สถานที่ที่เชื้อไวรัสติดต่อกันได้ง่ายที่สุด
ก็คงหนีไม่พ้นโรงเรียน หรือที่ทำงาน เพราะเป็นแหล่งที่ผู้คนทั้งเด็ก
หรือผู้ใหญ่ไปรวมตัวกัน แล้วชีวิตอยู่ในสถานที่เดียวกันในแต่ละวันนานที่สุด
ช่วงนี้ได้ข่าวว่ามีการระบาดของ โนโรไวรัส ที่อันตรายต่อเด็ก
และอาจจะลามไปถึงผู้ใหญ่ได้ไม่แพ้กัน อาการเป็นอย่างไร ป้องกันอย่างไร
มาหาคำตอบกันค่ะ
โนโรไวรัส คืออะไร?
โนโรไวรัส หรือชื่อเดิม นอร์วอล์ก Norwalk-like viruses(NLVs) และ small round structured viruses (SRSVs) เป็นไวรัสชนิดหนึ่ง ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วงทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ เมื่อร่างกายรับเชื้อไวรัสชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายแล้ว โนโรไวรัสจะเข้าไปอาศัยอยู่บริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น จึงเป็นผลให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน และเกิดความผิดปกติของการดูดซึมไขมัน และน้ำตาลของลำไส้เล็ก
โนโรไวรัส พบได้ที่ไหน?
โนโรไวรัส มักพบในอาหารที่เสี่ยงติดเชื้อ เช่น หอยนางรม หอยทะเล หอยทาก และน้ำ เชื้อไวรัสติดต่อกันได้ง่ายผ่านมือที่จับสิ่งของ จับอาหาร ดังนั้นเด็กจึงอาจติดเชื้อไวรัสนี้ง่าย เพราะอาจรักษาความสะอาดของมือไม่เพียงพอเท่าผู้ใหญ่
นอกจากนี้ อาหารบางอย่างยังเสี่ยงติดเชื้อจากความไม่สะอาดเพียงพอของผู้ผลิต เช่น แซนวิช สลัด ติดต่อจากการสัมผัสเชื้อด้วยมือต่อๆ กันไป จึงทำให้คนในครอบครัว และกลุ่มเพื่อนใกล้ชิด เสี่ยงติดเชื้อถึงกันได้ง่าย
โนโรไวรัส มีอาการอย่างไร?
ผู้ติดเชื้อโนโรไวรัส จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องร่วง และอาจมีอาการข้างเคียงอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ มีไข้ หนาวสั่น และปวดกล้ามเนื้อ
โนโรไวรัส อันตรายถึงเสียชีวิตหรือไม่?
ความรุนแรงของโนโรไวรัส ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานร่างกายของแต่ละคน โดยปกติหากร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ตามปกติ ก็สามารถหายได้เอง แต่หากมีภูมิต้านทานเชื้อโรคต่ำ หรือไวต่อเชื้อไวรัสเป็นพิเศษ ก็อาจเสี่ยงมีอาการหนัก จนถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน
วิธีป้องกันโนโรไวรัส
ล้างมือให้สะอาดก่อนทานอาหาร หรือหยิบขนมเข้าปาก แม้ว่าจะใช้แอลกอฮอล์หรือเจลล้างมือก็อาจกำจัดเชื้อไวรัสออกไปได้ไม่หมด และการล้างมือแบบผ่านๆ ก็ไม่เห็นผลเช่นกัน ดังนั้นควรล้างมือให้นานยิ่งขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าล้างมือสะอาดจริงๆ เหมือนอย่างที่กุมารแพทย์แนะนำอยู่บ่อยๆ ว่าให้ร้องเพลง “ช้าง” ขณะถูมือไปด้วย จบเพลงค่อยล้างย้ำสะอาด จะช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าล้างมือสะอาดขึ้นแล้วจริงๆ
นอกจากนี้ตามแหล่งน้ำสะอาด เช่น สระว่ายน้ำ ควรเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรค และการาทานอาหารที่ปรุงสุกผ่านความร้อนเกิน 100 องศาเซลเซียส หรือมากกว่า 60 องศาเซลเซียสนานมากกว่า 30 นาที ก็ช่วยฆ่าเชื้อโนโรไวรัสได้เช่นกัน
โดยรวมแล้วแม้จะยังไม่ใช่โรคร้ายแรงที่น่าวิตกกังวล แต่ก็ใช่ว่าคุณ หรือบุตรหลานของคุณจะไม่มีโอกาสติดเชื้อไวรัสขึ้นมาแล้วมีอาการหนักกว่าที่ควรเป็น ดังนั้นการป้องกันโดยการรักษาความสะอาดตั้งแต่แรก ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดค่ะ
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม
โนโรไวรัส คืออะไร?
