ประมวล เพ็งจันทร์ กับมุมมองต่อเสียงบ่นช่วย 13 หมูป่า “เปลืองงบแผ่นดิน”
อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ เล่าว่า นั่งแท็กซี่แล้วคนขับบ่นถึงกรณีหมูป่าว่า ทำให้เสียงบประมาณประเทศชาติ อาจารย์จึงแลกเปลี่ยนกับแท็กซี่ว่า ถ้าลองเราตั้งงบสักหนึ่งพันล้านบาท เพื่อทำโครงการประชาสัมพันธ์ความดีงามด้านต่างๆ ของประเทศไทย แล้วให้สื่อต่างๆ ทั่วโลกช่วยเผยแพร่ข่าวนี้ตลอดทั้งวัน ทุกวันต่อเนื่อง งบสักหมื่นล้านคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ทั่วโลกสนใจหันมามอง และได้เห็นว่าในสถานการณ์ยากลำบาก คนไทยมีความสามัคคี มีความดีงามในด้านต่างๆ ขนาดไหน…
“ฝรั่งมีอาการตื่น..ตื่นขึ้นมาจากการเห็นแม่ครัวยืนทำกับข้าวเลี้ยงคนต่อเนื่อง สำหรับบ้านเราการออกโรงทานในงานบุญถือเป็นเรื่องธรรมดามาก ที่จะยืนผัดเส้นหมี่เป็นวันๆ เพื่อเลี้ยงผู้คน ในธรรมดาของพวกเราสามารถทำให้พวกฝรั่งตื่นรู้ขึ้นมา เป็นความธรรมดาที่ดีงาม…
“เมืองไทยและคนไทยยังมีสิ่งที่ดีงามอีกมากมาย ในมิติทางด้านจิตใจและวิถีชีวิตของเรา เป็นความธรรมดาที่พวกเราเคยชิน แต่เมื่อมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นปรากฏขึ้น ความธรรมดาเหล่านี้และความร่วมแรงร่วมใจกันของทุกฝ่าย สะเทือนไปในระดับโลก ดังนั้นเสียงบประมาณเพียงเท่านี้ เพื่อช่วยเหลือน้องน้องออกมา จึงนับว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม…
“อาจารย์กล่าวถึงชาวนาที่ยอมให้น้ำท่วมเข้าไร่นาของตน ความรู้สึกที่ว่า “เราเสียหาย แต่เราไม่โกรธ และเราพร้อมแบกรับ” นี้เป็นความหมายที่ยิ่งใหญ่งดงามที่ชาวไทยและทุกคนได้เรียนรู้ร่วมกัน…
“สำหรับน้องน้องหมูป่า 13 คนอาจารย์บอกว่า ให้นึกภาพถ้าเป็นผู้ใหญ่หรือเป็นเด็กในเมืองไปติดถ้ำ คงแย่ เพราะคนแก่คิดมาก กลัวนั่นกลัวนี่ ถ้ำจึงหมายถึงความหวาดกลัว แต่สำหรับหมูป่า ถ้ำในใจ หมายถึงความรับผิดชอบ ความเป็นเพื่อน การให้กำลังใจซึ่งกันและกัน สิ่งนี้ทำให้เกิดพลัง พลังนี้ยืนยันว่าตลอด 9 วันที่ยังไม่มีคนไปพบน้องๆ เกิดความหมายอะไรในใจขึ้นน้องๆ ที่น้องๆ ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้…
ดังนั้นหากพ่อแม่จะสอนลูกหลาน ควรจะสอนให้ลูกมีหัวใจที่รู้สึกดีที่จะมีชีวิต รู้สึกดีที่จะเผชิญเหตุการณ์ต่างๆ ให้ลูกรู้ว่าเราไม่สามารถจัดการโลกข้างนอกให้เป็นไปตามใจปรารถนา แต่เราสามารถทำใจให้เผชิญความเป็นจริงได้…
ขอบพระคุณแหล่งที่มา : mgronline.com
อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ เล่าว่า นั่งแท็กซี่แล้วคนขับบ่นถึงกรณีหมูป่าว่า ทำให้เสียงบประมาณประเทศชาติ อาจารย์จึงแลกเปลี่ยนกับแท็กซี่ว่า ถ้าลองเราตั้งงบสักหนึ่งพันล้านบาท เพื่อทำโครงการประชาสัมพันธ์ความดีงามด้านต่างๆ ของประเทศไทย แล้วให้สื่อต่างๆ ทั่วโลกช่วยเผยแพร่ข่าวนี้ตลอดทั้งวัน ทุกวันต่อเนื่อง งบสักหมื่นล้านคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ทั่วโลกสนใจหันมามอง และได้เห็นว่าในสถานการณ์ยากลำบาก คนไทยมีความสามัคคี มีความดีงามในด้านต่างๆ ขนาดไหน…
“ฝรั่งมีอาการตื่น..ตื่นขึ้นมาจากการเห็นแม่ครัวยืนทำกับข้าวเลี้ยงคนต่อเนื่อง สำหรับบ้านเราการออกโรงทานในงานบุญถือเป็นเรื่องธรรมดามาก ที่จะยืนผัดเส้นหมี่เป็นวันๆ เพื่อเลี้ยงผู้คน ในธรรมดาของพวกเราสามารถทำให้พวกฝรั่งตื่นรู้ขึ้นมา เป็นความธรรมดาที่ดีงาม…
“เมืองไทยและคนไทยยังมีสิ่งที่ดีงามอีกมากมาย ในมิติทางด้านจิตใจและวิถีชีวิตของเรา เป็นความธรรมดาที่พวกเราเคยชิน แต่เมื่อมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นปรากฏขึ้น ความธรรมดาเหล่านี้และความร่วมแรงร่วมใจกันของทุกฝ่าย สะเทือนไปในระดับโลก ดังนั้นเสียงบประมาณเพียงเท่านี้ เพื่อช่วยเหลือน้องน้องออกมา จึงนับว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม…
“อาจารย์กล่าวถึงชาวนาที่ยอมให้น้ำท่วมเข้าไร่นาของตน ความรู้สึกที่ว่า “เราเสียหาย แต่เราไม่โกรธ และเราพร้อมแบกรับ” นี้เป็นความหมายที่ยิ่งใหญ่งดงามที่ชาวไทยและทุกคนได้เรียนรู้ร่วมกัน…
“สำหรับน้องน้องหมูป่า 13 คนอาจารย์บอกว่า ให้นึกภาพถ้าเป็นผู้ใหญ่หรือเป็นเด็กในเมืองไปติดถ้ำ คงแย่ เพราะคนแก่คิดมาก กลัวนั่นกลัวนี่ ถ้ำจึงหมายถึงความหวาดกลัว แต่สำหรับหมูป่า ถ้ำในใจ หมายถึงความรับผิดชอบ ความเป็นเพื่อน การให้กำลังใจซึ่งกันและกัน สิ่งนี้ทำให้เกิดพลัง พลังนี้ยืนยันว่าตลอด 9 วันที่ยังไม่มีคนไปพบน้องๆ เกิดความหมายอะไรในใจขึ้นน้องๆ ที่น้องๆ ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้…
ดังนั้นหากพ่อแม่จะสอนลูกหลาน ควรจะสอนให้ลูกมีหัวใจที่รู้สึกดีที่จะมีชีวิต รู้สึกดีที่จะเผชิญเหตุการณ์ต่างๆ ให้ลูกรู้ว่าเราไม่สามารถจัดการโลกข้างนอกให้เป็นไปตามใจปรารถนา แต่เราสามารถทำใจให้เผชิญความเป็นจริงได้…
ขอบพระคุณแหล่งที่มา : mgronline.com