ออฟฟิศมีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่อยู่ มีเด็กจบใหม่เข้ามาสมัครงาน ขณะสอบสัมภาษณ์
บริษัท : อยากได้เงินเดือนเท่าไหร่????
วิศวะจบใหม่ : ขอแค่เริ่มต้นตามอัตราจบใหม่ก็พอแล้วครับ
บริษัท : 12,000 บาท น่ะเหรอ????
วิศวะจบใหม่ : ไม่ใช่ครับ ต้อง 15,000 บาท ครับ
บริษัท : ทำไมคุณคิดว่าคุณถึงสมควรได้รับเงินจำนวนนี้ล่ะครับ????
วิศวะจบใหม่ : แหม่พี่ ผมจบ ม. ….. เชียวนะครับ มาตรฐานมหาลัยผมก็รู้กันอยู่ว่าสูงขนาดไหน
บริษัท : ได้ งั้นผมจะให้คุณที่เดือน 18,000 บาทเลย แต่มีข้อแม้นิดเดียว
วิศวะจบใหม่ : ข้อแม้อะไรเหรอครับ?????
บริษัท : คุณลองไปก่ออิฐผนังห้องแข่งกับคนงานพม่าให้ผมดูหน่อยสิ ถ้าวันนี้คุณทำได้สวย และก่อได้มากเหมือนเค้า ผมจะถึงให้เงินเดือนเริ่มต้นคุณ 18,000 บาท
วิศวะจบใหม่ : โถ่ พี่ครับ เทียบกันได้ยังไง นั่นมันคนพม่า นะพี่
บริษัท : แล้วยังไง??? คุณลองไปทำดูก่อน ตอนเย็นผมค่อยตรวจหน้างานดูอีกที
..… จนป่านนี้ ทุกครั้งที่เดินผ่านไซต์งาน ผมก็ยังเห็นไอ้น้องคนนี้ วัดระดับน้ำ กับถือเกียงเคาะปูนอยู่เลย อยากได้เงินสูงๆ ต้องดูประสิทธิภาพของตัวเองด้วยว่าเราได้แค่ไหน บางคนทำงานได้ดีกว่า แต่เค้าไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้ เพียงเพราะเค้าไม่มีหลักประกันความสามารถไปโชว์ให้เจ้านายดูแค่นั้นเอง บางคนจบสถาบันใหญ่ๆ มาก็ใช่ว่าจะเป็นไปซะทุกอย่าง ชีวิตการทำงาน มันอยู่ที่หน้างานจริงๆ ไม่ใช่ในห้องเรียน ประสบการณ์จะเป็นตัวคอยสอนให้เราเรียนรู้เอง ว่าควรจะทำอย่างไรเมื่อเผชิญกับงานจริงๆ ไม่ใช่แค่ในหนังสือ เรียน ความคิดของผม Boyburapha kiddee มหาลัยไม่ได้ให้อะไรคุณเลยนอกจากใบประกาศนียบัตรเพียงหนึ่งใบ ที่มีใว้ให้คุณนำไปสมัครงานเพียงเท่านั้น ระบบการศึกษาระดับมหาลัยกว่า 99% ในโลกนี้ มันถูกออกแบบทำเป็นธุรกิจขององค์กรและกลุ่มคนมีเงิน มันถูกสร้างมาเพื่อให้พ่อแม่คุณนำเงินไปจ่าย แล้วให้คุณไปเรียน เพื่อกระดาษแผ่นเดียวแค่นั้นเอง
อ่านแล้วอย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ และคนรู้จักได้อ่านด้วย เพื่อเป็นข้อคิดให้กับใครอีกหลายๆคนในการทำงาน มันอาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครสักคนที่ได้อ่าน ทำอะไรสักอย่างให้ชีวิตดีขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : ห้องไฟฟ้า (Electrical Room) นายฟรีสไตล์ ninefreestyle.com