โนโรไวรัส หรือชื่อเดิม นอร์วอล์ก Norwalk-like viruses(NLVs) และ small round structured viruses (SRSVs) เป็นไวรัสชนิดหนึ่ง ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วงทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ เมื่อร่างกายรับเชื้อไวรัสชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายแล้ว โนโรไวรัสจะเข้าไปอาศัยอยู่บริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น จึงเป็นผลให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน และเกิดความผิดปกติของการดูดซึมไขมัน และน้ำตาลของลำไส้เล็ก
โนโรไวรัส พบได้ที่ไหน?
โนโรไวรัส มักพบในอาหารที่เสี่ยงติดเชื้อ เช่น หอยนางรม หอยทะเล หอยทาก และน้ำ เชื้อไวรัสติดต่อกันได้ง่ายผ่านมือที่จับสิ่งของ จับอาหาร ดังนั้นเด็กจึงอาจติดเชื้อไวรัสนี้ง่าย เพราะอาจรักษาความสะอาดของมือไม่เพียงพอเท่าผู้ใหญ่
นอกจากนี้ อาหารบางอย่างยังเสี่ยงติดเชื้อจากความไม่สะอาดเพียงพอของผู้ผลิต เช่น แซนวิช สลัด ติดต่อจากการสัมผัสเชื้อด้วยมือต่อๆ กันไป จึงทำให้คนในครอบครัว และกลุ่มเพื่อนใกล้ชิด เสี่ยงติดเชื้อถึงกันได้ง่าย
โนโรไวรัส มีอาการอย่างไร?
ผู้ติดเชื้อโนโรไวรัส จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องร่วง และอาจมีอาการข้างเคียงอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ มีไข้ หนาวสั่น และปวดกล้ามเนื้อ
โนโรไวรัส อันตรายถึงเสียชีวิตหรือไม่?
ความรุนแรงของโนโรไวรัส ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานร่างกายของแต่ละคน โดยปกติหากร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ตามปกติ ก็สามารถหายได้เอง แต่หากมีภูมิต้านทานเชื้อโรคต่ำ หรือไวต่อเชื้อไวรัสเป็นพิเศษ ก็อาจเสี่ยงมีอาการหนัก จนถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน
วิธีป้องกันโนโรไวรัส
ล้างมือให้สะอาดก่อนทานอาหาร หรือหยิบขนมเข้าปาก แม้ว่าจะใช้แอลกอฮอล์หรือเจลล้างมือก็อาจกำจัดเชื้อไวรัสออกไปได้ไม่หมด และการล้างมือแบบผ่านๆ ก็ไม่เห็นผลเช่นกัน ดังนั้นควรล้างมือให้นานยิ่งขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าล้างมือสะอาดจริงๆ เหมือนอย่างที่กุมารแพทย์แนะนำอยู่บ่อยๆ ว่าให้ร้องเพลง “ช้าง” ขณะถูมือไปด้วย จบเพลงค่อยล้างย้ำสะอาด จะช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าล้างมือสะอาดขึ้นแล้วจริงๆ
นอกจากนี้ตามแหล่งน้ำสะอาด เช่น สระว่ายน้ำ ควรเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรค และการาทานอาหารที่ปรุงสุกผ่านความร้อนเกิน 100 องศาเซลเซียส หรือมากกว่า 60 องศาเซลเซียสนานมากกว่า 30 นาที ก็ช่วยฆ่าเชื้อโนโรไวรัสได้เช่นกัน
โดยรวมแล้วแม้จะยังไม่ใช่โรคร้ายแรงที่น่าวิตกกังวล แต่ก็ใช่ว่าคุณ หรือบุตรหลานของคุณจะไม่มีโอกาสติดเชื้อไวรัสขึ้นมาแล้วมีอาการหนักกว่าที่ควรเป็น ดังนั้นการป้องกันโดยการรักษาความสะอาดตั้งแต่แรก ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดค่ะ
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม