ลงทุนอะไรดี ให้เหมาะกับเราที่สุด!

 


📣 ลงทุนอะไรดี ให้ได้ดอกเบี้ยมากกว่าธนาคารดีนะ? . . . คำถามนี้ ตอบยากมากครับ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนให้เราศึกษาได้เยอะ แต่เราก็อาจจะยังไม่รู้ว่าจะเริ่มศึกษาจากตรงไหนก่อนดี วันนี้เฮียร์ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลือกการลงทุน มาทำการสรุปรวบรวมไว้ เพื่อที่จะได้ให้ทุกคนได้ศึกษา เข้าใจได้ง่ายๆ มาดูกันเลย


ลงทุนอะไรดี ให้เหมาะกับเราที่สุด!

การลงทุน คืออะไร?

การลงทุน หมายถึง การออมเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น ซึ่งเราจะต้องยอมรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน การตัดสินใจนำเงินออมมาลงทุน เราจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้และเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุน ในตลาดการเงินปัจจุบัน มีทางเลือกสำหรับการลงทุน ให้เราเลือกมากมาย ทั้งสินทรัพย์ทางการเงิน (Financial Assets) ประเภทพันธบัตร หุ้นกู้ หุ้นทุนกองทุนรวมประเภทต่างๆ หรือ สินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Tangible Assets) เช่น ทองคำ ที่ดิน อาคาร เพชรนิลจินดา เครื่องประดับ การมีความรู้ความเข้าใจในสินทรัพย์ที่จะลงทุนจึงมีความสำคัญต่อเรามาก เพราะการลงทุนโดยไม่มีความรู้ หรือไม่เข้าใจในเรื่องของความเสี่ยงและทางเลือกในการลงทุนดีพอ ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด


ตัวเลือกของการลงทุน มีอะไรบ้าง?

ลงทุนอะไรดี ให้เหมาะกับเราที่สุด!
ลงทุนอะไรดี ให้เหมาะกับเราที่สุด!

