Home »
ทั่วไป
»
ยามหน้าหมู้บ้าน ถามผมว่า ‘พี่จะเข้าไปที่บ้าน..พี่ได้ใส่พระหรือเปล่า”
ยามหน้าหมู้บ้าน ถามผมว่า ‘พี่จะเข้าไปที่บ้าน..พี่ได้ใส่พระหรือเปล่า”
ยามหน้าหมู้บ้าน ถามผมว่า ‘พี่จะเข้าไปที่บ้าน..พี่ได้ใส่พระหรือเปล่า”
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง
เกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งแถวย่านบางนา เมื่อประมาณ 7 8 เดือนที่ผ่านมา
คุณมีนทำอาชีพเกี่ยวกับการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องครัว
และก็มีอยู่เคสนึง พี่จะต้องไปติดตั้งให้กับบ้านนายฝรั่งในย่านบางนา
ชุดติดตั้งจะมีไปทั้งหมด 3 คน ก็คือ หัวหน้า คุณมีน และคนขับรถ
พอไปถึงหมู่บ้านแห่งนี้ ประมาณ 9 โมงเช้า
จะต้องแลกบัตรเพื่อที่จะเข้าไปยังหมู่บ้าน
ยามก็ได้ถามว่า จะไปบ้านเลขที่อะไรครับ
“หัวหน้าก็ตอบว่า บ้านเลขที่…”
ยามก็แสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อย แล้วก็ถามออกมาเบาๆว่า
“พี่ได้ห้อยพระอะไรมาหรือเปล่า”
หัวหน้าและคุณมีนหันมองหน้ากันด้วยความงุนงง ในใจก็คงคิดว่าทำไมยามต้องมาขำอะไรแบบนี้ด้วย
แล้วยามก็พูดแทรกขึ้นมาว่า
“ตรงเข้าไปเลยนะครับ แล้วเลี้ยวซ้าย พอถึงตรงเนินให้เลี้ยวเข้าไปอีก แล้วก็เลี้ยวขวา‘
ทุกคนก็ตรงเข้าไปตามทางเรื่อยๆจนถึงบ้านของลูกค้า บ้านเป็นลักษณะบ้านทรงฝรั่ง มี 3 ชั้น หลังจากที่ลงจากรถ
คุณมีนก็สังเกตเห็นความผิดปกติของหัวหน้า
ในตอนนั้นเองหัวหน้ายืนแหงนมองขึ้นไปบนบ้าน
เหมือนกับว่ากำลังจ้องอะไรสักอย่างอยู่ เมื่อคุณมีเรามองขึ้นไป
ก็ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด
หัวหน้าก็พูดขึ้นว่า “ปะ รีบขนของเข้าไปข้างใน แล้วทำงานให้เสร็จดีกว่า
จะได้รีบๆกลับ” ซึ่งคุณมีนคิดว่า
นี่ก็เป็นอาการผิดปกติของหัวหน้าอย่างหนึ่ง
เพราะทุกครั้งเวลาออกไปทำงานข้างนอก หัวหน้าจะไม่พูดอะไรในทำนองนี้
จึงช่วยกันขนของเข้าไปข้างใน
ยามหน้าหมู้บ้าน ถามผมว่า ‘พี่จะเข้าไปที่บ้าน..พี่ได้ใส่พระหรือเปล่า”
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง
เกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งแถวย่านบางนา เมื่อประมาณ 7 8 เดือนที่ผ่านมา
คุณมีนทำอาชีพเกี่ยวกับการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องครัว
และก็มีอยู่เคสนึง พี่จะต้องไปติดตั้งให้กับบ้านนายฝรั่งในย่านบางนา
