อาการเจ็บคอเรื้อรัง
เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย อาการนี้เป็นที่น่ารำคาญแก่ผู้ป่วย
และอาจทำให้ผู้ป่วยต้องไปพบแพทย์หลายคนบ่อย ๆ เนื่องจากไม่หายเสียที
ผู้ป่วยบางรายอาจต้องรับประทานยาต้านจุลชีพ
หลายชนิดเป็นระยะเวลานาน สิ่งสำคัญในการรักษา
คือต้องหาสาเหตุของอาการเจ็บคอเรื้อรังให้พบ
และรักษาตามสาเหตุ อาการผู้ป่วยถึงจะหาย และมีโอกาสน้อยที่จะกลับมาเป็นอีก
การวินิจฉัยสาเหตุของอาการเจ็บคอเรื้อรัง จำเป็นต้องซักประวัติ ตรวจร่างกาย
และทำการตรวจจมูก ไซนัส ช่องคออย่างละเอียด
ส่วนใหญ่แพทย์จะทำการส่องกล้องตรวจจมูก ไซนัส ช่องคอ
เพื่อให้ได้การวินิจฉัยสาเหตุของอาการเจ็บคอเรื้อรังที่ถูกต้อง
สาเหตุของอาการเจ็บคอเรื้อรัง
1.โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ และโรคจมูกอักเสบชนิดไม่แพ้
โรคนี้เกิดจากเยื่อบุจมูกไวผิดปกติ
เมื่อสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นทำให้เยื่อบุจมูกบวม ทำให้คัดจมูกเรื้อรัง
ต้องอ้าปากหายใจ ทำให้เยื่อบุลำคอแห้ง มีอาการเจ็บคอเรื้อรังได้
นอกจากนี้โรคนี้ยังทำให้มีน้ำมูกไหลลงคอ ระคายคอตลอดเวลา
ทำให้มีอาการเจ็บคอเรื้อรังได้เช่นกัน
2.โรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง
โรคนี้จะทำให้มีการอักเสบของเยื่อบุจมูกเรื้อรัง
ทำให้เยื่อบุจมูกบวม มีอาการคัดจมูกเรื้อรัง
ทำให้ต้องหายใจทางปากตลอด เกิดเยื่อบุลำคอแห้ง
มีอาการเจ็บคอเรื้อรังได้ นอกจากนั้นสารคัดหลั่งจากไซนัสและจมูกที่อักเสบที่ไหลลงคอ
จะทำให้มีอาการอักเสบ ระคายเคืองของผนังคอ
ทำให้มีอาการเจ็บคอเรื้อรังได้เช่นกัน
3.การติดเชื้อของลำคอ และ/หรือต่อมทอนซิลเรื้อรัง
เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้มีอาการเจ็บคอเรื้อรัง อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
ซึ่งดื้อต่อยาต้านจุลชีพที่รับประทาน
หรือเกิดจากผู้ป่วยรับประทานยาต้านจุลชีพไม่ครบตามระยะเวลาที่ควรจะเป็น
หรือมีแหล่งของเชื้อโรคอยู่ในช่องปาก เช่น มีฟันผุ หรือโรคเหงือก
นอกจากนั้นการติดเชื้อบางชนิดอาจทำให้เจ็บคอเรื้อรังได้ เช่น
การติดเชื้อราบางชนิด,เชื้อวัณโรค,เชื้อโรคเรื้อน หรือเชื้อซิฟิลิส
อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อดังกล่าวนี้พบได้น้อย
4.โรคผนังช่องคอ และ/หรือสายเสียงอักเสบเรื้อรัง
จากการระคายเคืองจากการสัมผัสกับฝุ่น ควันบุหรี่
อาหารรสจัด เช่น เปรี้ยวจัด เค็มจัด หวานจัด เผ็ดจัด
หรือเกิดจากการใช้เสียงผิดวิธี หรือเกิดจากการไอเรื้อรัง
ทำให้มีการกระแทกกันของสายเสียง และมีการใช้กล้ามเนื้อของผนังคอมากเกินไป
5.โรคกรดไหลย้อน
ซึ่งกรดอาจไหลย้อนขึ้นมาที่ผนังคอ
ทำให้เยื่อบุและกล้ามเนื้อของผนังคอมีการอักเสบ ทำให้มีอาการเจ็บคอเป็น ๆ
หาย ๆได้ นอกจากนั้นผู้ป่วยอาจมีอาการเสียงแหบ กลืนติด กลืนลำบาก
มีเสมหะอยู่ในลำคอ หรือระคายคอตลอดเวลาร่วมด้วย
6.โรคเนื้องอกของคอและกล่องเสียง
เนื้องอกอาจไปกดเบียดเส้นประสาท
ทำให้มีอาการเจ็บคอเรื้อรังได้ นอกจากนั้นผู้ป่วยมักมีอาการ กลืนลำบาก
น้ำหนักลด เบื่ออาหาร อาจมีเสมหะปนเลือด หรือปวดร้าวไปที่หูได้
7.โรคของเส้นประสาทที่มาเลี้ยงบริเวณคอ (neuralgia)
เช่น เส้นประสาทสมองคู่ที่ 9(glossopharyngeal
nerve)ซึ่งอาจมีการกระตุ้น หรือการระคายเคืองของเส้นประสาทดังกล่าว
ทำให้มีอาการเจ็บคอเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆได้อาการปวดมักจะเริ่มจากผนังคอ
แล้วร้าวไปยังหู คอ และศีรษะนานเป็นวินาที มักกระตุ้นโดยการกลืน การหาวนอน
การเคี้ยว และการไอ
8.สิ่งแปลกปลอม
เช่น ก้างปลา กระดูกชิ้นเล็กที่คาอยู่ในผนังลำคอ
ต่อมทอนซิล หรือโคนลิ้น เป็นระยะเวลานาน
จะทำให้บริเวณดังกล่าวอักเสบเกิดการติดเชื้อ ทำให้เจ็บคอเรื้อรังได้
อย่างไรก็ตามสาเหตุนี้พบได้น้อย
การรักษาอาการเจ็บคอเรื้อรัง
รักษาตามสาเหตุ ควรปฏิบัติตนอย่างถูกต้องและเหมาะสม
เช่น ควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ เช่น โจ๊กหรือข้าวต้มที่ไม่ร้อนจนเกินไป
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ดหรือรสจัด
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
หลีกเลี่ยงการใช้เสียงชั่วคราว ควรพยายามทำความสะอาดคอบ่อย ๆ
โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร ด้วยการแปรงฟัน
หรือกลั้วคอด้วยน้ำยาบ้วนปาก,น้ำเกลืออุ่น ๆ หรือน้ำเปล่าหลังอาหารทุกมื้อ
เนื่องจากการที่ไม่รักษาความสะอาดในช่องปากให้ดี
อาจมีเศษอาหารตกค้างในช่องปากและลำคอ ทำให้เจ็บคอมากขึ้นได้
จะเห็นได้ว่าอาการเจ็บคอเรื้อรัง
เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่นโรคของจมูก ไซนัส ลำคอ กล่องเสียง หลอดอาหาร
และกระเพาะอาหาร และพยาธิสภาพ เป็นได้ตั้งแต่โรคธรรมดาที่ไม่อันตราย เช่น โรคภูมิแพ้
โรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง จนถึงโรคที่อันตราย เช่น
เนื้องอกของคอและกล่องเสียง ดังนั้น อย่านิ่งดูดาย
ถ้ามีอาการเจ็บคอเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์หู คอ จมูก
เพื่อหาสาเหตุของอาการดังกล่าว
ที่มา : รศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ภาพประกอบจาก istockphoto
ภาพประกอบจาก istockphoto