Home »
ทั่วไป
»
เด็กในครัว “ให้ข้าวเหลือแก่ขอทาน” ถูกไล่ออก แต่หลังผ่านไปแค่ 3 วัน ประธานบริษัทต้องกลับมาเชิญเขากลับไปทำงานใหม่
เด็กในครัว “ให้ข้าวเหลือแก่ขอทาน” ถูกไล่ออก แต่หลังผ่านไปแค่ 3 วัน ประธานบริษัทต้องกลับมาเชิญเขากลับไปทำงานใหม่
เรามาหาคำตอบจากบทความนี้กันเลยดีกว่าว่า ทำไม? เด็กในครัว
“ให้ข้าวเหลือแก่ขอทาน” จึงถูกไล่ออก
โดยเรื่องนี้เรื่องราวที่มาจากเว็บไซต์ต่างประเทศ และเรื่องมีอยู่ว่า…
“โจ”
เป็นเด็กบ้านนอกที่มาทำงานเป็นผู้ช่วยพ่อครัวอยู่ในโรงแรมในเมือง
วันนี้แขกออกจากร้านไปหมดแล้ว โจกำลังจัดการกับอาหารที่เหลือในครัว
เขาเห็นหญิงชราคนหนึ่งมาด้อมๆ มองๆ มาขออาหารกิน แกบอกว่าแกไม่ได้กินอะไรมา
1 วันเต็มๆ แล้ว
โจเป็นเด็กใจดี
เห็นข้าวที่เหลือจะทิ้งก็สู้ให้หญิงชรากินดีกว่า
ยายแก่ก็เลยเอ่ยปากขอบใจเขาไม่หยุด แล้วก็ยื่นชามขอข้าวของแกให้โจ
เขาตักใส่ให้จนเต็ม แล้วก็เอาถุงพลาสติกจะใส่หมั่นโถวให้แกเอาไปกินด้วย
แต่เป็นตายยังไงหญิงชราก็ไม่ยอมรับ แกบอกว่าแค่ข้าวที่เหลือก็พอแล้ว
ตอนที่หญิงชราจะเดินจากไป
ผู้จัดการใหญ่ก็เข้ามาพอดี แล้วก็เอาข้าวในชามของยายแก่ไปเทใส่ถังขยะ
เขายอมเททิ้ง แต่ไม่ยอมให้คนอื่นเอาไปกิน แถมยังด่าว่าโจ:
โรงแรมทำธุรกิจเพื่อหาเงิน ไม่ใช่เพื่อเอาไปแจกให้ขอทาน
โจพูดตอบไปด้วยอารมณ์:
ก็แค่ข้าวเหลือๆ 1 ชาม ทิ้งไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรนี่ครับ
อีกอย่างยายแกก็ไม่ได้มาทุกวัน ก็แค่วันนี้ผ่านมาแค่นั้น
งั้นข้าวที่เหลือนี่คิดเป็นเงินเท่าไหร่ ผมจ่ายเอง ผู้จัดการด่าเสียงดัง
แล้วโยนเงิน 5,000 ลงพื้น: แกยังกล้ามาเถียงชั้นเรอะ รีบๆ
เก็บข้าวของของแกออกไปจากร้านเลย แกโดนไล่ออกแล้ว นี่เงินเดือนเดือนนี้
โจเก็บเงินขึ้นมา
แล้วหยิบชามข้าวของหญิงชรา ไปตักข้าวสวยใหม่มาหนึ่งชาม
ราดด้วยกับข้าวสำหรับพนักงาน หยิบเงินออกมา 500
ก่อนจะโยนไปข้างหน้าผู้จัดการ: คนต่ำๆ ก็จะมองแต่อะไรต่ำๆ ชามนี้ผมจ่ายเอง
หญิงชราไม่ยอมขยับ โจก็เลยบอกว่า: ยายจ๊ะ รีบๆ กินเถอะ เดี๋ยวเย็นหมด ผมยังมีมือมีเท้า ไปทำงานที่ไหนก็ได้
โจมาเมืองนี้เพื่อทำงานที่นี่ได้หกเดือนกว่าแล้ว
พ่อแม่เขาก็อายุมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนน้องสาวกำลังเรียนหนังสือ
ทางบ้านมีความต้องการใช้เงิน โจเร่ร่อนอยู่ข้างถนน