1. สลากออมสิน เป็นการออมเงินในระยะยาว มีทั้งแบบอายุฝาก 1 ปี และ 2 ปี โดยที่เราจะไม่สามารถนำเงินตรงนั้นมาใช้ได้ เมื่อครบกำหนดเราจะได้รับเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ย (ดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ฝากและผลตอบแทนจากการถูกรางวัล) แถมเราสามารถลุ้นรางวัลได้ตลอดทั้งปีเลย สูงสุด 5,000,000 บาท สลากออมสินพิเศษ 2 ปีหยุดรับฝากชั่วคราวและจะเปิดรับฝากในวันที่ 17 พ.ย. 63 2. หุ้น หุ้น คือ สิทธิ์ในความเป็นเจ้าของกิจการ ยกตัวอย่างเช่น หากเราลงเงินกับเพื่อนคนละครึ่งเพื่อเปิดร้านคาเฟ่ เราจะมีสิทธิ์ในกิจการร้านกาแฟนี้ครึ่งหนึ่ง สิทธิ์นี้เองนี่แหละที่เรียกว่าหุ้น ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็หมายถึงหุ้นส่วนนี่เอง หากต้องการเป็นเจ้าของร้านสะดวกซื้อ เราอาจซื้อหุ้น CPALL เพื่อเป็นเจ้าของร้านสะดวกซื้อชื่อดังอย่างเซเว่นอีเลฟเว่นประเทศไทย หากต้องการเป็นเจ้าของโรงพยาบาล เราก็ซื้อหุ้น BDMS เพื่อเป็นเจ้าของเครือโรงพยาบาลกรุงเทพดุสิตเวชการ เครือโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุด การถือหุ้นไว้ในระยะยาว จะทำให้เราได้รับ "เงินปันผล" แต่ถ้าซื้อมาขายไป จะเป็นในส่วนของ "การเกร็งกำไร" 3. ทองคำ เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย อาจลงทุนในรูปของทองคำแท่งก็ได้ แต่จะมีความเสี่ยงในการสูญหาย จากการโดนขโมย หรือจะลงทุนแบบออมทองก็ดี เพราะไม่ต้องใช้เงินก้อน ป้องกันทองหายได้ดี ลดความเสี่ยงจากการหาย และขโมยขึ้นบ้านไปได้เป็นอย่างดีที่เดียว หรืออีกทางเลือกคือ กองทุนรวม เหมาะกับคนที่มีเงินน้อย สามารถแบ่งซื้อกองทุนทองคำได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อแต่ละครั้ง ไม่ต้องซื้อทองคำครั้งละ 1 บาทเพราะซื้อได้ต่ำสุดครั้งละ 1,000 บาท แบ่งซื้อขายได้เป็นหน่วยเล็กๆ 4. สลาก ธ.ก.ส. เป็นการออมเงินในระยะยาวเช่นเดียวกับสลากออมสิน มีทั้งแบบอายุฝาก 2 ปี และ 3 ปี ลุ้นรางวัลใหญ่ 10,000,000 บาท 5. อนุพันธ์ (Derivatives) คือ สัญญาทางการเงินที่ทำขึ้นในปัจจุบัน เพื่อตกลงซื้อขาย หรือให้สิทธิในการซื้อขาย “สินค้าอ้างอิง” ในอนาคต พูดง่ายๆ คือ “ผู้ซื้อ” และ “ผู้ขาย” ทำสัญญาตกลงกันวันนี้ว่าจะซื้อหรือขายสินค้าอ้างอิงจำนวนกี่หน่วย ที่ราคาเท่าใด แล้วจะส่งมอบและชำระราคากันเมื่อใด 6. ประกันออมทรัพย์ เป็นประกันชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งที่เน้นการออมเงิน พร้อมรับความคุ้มครองไปพร้อมๆ กัน เมื่อเราส่งเบี้ยประกันครบตามระยะเวลาที่ระบุในกรมธรรม์ ประกันชีวิตก็จะจ่ายเงินคืนให้เรา โดยมีทั้งแบบจ่ายคืนเป็นเงินก้อนครั้งเดียว หรือแบบมีเงินคืนระหว่างทางตลอดสัญญาก็ได้ และถ้าเราเสียชีวิตระหว่างที่ส่งกรมธรรม์ คนข้างหลังเราก็จะได้รับเงินก้อนที่เรียกว่า “จำนวนเงินเอาประกัน” ตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญากรมธรรม์ 7. สลากกินแบ่งรัฐบาล เชื่อว่าหลายคน คงรู้จักกันเป็นอย่างดี หรืออีกชื่อคือ หวย เป็นสลากที่รัฐบาลนั้นจัดทำขึ้นเพื่อขายแก่นักเสี่ยงโชค ด้วยราคาเพียง 80 บาท หากหมายเลขที่เราซื้อตรงกับรางวัลที่ออก เราจะสามารถไปขึ้นเงินรางวัลได้ รางวัลที่หนึ่ง 6,000,000บาท 8. ตราสารหนี้ คือ ตราสารทางการเงินที่ผู้ถือ (ผู้ลงทุน) มีสถานะเป็นเจ้าหนี้ และผู้ออกมีสถานะเป็นลูกหนี้ โดยเจ้าหนี้จะได้รับผลตอบแทนในรูปของ “ดอกเบี้ย” อย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ และได้รับ “เงินต้น” คืนเมื่อครบกำหนดอายุ ตัวอย่างตราสารหนี้ที่พบเห็นทั่วไป เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้เอกชน 9. กองทุนรวม คือ เครื่องมือในการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่อยากจะนำเงินมาลงทุนในตลาดเงินตลาดทุน แต่ติดด้วยปัญหาหลายอย่าง ที่ทำให้การลงทุนด้วยตนเองไม่สามารถได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ต้องการ เช่น 1. มีเงินลงทุนจำกัด ไม่สามารถกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเภทได้มากพอ เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน 2. ไม่มีประสบการณ์ ความรู้ ความชำนาญในการลงทุน 3. ไม่มีเวลาจะศึกษา ค้นหา และติดตามข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจการลงทุน 10. การเล่นแชร์ คือ การกู้เงินระยะสั้นภายในหมู่คนรู้จักกัน เป็นเหมือนแหล่งเงินทุนของคนสมัยก่อนที่คนส่วนใหญ่ยังเข้าถึงสถาบันการเงินได้ยาก โดยคนแรกๆ ที่เปียไปนั้นถือเสมือนเป็นผู้กู้ ส่วนคนหลังๆ ก็เสมือนเป็นผู้ปล่อยกู้นั่นเอง สมมติว่า 100,000 บาท ก็จะเรียกระดมทุนจากคนรู้จัก เช่น รวมกัน 10 คนตั้งเป็นวงแชร์ขึ้นมา โดยลงเงินเริ่มต้นคนละ 10,000 บาท หลังจากนั้นทุกๆ เดือน ลูกแชร์ที่เหลือจะผลัดกันประมูลเพื่อแย่งกันยืมเงินก้อนใหญ่บ้าง หรือเรียกว่า "เปียแชร์" นั่นเอง โดยใครเสนอดอกเบี้ยให้สูงสุดก็จะชนะในเดือนนั้นไป เช่น ถ้าเดือนแรกมีลูกแชร์เปียมา 3 ราย ที่ 200, 250, 350 บาทตามลำดับ คนที่ประมูลเสนอผลตอบแทน 350 บาทก็จะได้เงินจากทุกคนๆ ละ 10,000 เท่ากับ 100,000 ไปในงวดนั้น แต่มีข้อแม้ว่าในเดือนต่อๆ ไป แทนที่ลูกแชร์คนนั้นจะลงขันเดือนละ 10,000 บาทเท่ากับคนอื่นที่ยังไม่เคยเปียได้ ก็ต้องลงขันเดือนละ 10,350 บาททุกงวดจนกว่าจะครบกำหนดสัญญา โดยจำนวนเงิน 350 บาทนี้ถือเป็นค่าตอบแทนหรือดอกเบี้ย ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนครบสิบงวด ดังนั้น จะเห็นว่าในงวดถัดๆ ไป คนที่เปียแชร์ได้ก็จะยิ่งได้เงินสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นจากคนที่เปียไปแล้วในงวดก่อนๆ ที่ต้องจ่ายเพิ่มให้ทุกเดือน เมื่อถึงงวดสุดท้าย คนสุดท้ายที่ยังไม่ได้เปียจะไม่มีคู่แข่งเลย คนคนนี้จะเปียไปที่ราคา "ศูนย์บาท" หรือเท่ากับว่าคนนี้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยให้คนอื่นเลยและยังได้ผลตอบแทนจากคนอื่นๆ ไปมากที่สุดในวงอีกด้วยตลอดทางที่ผ่านมา การเล่นแชร์นั้นไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่หากไม่ได้ทำอะไรเกินกว่าที่ พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.2543 ให้การคุ้มครองไว้