7-11 แห่งอนาคตยุค 4.0

หลังเปิดร้านเซเว่น อีเลฟเว่น แฟล็กชิพสโตร์สาขาแรกที่โรงเรียนสาธิตปัญญาภิวัฒน์ เพื่อให้เป็นต้นแบบร้านที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุค 4.0 ได้อย่างครบถ้วน ภายใต้คอนเซ็ปต์อวกาศ ไปเมื่อ 7 พ.ย. 2560 ล่าสุด เซเว่น อีเลฟเว่น ได้โลเคชันที่ลงตัวเพื่อปักหมุด เปิดร้านแฟล็กชิพสโตร์แห่งใหม่ในปลายปี 2561 เป็นที่เรียบร้อย

สำหรับร้าน Flagship Store แห่งใหม่ของเซเว่น อีเลฟเว่น เลือกที่จะปักหมุดในพื้นที่ภาคตะวันออก และมีชื่อว่าสาขา “ธาราพัทยา” ตามทำเลที่ใช้ในการปักหมุดเป็นที่ตั้งสาขา และยังมีเลขรหัสสาขาที่สวยไม่แพ้สาขาต้นแบบแห่งแรก โดยใช้รหัสสาขาที่ 10000 ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นสาขาที่หนึ่งหมื่นแต่อย่างใด แต่เป็นเลขสวยที่ทางเซเว่น อีเลฟเว่น เก็บไว้สำหรับใช้กับสาขาพิเศษต่างๆ เนื่องจากจำนวนสาขาของเซเว่นฯ นั้นทะลุมากกว่าหนึ่งหมื่นสาขาไปเรียบร้อยแล้ว

โดยแฟล็กชิพสโตร์แห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ที่ถนนพัทยาใต้ ในรูปแบบ Stand Alone มีขนาดร้าน 20 เมตร  x 15 เมตร โดยแบ่งเป็น 2 ชั้น พื้นที่รวม 1,659.3 ตารางเมตร โดยชั้น 1 มีพื้นที่ 1,403.5 ตารางเมตร และชั้น 2 มีพื้นที่ 255.8 ตารางเมตร เพื่อออกแบบเป็นโซนนั่งพัก และยังมีห้องน้ำให้บริการด้วย

ขณะที่จุดเด่นต่างๆ ของร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาธาราพัทยานั้น ประกอบไปด้วย

  1. เป็นร้านที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ว่า “โอเชียเนีย” (Oceania) เพื่อให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ที่ตื่นเต้น แปลกใหม่ ประทับใจ ในรูปแบบมหาสมุทร มีกลิ่นอายของท้องทะเลสีคราม ผสานกับจุดเด่นของเมืองพัทยา ด้วยการนำเรือยอร์ชมาเป็นองค์ประกอบหลักในการออกแบบ พร้อมทั้งได้เลือกใช้วัสดุที่ทำจากไฟเบอร์กลาส 3 ชั้น มีความแข็งแรง น้ำหนักเบา ซึ่งเป็นวัสดุเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมทำเรือยอร์ชจริงๆ

  2. การออกแบบที่แสดงถึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นประจำท้องถิ่น เพื่อให้เป็น Landmark แห่งใหม่ของพัทยาใต้ และช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าที่มาท่องเที่ยว ณ เมืองพัทยา ซึ่งเป็นเมืองแห่งสีสัน ได้แวะเช็คอิน พร้อมทั้งเก็บภาพแห่งความประทับใจและความทรงจำที่ดีกลับไป รวมทั้งยังเป็นร้านที่สร้างประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมตามหลักการ Triple C (CCC) หรือ Convenience Community Center โดยที่ชุมชมสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการใช้งานที่ร้านสาขาได้อีกด้วย

 

  1. ในฐานะร้านแฟล็กชิพสโตร์แห่งใหม่ล่าสุด ดังนั้น นวัตกรรมล้ำยุคต่างๆ ที่สาขา สาธิต PIM มี ก็สามารถพบได้ในสาขาธาราพัทยาได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

– Self-Checkout จุดชำระเงินค่าสินค้าด้วยตนเอง เพื่อความสะดวก รวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านพนักงานที่เคาน์เตอร์ ลดการรอคิวยาวของลูกค้า