ด้วยเงินไม่กี่พันในกระเป๋า เขาเสียดายเงินไม่กล้าเอาไปเช่าโรงแรมนอน
ตกกลางคืนอากาศเย็นๆ ก็เข้าไปหลบนอนในโถงโรงพยาบาล ทำอย่างนี้มา 2 คืนแล้ว
ตอนนี้เป็นช่วงปลายปี
แต่โจไม่มีแผนจะกลับบ้าน เหตุผลหนึ่งก็เพราะเขาต้องการประหยัดเงิน
อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะต้องการหางาน เก็บเงินให้ได้สักก้อน วันที่ 3 อยู่ดีๆ
มือถือเขาก็ดังขึ้น คนที่โทรมาคือประธานโรงแรมที่เขาเคยทำงาน
บอกให้เขาบอกว่าอยู่ตรงไหน
10
นาทีต่อมาประธานใหญ่ก็ขับรถหรูมารับโจไปที่โรงแรม
แล้วจ้างเขาเป็นเชฟใหญ่ด้วยเงินเดือน 1 แสน โจรู้สึกเหมือนตัวเองฝันไป
ไม่กล้าเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง
ที่แท้ หลายวันก่อน
ตอนที่โจยังเป็นผู้ช่วยพ่อครัว อยู่ดีๆ
เชฟใหญ่ก็ปวดท้องจนแม้แต่ยืนก็แทบจะไม่ไหว
แต่ลูกค้าก็ยังสั่งอาหารเข้ามาไม่ขาดสาย เชฟคนอื่นก็กำลังยุ่ง
โจเลยใช้ความกล้า ทำอาหารออกไปหลายเมนู โจเคยเรียนในโรงเรียนเทคนิคมา 2 ปี
บวกกับเวลา 6 เดือนที่เข้ามาเรียนรู้สังเกตที่นี่
นึกไม่ถึงว่า
อาหารสองเมนูที่เขาทำพอดีไปเสิร์ฟที่โต๊ะของลูกค้าประจำ
ตอนนั้นเหล่าลูกค้าพากันพูดชมไม่หยุดปาก
คิดว่าโรงแรมมีเชฟชื่อดังคนใหม่เข้ามาทำงาน
วันนี้เหล่าเถ้าแก่แขกประจำกลุ่มนั้นก็กลับมาที่ร้านอีกครั้ง
แล้วก็ต้องการสั่งเมนูเหล่านั้นอีก
แต่กลับไม่ใช่รสชาติที่ต้องการ
ก็เลยโทรหาประธานโรงแรม ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร หรือต้องให้เงินสูงแค่ไหน
ก็ต้องหารสชาตินั้นกลับมาให้ได้ พอประธานรู้ว่า โจคือคนที่ปรุงอาหาร
และโดนผู้จัดการไล่ออกไปแล้ว เขาก็เลยปลดผู้จัดการไปทำตำแหน่งยามแทน
โจทำอาหารด้วยหัวใจ
เมื่อลูกค้าประจำกลุ่มนั้นกินเข้าไป ก็พร้อมใจกันยกนิ้วโป้งให้ประธาน
แล้วว่า: กี่ปี่แล้วก็ไม่รู้ ที่ไม่ได้กินอาหารอร่อยขนาดนี้
มีคนมีฝีมือขนาดนี้ คุณไม่รู้จักเอามาใช้ ไม่อย่างนั้นยกให้ผมดีกว่า
ผมจะให้เขามาเป็นพ่อครัวส่วนตัว
ประธานหัวเราะแหะๆ:
จะเอาไปครอบครองคนเดียวไม่ได้หรอกครับ อยากกินก็มาที่โรงแรมก็แล้วกัน
ผมเลี้ยงเอง โจขยันขันแข็งในการทำงาน ตรุษจีนก็ไม่กลับบ้าน แต่โอนเงิน 2.5
แสนไปให้พ่อแม่แทน
***ทุกภาพเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น***
แหล่งที่มา: liekr