ชุดติดตั้งจะมีไปทั้งหมด 3 คน ก็คือ หัวหน้า คุณมีน และคนขับรถ
พอไปถึงหมู่บ้านแห่งนี้ ประมาณ 9 โมงเช้า
จะต้องแลกบัตรเพื่อที่จะเข้าไปยังหมู่บ้าน
ยามก็ได้ถามว่า จะไปบ้านเลขที่อะไรครับ
“หัวหน้าก็ตอบว่า บ้านเลขที่…”
ยามก็แสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อย แล้วก็ถามออกมาเบาๆว่า
“พี่ได้ห้อยพระอะไรมาหรือเปล่า”
หัวหน้าและคุณมีนหันมองหน้ากันด้วยความงุนงง ในใจก็คงคิดว่าทำไมยามต้องมาขำอะไรแบบนี้ด้วย
แล้วยามก็พูดแทรกขึ้นมาว่า
“ตรงเข้าไปเลยนะครับ แล้วเลี้ยวซ้าย พอถึงตรงเนินให้เลี้ยวเข้าไปอีก แล้วก็เลี้ยวขวา‘
ทุกคนก็ตรงเข้าไปตามทางเรื่อยๆจนถึงบ้านของลูกค้า บ้านเป็นลักษณะบ้านทรงฝรั่ง มี 3 ชั้น หลังจากที่ลงจากรถ
คุณมีนก็สังเกตเห็นความผิดปกติของหัวหน้า
ในตอนนั้นเองหัวหน้ายืนแหงนมองขึ้นไปบนบ้าน
เหมือนกับว่ากำลังจ้องอะไรสักอย่างอยู่ เมื่อคุณมีเรามองขึ้นไป
ก็ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด
หัวหน้าก็พูดขึ้นว่า “ปะ รีบขนของเข้าไปข้างใน แล้วทำงานให้เสร็จดีกว่า
จะได้รีบๆกลับ” ซึ่งคุณมีนคิดว่า
นี่ก็เป็นอาการผิดปกติของหัวหน้าอย่างหนึ่ง
เพราะทุกครั้งเวลาออกไปทำงานข้างนอก หัวหน้าจะไม่พูดอะไรในทำนองนี้
จึงช่วยกันขนของเข้าไปข้างใน
หลังจากที่ล้างหน้าเสร็จ คุณมีนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ
แต่ก็ต้องรู้สึกแปลกใจ เพราะไม่พบหัวหน้ากับคนขับรถ ทั้งๆที่เมื่อสักครู่
ยังนั่งทำงานกันอยู่ในบ้าน จึงเดินไปที่หน้าประตูบ้าน
ก็เห็นว่าหัวหน้ายืนอยู่นอกประตูรั้วบ้าน แล้วมองเข้ามาในบ้าน
เหมือนกำลังจ้องอะไรสักอย่างที่อยู่ในบ้าน ส่วนขนขับหนีไปนั่งอยู่ในรถ
ด้วยความปลกใจ คุณมีนจึงพูดว่า “อ่าวพี่ ออกไปกันทำไมเนี่ย
ยังไม่เสร็จเลย” หัวหน้าตอบว่า “เอ็งเข้าไปจัดการให้เสร็จละกัน
พี่ขอดูดบุหรี่ก่อน” คุณมีนจึงจำเป็นต้องเข้าไปนั่งทำงานต่อให้เสร็จ
จนมาถึงขั้นตอนสุดท้าย คุณมีนไล่เอาแอลกอฮอล์เช็ดสแตนเลสต่างๆ
เพื่อให้มันใสสะอาด ในระหว่างที่กำลังนั่งเช็ดอยู่
ปรากฏว่าเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ยืนอยู่ด้านหลัง
แล้วโน้มตัวเอาหัวลงมาอยู่ข้างๆคุณมีน ซึ่งมันสะท้อนจากประตูตู้สแตนเลส
ลักษณะเป็นผู้ชายตัวอ้วนๆ ไม่มีผม ไม่มีแขน ลูกกะตาเห็นเป็นสีดำๆ