– Smart Wave ลูกค้าสามารถอุ่นอาหารได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องรอพนักงานร้านมาบริการ

 – 24 Shopping Kiosk ให้บริการซื้อสินค้า Online ลูกค้าสามารถดูรายการและรายละเอียดของสินค้าผ่านจอสัมผัส ก่อนตัดสินใจสั่งซื้อ โดยรับสินค้าได้ทันทีที่ร้านสาขา

– CCTV Analytic กล้อง HD สำหรับวิเคราะห์พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้าภายในสาขา ที่มาในรูปของ Sevy Bot นวัตกรรมผู้ช่วยอัจฉริยะ โดยที่ธาราพัทยาจะมีลักษณะเป็นมนุษย์ประดาน้ำมีชื่อว่า “สินสมุทร”  ซึ่งยังทำหน้าที่ในการต้อนรับและทักทายลูกค้าไปพร้อมกันด้วย รวมทั้งยังสามารถเคลื่อนที่ไปรอบร้านได้โดยรางและชุดขับเคลื่อนที่ผนังรอบร้าน ใช้ระบบรางแขวนระดับสูงและจ่ายไฟฟ้าผ่านรางตลอด 24 ชั่วโมง อนุสิทธิบัติของ CP ALL พร้อมออกแบบมาให้ขยับแขน ขา มือ ข้อศอก ลำคอ ดวงตา และปาก ได้อย่างเป็นอิสระ สามารถรับฟังเสียงลูกค้า และโต้ตอบทักทายได้ เพื่อความสนุกสนานของลูกค้ารองรับยุค 4.0

 – Digital Media สื่อที่ผสมผสานระหว่าง ข้อความ กราฟฟิก ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง โดยใช้เทคโนโลยีความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์

– LED Shelf ชั้นวางสินค้ารูปลักษณ์ใหม่ มีไฟ LED ส่องสว่างที่ชั้นวางสินค้าทุกชั้นทำให้สินค้าสีสันสดใส สวยงาม ดึงดูดใจลูกค้ามากขึ้น

– Open showcase แบบมีบานเปิด–ปิดใส ช่วยเก็บรักษาอุณหภูมิสินค้าให้คงที่และสดใหม่อยู่เสมออีกทั้งยังประหยัดพลังงานได้มากถึง 30%

– Hologram เป็นรูปแบบของภาพที่สร้างขึ้นให้มีมิติ มีความลึกเหมือนนูนออกมา ในลักษณะของแสง 3 มิติ ลอยตัวอยู่ สามารถมองได้รอบด้านเสมือนจับต้องได้ หรือเรียกว่า 3D ใช้เป็นสื่อในการ โฆษณาสินค้าเสมือนจริง

– Smart Door Interactive เป็นตู้จำหน่ายสินค้าประเภทข้าวกล่อง  มีจอ LED แสดงภาพเคลื่อนไหวของสินค้า ช่วยให้สินค้ามีความน่าสนใจน่าซื้อมากขึ้น

 – Digital Aquarium โดดเด่นและสะดุดตากับจอ LED P 3.9  ขนาด 3 x 6 ม. ที่ให้ภาพสวยงามคมชัดสมจริง เพื่อให้ลูกค้าได้ชื่นชมบรรยากาศใต้ท้องทะเลไทย ให้ความเพลิดเพลินและผ่อนคลายเสมือนอยู่ใต้ท้องทะเล พร้อมสื่อเปิดโลกทะเลไทย โดยความร่วมมือระหว่าง CP ALL และมหาวิทยาลัยบูรพา ในการสร้างสรรค์ถึงสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลไทยในถิ่นที่อยู่อาศัยต่างๆ ต่อเนื่องจากชายฝั่งจนถึงท้องทะเลลึก โดยจำลองให้ผู้ชมคลิปวิดีทัศน์เสมือนมองผ่านช่องกระจกตู้ปลา (อควาเรียม)ของสถานีวิจัยใต้น้ำทางทะเล

– ระเบียงและลานพลาซ่า งานระเบียงยกพื้นปูไม้เทียมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐานอาคารเขียวหัวเรือด้านล่างติดตั้ง Big Fan บริเวณหัวเรือ ลานพลาซ่า ถือเป็นจุดพักผ่อน และไฮไลท์ที่สำคัญ เป็นจุด Check-in สำหรับนักท่องเที่ยว

 ร้านนี้ยังออกแบบมาให้ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมให้ผู้ใช้งานรู้สึกสบาย โดยขยายผลมาจากร้านต้นแบบประหยัดพลังงานสาขาธาราสแควร์ และสาขาสาธิต PIM อีกทั้งยังเป็นร้านนวัตกรรมด้านประหยัดพลังงาน ก่อสร้างตามเกณฑ์ การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทยTREES (Thai’s Rating of Energy and Environmental) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเกณฑ์อาคารเขียว ของสถาบันอาคารเขียวไทย (Thai Green Building Institute : TGBI) ซึ่งมีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล


– ระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ VRV : Variable Refrigerant Volume ระบบคอยล์ร้อนรวมศูนย์ ผสานกับนวัตกรรม Inverter ให้ประสิทธิภาพสูงควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำ และประหยัดพลังงานได้ถึง 40% พร้อมด้วย เครื่องเติมอากาศบริสุทธิ์ เข้าสู่ระบบปรับอากาศ เพื่อรักษาระดับอ็อกซิเจนในร้านสาขา ทำให้ลูกค้า และผู้ใช้งานรู้สึกสบายมีความสดชื่นอยู่เสมอ

 – Digital Energy Saving Monitor จอ LED แสดงผลการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ไฟฟ้าในร้านสาขาแบบ Real Time แบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ ระบบปรับอากาศ / ระบบเครื่องเย็น และระบบแสงสว่างเพื่อวิเคราะห์ผลการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นรายอุปกรณ์

 – EV Charger สถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ระบบไฟฟ้า เพื่อลดการใช้พลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม  ด้วยที่ชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ แบบ Quick Charge และ Normal Charge ขนาด 100 kW/Station ใช้เวลาชาร์จต่อคันประมาณ 20 นาที  สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐานอาคารเขียว

 – ที่จอดรถจักรยาน ส่งเสริมและลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

– ผนังกระจกฉนวน หรือ Insulated Glass แบบติดด้านหน้า Frame ลดการถ่ายเทความร้อนและแสง พร้อม ผนังคอนกรีตมวลเบา ลดการส่งผ่านความร้อนและประหยัดพลังงานได้ 30%

– หลังคา Metal Sheet แบบ Clip Lock กรุด้วยฉนวน Rockwool หนา 6 นิ้ว ลดการถ่ายเทความร้อนและแสง ช่วยลดการใช้พลังงาน พร้อมด้วย Solar Rooftop บนหลังคา Metal Sheet สามารถสร้างกระแสไฟทดแทนได้ 37,960 kW-Hr ต่อปี

– ระบบแสงสว่าง ใช้หลอดไฟ LED ทั้งร้าน ช่วยประหยัดไฟมากกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ 30%

7-11 ยุคใหม่ ดีไซน์เฉพาะ ตอบโจทย์แต่ละพื้นที่

ถ้าหากว่าติดตามความเคลื่อนไหวของร้านสะดวกซื้อแบรนด์นี้ในประเทศไทยมาโดยตลอด จะพบว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในระยะหลังอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่ร้าน 7-11 แต่ละสาขามีหน้าตาเหมือนกันไปหมด จะมีเพียงสาขาในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตจริงๆ เช่น สาขาเชียงคาน ที่มีความแปลกออกไป แต่ก็เพียงเฉพาะดีไซน์ภายนอกเท่านั้น ในส่วนของด้านในยังคงมีบริการและการจัดเรียงสินค้าที่เหมือนเดิม ปัจจุบัน 7-11 มีแนวคิดที่แตกต่างออกไป ผสานบริการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารปรุงสำเร็จ ที่นั่งรับประทานอาหาร ในสาขาที่อยู่ในย่อนออฟฟิศ หรือบางสาขาก็มีสินค้าไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ดังที่เกิดขึ้นกับสาขา ตึกอัมรินทร์ พลาซ่า ส่วนสาขาที่เป็นรูปแบบ Stand Alone มีพื้นที่มากพอก็มีจุด EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

 

ที่มา brandbuffet  7-11 Fanclub