาดระยะเปรียบเหมือนบุญนั้นเป็น
กระแสน้ำที่ไหลลงไปสู่มหาสมุทรโดยไหลเป็นสายยาว หากขาดหรือไม่ต่อเนื่อง
ก็เหมือนบุญขาดช่วงมาไม่สม่ำเสมอผู้รับก็จะรับบุญได้ไม่เต็มที่
เพียงเท่านี้การสร้างบุญที่วัดของเราก็ประสบผลสำเร็จสมบูรณ์ด้วยดีทุกประการตามที่ตั้งใจไว้
และเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วก็ขอให้ อุทิศบุญหรือโมทนาบุญอีกครั้งหนึ่ง
แบบไม่ต้องกลัวหมดเพื่อให้บุญได้ส่งถึงผู้ที่เราปรารถนาดีอีกครั้ง