แม้ว่าจะมองไม่เห็นลูกกะตา แต่คุณมีนรู้สึกได้เลยว่าสิ่งที่ยืนอยู่ด้านหลัง
กำลังจ้องมองคุณมีนอยู่ ในระยะที่เรียกว่าเผาขนได้เลย คุณมีนสะดุ้งสุดตัว
หันหลังควับทันที แต่ก็ไม่พบอะไร เห็นเพียงแค่บันไดวนขึ้นไปชั้นบน
คุณมีนรู้สึกกลัวจนนั่งไม่ติดพื้น คิดในใจว่าหรือนี่จะเป็นสาเหตุ
ที่ทำให้หัวหน้าและคนขับรถหนีออกไปอยู่ข้างนอกกันหมด
คุณมีนไม่รอช้า รีบเก็บงานให้เร็วที่สุด แล้วรีบเก็บของออกไปนอกบ้าน
ช่วงนั้นเวลาประมาณเที่ยงๆ ทุกคนจึงขับรถออกไปจากบ้าน
จนไปถึงป้อมยามด้วยความสงสัย คุณมีนจึงถามกับยามว่า “พี่ ผมถามจริงๆเถอะ
ที่ถามพวกผมว่าห้อยพระอะไรเนี่ย มันมีอะไรหรือเปล่า” ยามตอบกลับมาว่า
“คงจะเจอกันแล้วสิ” คุณมีนคะยั้นคะยอว่า “เล่าให้ฟังหน่อยเถอะ
อยากรู้มากเลย”
ยามเล่าว่า แต่ก่อนบ้านหลังนั้นมันเป็นบ้านของคนไทย แต่สามีเสีย
เพราะโดยขโมยเอาไม้ทุบเข้าที่หัว เสียอยู่แถวๆหน้าห้องน้ำ
ภรรยาจึงไปคบกับฝรั่ง แล้วทำการตกแต่งบ้านใหม่ทั้งหมด เพื่อที่จะขาย
เพราะฝรั่งบอกกับผู้เป็นภรรยาว่าอยู่ไม่ได้โดยให้เหตุผลว่า
กลางดึกของทุกคืน จะได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ชั้นล่าง พอเดินลงไปดู
ปรากฏว่าเห็นรูปปั้นค่อยๆเคลื่อนตัว กลับไปยืนอยู่ที่หน้าห้องน้ำตามเดิม
เหมือนกับว่าเมื่อครู่ มันเพื่งจะเดินไปเดินมาภายในบ้าน
และเวลาที่เผลอหลับในช่วงกลางวัน จะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาทุกครั้ง
และในช่วงที่กำลังสะดุ้งตื่น จะเห็นเป็นผู้ชายร่างท้วมๆ
เดินขึ้นบันไดไปข้างบน เป็นแบบนี้ทุกครั้งจนอยู่ไม่ได้
จากนั้น หัวหน้ามาเล่าให้ฟังทีหลังว่า ตอนที่ไปถึงบ้านหลังนั้นช่วงแรกๆ
หัวหน้าได้มองขึ้นไปบนชั้นสาม บนห้องชั้นสามจะมีหน้าต่างบานใหญ่ๆ
แต่ปรากฏว่าเห็นผู้ชายยืนเอาเท้าเหยียบเพดาน ห้อยหัวลงมามองหน้า
และตอนที่ล้วงมือเข้าไปใต้ซิงค์วางของ อยู่ๆก็มีคนจับมือแล้วดึงเข้าไป
จนหัวหน้าตกใจ รีบสะบัดมือออก แล้วเดินออกจากบ้านทันที
ส่วนคนขับรถเล่าว่า ตอนที่กำลังนั่งต่อสายยางซิงค์ล้างจาน
หางตาเห็นเหมือนผู้ชาย นั่งมองอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ
แล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ พอเดินไปดูก็ไม่พบใคร และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
ขอขอบคุณ : บ้านฝรั่ง เล่าโดย คุณมีน