แจกสูตร “น้ำข้าวโพด” ช่วยบำรุงสายตาให้กลับมาดีเหมือนใหม่ อร่อยด้วย

ข้าวโพด เป็นพืชล้มลุกที่สามารถปลูกขึ้นได้ง่าย สามารถหารับประทานทั่วไปได้ แต่คุณทราบกันหรือไม่ว่า เมื่อกินข้าวพูดบ่อยๆแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเรามากขนาดไหน

น้ำข้าวโพดดีอย่างไรใครรู้บ้าง

น้ำข้าวโพดนั้นมีส่วนช่วยในเรื่องของการบำรุงสายตาให้ยอดเยี่ยม เพราะมีสารเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยในเรื่องของการลดอัตราการเสื่อมของลูกตา อีกทั้งยังป้องกันในเรื่องของการเป็นโรคต้อกระจกตาได้อีกด้วย ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ความเสี่ยงในเรื่องของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ เมื่อรู้แล้วอย่างนี้ อย่าลืมที่จะมากินข้าวโพดกันนะคะ ซึ่งวันนี้ทางเพจได้คิดก็คิดได้ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทำน้ำข้าวโพดง่ายๆมาฝากกันค่ะ ราคาประหยัดอีกด้วย

สิ่งที่ต้องเตรียม

1. ข้าวโพดต้มสุก (เฉพาะเมล็ด) 500 กรัม

2. นมจืด 200 มิลลิลิตร

3. น้ำดื่ม 1 1/2 ลิตร

4. น้ำเชื่อม หรือน้ำผึ้ง ปริมาณตามชอบ

5. เกลือป่น เล็กน้อย

วิธีทำน้ำนมข้าวโพด

1. ใส่เมล็ดข้าวโพดลงในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำสะอาด 1/2 ลิตร

2. กรองด้วยผ้าขาวบาง หรือกระชอนก็ได้

3. ใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้

3. ใส่น้ำที่เหลือลงในหม้อ ตามด้วยเนื้อข้าวโพดปั่น ต้มจนเดือด และมีกลิ่นหอม

4. เติมนมสดลงต้ม ตามด้วยน้ำเชื่อม (ชิมรสความหวานตามชอบ) และเกลือป่น คนผสมให้เข้ากันจนเดือดอีกครั้ง ยกลงจากเตา กรองเอาเฉพาะน้ำ ทิ้งไว้จนอุ่น ตักใส่แก้ว พร้อมดื่ม

น้ำนมข้าวโพดนั้นมีประโยชน์มากมายนะคะ แถมกลิ่นหอมอีกด้วย อย่าลืมลองทำดื่มกันนะคะ

ประโยชน์โดยรวมของน้ำนมข้าวโพด

มีกากใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำจำนวนมาก จึงช่วยให้ทำให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น อาการท้องอืดน้อยลง ส่งผลให้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ได้ในระยะยาว

สรรพคุณที่เด่นชัด

น้ำนมข้าวโพดนั้น มีประโยชน์มากมาย แต่ที่เด่นชัดมากที่สุด คือ มีส่วนในการช่วยต่อต้านการเป็นโรคมะเร็งได้ดี เนื่องจากว่า ในข้าวโพดนั้น มีสารที่ช่วยสร้าง โรดอปซิน ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้ จึงทำให้สามารถชะลอความเสื่อมของเซลล์ส่วนต่างๆ ของร่างกาย อันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคมะเร็งได้นั่นเอง

ป้องกันโรคหัวใจ เนื่องจากกากใยอาหารที่มีในปริมาณสูง ทำให้สามารถดัดจับคลอเรสเตอรอลในตับ และขับออกจากร่างกายด้วยระบบขับถ่าย จึงสามารถช่วยรักษาความดันโลหิตให้เป็นปกติ และส่งผลให้หลอดโลหิตหัวใจแข็งแรง เพราะหลอดโลหิตทำงานได้ดีจึงไม่ต้องสูบฉีดแรงกว่าปกติ

เรียบเรียงโดย : Postsara

ขอขอบคุณ : ครัวป้ากิ๊ก, อร่อยพุง, pattanainterfoods