อย่าอายเลย ที่มีพ่อ-แม่จน(เตือนลูกๆทุกคนได้ดี)

อย่าอายเลย ที่มีพ่อ-แม่จน(เตือนลูกๆทุกคนได้ดี)

วันนี้ดิฉันเลิกงานเร็ว เลยพาพี่สาวไปซื้อของใช้ที่ห้างแห่งหนึ่ง รอต่อแถวจ่ายตังค์นานมากเลย พี่สาวก็เริ่มจะงอแง เพราะเหนื่อยกับการทำงานมาตั้งแต่ตี 4 จนถึง 5 โมงเย็น

สังเกตว่าด้านหน้านั้นมีคิวต่อกันอยู่กลุ่มหนึ่ง มากันเป็นครอบครัว มีพ่อแม่ลูก ลูกเขาก็อายุไล่เลี่ยกับลูกของดิฉันค่ะ แล้วก็มีผู้สูงอายุคนหนึ่ง ที่เด็กคนนั้นเรียกว่าปู่ เขาคุยกันยิ้มแย้มแจ่มใสดี ซื้อของล้นตะกร้าเลยแหละ

พอแคชเชียร์ได้ทำการคิดเงินของครอบครัวนี้จนเสร็จ ดิฉันเองก็ได้ยินคร่าวๆว่าประมาณพันกว่าบาท คนที่เป็นปู่เป็นคนเปิดกระเป๋าสตางค์ใบเก่าๆใบนั้น เพื่อที่จะจ่ายตังค์ พร้อมทำท่าอ้ำอึ้ง ลูกสะใภ้ทั้งสองคนทำตาเขม็งและหุบยิ้มไปทันที

“ว่ายังไงพ่อ.. จ่ายเงินเขาไปสิ” ลูกชายบอก

คุณปู่ก็ยังทำหน้าแปลกๆ “ไหนดูตังค์หน่อยพ่อมีเท่าไหร่” ลูกชายพูด

แล้วปู่ก็ยื่นกระเป๋าให้เขาดู

“อ้าวไหนว่า มีตังค์เยอะไง แล้ววันนี้จะชวนมาซื้อของข้างนอกกันทำไม ไม่มีตังจ่ายก็ไม่บอก แทนที่จะอยู่บ้าน อายเขาเปล่า” ลูกชายพูด

สายตาในตอนนั้นทำให้ลูกชายและลูกสะใภ้ ต่างมองคุณปู่ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม รำคาญ..

ในที่สุดเค้าก็พากันทำสิ่งที่เราไม่อยากจะเชื่อสายตา คืออุ้มลูกเดินหนีไปเลย พร้อมกับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ไม่สนใจลูกสาวที่ร้องว่า “ปู่ๆๆๆ ปู่มาด้วย”

คุณปู่ยืนคอตก หน้าเศร้าอยู่หน้าแคชเชียร์ พอถามว่าจะเอายังไง คุณปู่เปิดกระเป๋าตังค์ให้ดู แล้วบอกว่าให้คิดเงินตามนี้ ได้ของเท่าไหร่เท่านั้น (แล้วก็นับ มีประมารแปดร้อยบาทค่ะ)

ระหว่างรอแคชเชียร์คิดเงินใหม่ ได้ยินคุณปู่เล่าว่า แกบ้านอยู่ต่างอำเภอห่างไปเป็นร้อยกิโล ลูกหลาน ไม่ไปหานานแล้ว แกจึงตัดสินใจรวบรวมเงินทั้งหมดที่มีนั่งรถเข้ามาเยี่ยมลูกหลานในเมือง แล้วชวน ออกมาซื้อของ ลูกแกก็ไม่ถามสักคำว่าเงินมีเท่าไหร่ หยิบของเอาๆ แกก็ไม่เคยรู้ราคาของ เพราะอยู่ บ้านนอกก็ซื้อร้านของชำทีห้าบาทสิบบาท ใครจะจะรู้ว่าของในห้างใหญ่เค้าซื้อกันทีละเป็นพัน

เราจ่ายเสร็จเห็นคุณปู่ยังเดินเคว้งอยู่แถวๆนั้น ก็เลยถามแกว่าจะกลับยังไง แกบอกว่าพอขึ้นรถกลับ เป็น ( อ้าว แล้วตังค์ล่ะ เมื่อกี้เห็นจ่ายไปหมดแล้วนี่นา ) แต่ก็ยังลังเลอยู่ กลัวลูกกลับมาตามหาแล้ว ไม่เจอ มือถือก็ไม่รู้เบอร์

เลยตัดสินใจพาคุณปู่ไปที่แผนกประชาสัมพันธ์ประกาศหาลูกค่ะ จากนั้นเราบอกให้รอสักพัก ถ้าลูกไม่มา จริงๆ ให้ไปขึ้นรถที่คิวรถ( ฝากเด็กที่บขส.ค่ะ ว่าให้ย้ำคุณปู่อีกที) พร้อมกับให้เงินแกเป็นค่ารถไว้ค่ะ

จริงๆ อยากรอดูสักพัก แต่พี่สาวไม่ไหวแล้วค่ะ งอแงเหลือเกิน

คุณปู่น้ำตาคลอ

บอกเราว่า “มันคงไม่ทิ้งปู่จริงๆ หรอกนะ นี่ก็ได้ของไปเยอะเหมือนกันถึงจะซื้อได้ไม่หมด ก็เถอะ นี่มันไม่เคยกลับไปหาปูเลย ก็เพราะปู่มันจน ไม่มีสมบัติอะไรให้ ” เราปลอบใจแกไปบอกว่า เดี๋ยวเค้าคงกลับมาน่ะ คงเดินไปดูอย่างอื่นก่อน

เดินกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลยค่ะ หันหลังกลับไปมองเห็นคุณปู่ยังยืนคอตกที่เดิม ในใจคิดวน เวียนตลอดเวลา

…. นี่เค้าทำแบบนี้กับพ่อตัวเองได้ยังไงนะ …

… พ่อไม่มีตังค์พอเนี่ย มันผิดด้วยหรือ? เค้าไม่รู้หรือไงว่า เงินเท่านี้อาจจะเป็นเงินที่คุณปู่เก็บมาทั้ง ชีวิตก็ได้ (คนชนบทจะไปหาเงินจากไหนล่ะ?) …

สงสารคุณปู่ เดินก็ไม่ค่อยจะไหว ผอมแห้ง ตัวเล็กด้วย

อยากจะฝากไปถึงลูกๆทุกคน อยากให้เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อ เป็นแม่ คนที่เลี้ยงเรามาด้วยค่ะ

ที่มา : หนังสืออ่านให้คิด