Home »
Uncategories »
กระแส#ChallengeForChangeมาแรง! แห่ช่วยกันเก็บขยะช่วยโลก
กระแส#ChallengeForChangeมาแรง! แห่ช่วยกันเก็บขยะช่วยโลก
กลายเป็นกระแสในโซเชียลสำหรับแคปเปญลดขยะในต่างประเทศ#ChallengeForChange
ที่หลายคนออกมาช่วยโลกด้วยการเก็บขยะตามสถานที่ต่างๆ ที่เป็นแหล่งทิ้งขยะ
ซึ่งในขยะนี้ก็เริ่มมีคนไทยจำนวนหนึ่งได้เข้าร่วมแคมเปญนี้แล้ว
โดยมีทั้งกระแสด้านดีและด้านลบที่บอกว่าบางคนทำเพื่อสร้างภาพบ้าง
ทำไม่จริงบ้าง
อย่างไรก็ตามก็ถือว่าเป็นแคมเปญช่วยโลกที่ดีที่รณรงค์ให้คนออกมารักษ์โลกกันมากขึ้น
วันนี้เราจึงมีวิธีลดขยะแบบที่เราสามารถทำเองได้มาฝากกัน
ขยะคือปัญหาที่เราทุกคนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้อง
การแก้ไขปัญหานี้จึงอยู่ในมือพวกเราเช่นเดียวกันจึงขอแชร์แนวคิดดีๆ
เกี่ยวกับการจัดการขยะ หรือ 7R
ที่จะทำให้ทุกคนลดปริมาณขยะในชีวิตประจำวันได้ง่ายๆ
และมีส่วนช่วยทำให้โลกใบนี้ของเราน่าอยู่ขึ้นได้
ด้วยการลงมือทำอย่างจริงจังจนกลายเป็นนิสัยโดยไม่ต้องรีรอ
1. Refuse (ปฏิเสธถุงพลาสติกและโฟม)
พลาสติกจะใช้เวลาย่อยสลายถึง 450 ปี! เผาทำลายไม่ได้ เพราะสร้างการปนเปื้อนในดินและน้ำ ทางที่ดีคือเลือกปฏิเสธแล้วหันมาใช้ถุงผ้า
กล่องข้าวที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ไปจนถึงภาชนะใช้ซ้ำต่างๆ อย่างหลอด
ขวดน้ำ ช้อนส้อม ตะเกียบ นอกจากลดขยะ ลดพลาสติก ไปจนถึงโฟมได้แล้ว
เรายังช่วยลดมลพิษทางอากาศได้ด้วย!
2. Recycle (แยกขยะให้เป็นนิสัย)
ถังขยะหลากหลายสี นอกจากการแยกขยะให้เป็นนิสัย
แล้วยังช่วยให้กำจัดขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ใช้ในกระบวนการกำจัดขยะอีกด้วย!
3. Reuse (ใช้อย่างคุ้มค่า)
วิธีที่ช่วยลดขยะอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดคือการพยายามใช้สิ่งต่างๆ
รอบตัวอย่างคุ้มค่า อาจจะเริ่มจากการใช้ปากกาจนหมดด้าม เขียนดินสอจนหมดแท่ง
หรือเริ่มจากการใช้กระดาษให้เต็มทั้งสองหน้าจนเป็นนิสัย
แต่หากเท่านั้นยังไม่พอ และอยากก้าวล้ำไปอีกขั้น
อยากชวนให้ทุกคนลองเอาของที่ไม่ใช้แล้วมาทำเป็นของใช้
หรือดัดแปลงเป็นของ D.I.Y กันดู นอกจากวิธีนี้จะช่วยลดปริมาณขยะได้แล้ว
ยังเป็นการฝึกความคิดสร้างสรรค์ และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อีกด้วย
4. Refill (เลือกซื้ออะไรที่เติมได้ ลดขยะจากบรรจุภัณฑ์)
เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อของอุปโภคต่างๆ เช่น น้ำยาซักผ้า ผงซักฟอก
น้ำยาปรับผ้านุ่ม ฯลฯ มาเป็นแบบ Refill หรือลดการซื้อของในบรรจุภัณฑ์ใหม่
ก็สามารถลดค่าใช้จ่ายในบ้านลงได้มากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
นอกจากนี้ การทำแบบนี้ยังช่วยลดมลภาวะที่เกิดจากกระบวนการผลิต Packaging
ในโรงงานได้ด้วย
เรียกว่าทำแค่อย่างเดียว แต่ช่วยโลกได้ถึงสองต่อเลยนะ!
5. Repair (ใช้อย่างทะนุถนอม ซ่อมแซมเท่าที่ทำได้)
เคยลองสังเกตสิ่งของรอบตัวดูบ้างไหม ว่ากำลังมีอะไรที่เราใช้มันผิดวิธี
หรือกำลังทำให้มันพังก่อนถึงเวลารึเปล่า
สิ่งเหล่านี้นอกจากจะทำให้เราต้องจ่ายค่าไฟมากขึ้นแล้ว
ยังทำให้อุปกรณ์ต่างๆ พังเร็วขึ้นด้วย แต่หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
ก็ลองฝึกซ่อมอุปกรณ์ด้วยตัวเองดูบ้าง อย่างการเปลี่ยนอะไหล่ หรือต่อ เติม
ปะ สิ่งต่างๆ แทนการซื้อใหม่
เพียงเท่านี้ ก็ช่วยลดปริมาณขยะได้เยอะแล้ว
6. Reduce (ลดการใช้สิ่งต่างๆ)
ลองเลือกซื้อผลิตภัณฑ์หรือสินค้าขนาดใหญ่ ใช้ได้นาน
แทนการซื้อสินค้าที่มีขนาดเล็ก หรือมีปริมาณน้อยหลายๆ ชิ้นดูสิ
ส่วนถ้าอะไรที่มีอยู่แล้ว ก็ลองห้ามใจตัวเอง
ไม่ซื้อของประเภทเดียวกัน หรือแบบเดียวกันไว้ที่มาไว้ที่บ้าน
7. Return (หมุนเวียนมาใช้ใหม่)
การคืนขวดน้ำอัดลม หรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ กลับไปสู่ผู้ผลิตนั้น นอกจากจะผ่านการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่แล้ว
ยังมีส่วนช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางทะเลด้วย เนื่องจากขวดแก้ว
ต้องใช้ทรายแก้วเป็นวัตถุดิบหลัก โดยทั้งหมดจะถูกขุดขึ้นมาจากบริเวณรอบๆ
ชายฝั่งทะเล
การใช้ทรายแก้วจำนวนมาก จึงทำให้แนวดินดอนชายฝั่งทะเลถูกทำลาย
และสูญเสียรูปทรงดั้งเดิม
อีกทั้งถูกกัดเซาะสูงขึ้นจนเกิดเป็นปัญหาภูมิทัศน์ทางทะเลตามมา
เราจึงควรแยกขวดแก้วออกจากขยะอื่นๆ และส่งคืน เพื่อกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่ และรักษาชายหาดที่สวยงามไปพร้อมกัน!
อาจจะไม่ต้องทำตามให้ครบทุกวิธีก็ได้
แต่แค่ได้เลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเอง แล้วนำมาปรับใช้อย่างสม่ำเสมอ
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถกลายเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญ
ที่ช่วยให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้นอีกเป็นกอง!