Home »
ทั่วไป
»
จงภูมิใจใน “ความแก่” ถ้าไม่แน่ก็ไม่อยู่…จนแก่ได้
จงภูมิใจใน “ความแก่” ถ้าไม่แน่ก็ไม่อยู่…จนแก่ได้
จงภูมิใจ เมื่อใคร เรียกไอ้แก่
ถ้าไม่แน่ กูไม่อยู่ จนแก่ได้
เห็นคนหนุ่ม ไม่ทันแก่ ก็ตายไป
จงภูมิใจ เอาไว้ อย่าได้เคือง
เมื่อก่อนมา ใครๆ ก็เรียกพี่
ฟังดูดี สดชื่น ระรื่นหู
มาวันนึง เรียกลุงๆ รีบหันดู
มันเรียกกู แน่ๆ แหม๋ ต๊กใจ
คำก็แก่ สองคำ ว่ากูแก่
ถ้าไม่แน่ อยู่จนแก่ กันได้ไหม
ไม่ทันแก่ เห็นลาโลก ไปหลายราย
จงภูมิใจ ใช่แก่กัน ได้ทุกคน
ก่อนจะแก่ เร่งสร้างบุญ กุศลไว้
เอาไว้ใช้ ยามเมื่อตาย กลายเป็นผี
ก่อนจะแก่ จงเร่งทำ แต่กรรมดี
ม้วยชีวี บุญ-กรรมดี ส่งผลเอย
อายุก็เริ่มมากแล้ว ไม่มี เป้าหมายชีวิต ควรทำอย่างไรดี
อายุเกือบจะ 40 แล้ว ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร อยู่ไปวัน ๆ ไม่มี
เป้าหมายชีวิต กลายเป็นคนเก็บตัว ขาดความมั่นใจ จะทำอย่างไรดีคะ
พระอาจารย์ ดร.พระมหาบวรวิทย์ รตนโชโต ตอบปัญหาเรื่องการ ไม่มีเป้าหมายชีวิต ไว้ว่า
ตอบ: อายุ 40 ปี ถือว่าเกินครึ่งของอายุขัยแล้ว
แต่ยังค้นหาตัวตนไม่เจอก็นับว่าน่าเห็นใจ
ให้ลองพิจารณาดูว่าตนเองชอบทำอะไร
และมีความสุขกับการทำสิ่งใดและที่ผ่านมาเรามีความถนัดในเรื่องใด
คนเราย่อมมีความชอบ
มีความถนัดในบางสิ่งบางอย่างไม่มากก็น้อย
ให้ลองทำสิ่งนั้นจากน้อยไปหามาก
สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้างก็ไม่เป็นไร
ทำแล้วทำอีก จะปล่อยวันเวลาให้ล่วงเลยไปโดยไม่ทำอะไรเลยก็กระไรอยู่
ชีวิตนี้น้อยนัก ประดุจดังน้ำค้างบนยอดหญ้า
ฟองแห่งน้ำ เปลวแดด พบกันเดี๋ยวเดียวก็พรากจากกันไป
ต่างคนต่างต้องลาโลกไปทั้งสิ้น
มีสิ่งใดที่ดีก็ควรรีบทำ
หากไม่รีบทำอาจไม่มีโอกาสทำก็เป็นได้
หลักในการค้นหาตัวเองและนำพาไปสู่ความสำเร็จอย่างสมบูรณ์
และยั่งยืนที่พระพุทธองค์ตรัสไว้คืออิทธิบาท 4
คือหนทางนำไปสู่ความสำเร็จสมประสงค์ทุกสิ่งทุกประการ
และสามารถทำตนให้มีคุณค่า ประกอบไปด้วย
1.ฉันทะ มีความรักและชอบใจในสิ่งนั้น ๆ
2.วิริยะ มีความเพียรพยายามลงมือทำในสิ่งนั้นอย่างเต็มกำลัง
3.จิตตะ มีความกระตือรือร้นจดจ่อในสิ่งที่ทำอยู่อย่างไม่ลดละ
4.วิมังสา ตรวจสอบตรวจทานในสิ่งที่ทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ
นั่นคือมีการวัดผลประเมินผล ให้เห็นจุดด้อยจุดเด่น หาข้อบกพร่องในสิ่งนั้น ๆ แล้วพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ต้องมีหลักแห่งความสำเร็จนี้อย่างสม่ำเสมอ เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ท้อไม่ทิ้งเมื่อเจอปัญหาและอุปสรรค ทำแล้วทำอีกจนกว่าจะประสบความสำเร็จ
หากมองกันตามความเป็นจริงแล้ว มนุษย์ปุถุชนแทบทุกคนยังไม่สามารถค้นพบตัวตนที่แท้จริงได้ ทั้ง ๆ ที่ความแก่ความเจ็บ ความตายกำลังบดขยี้อยู่ก็หารู้ตัวไม่ ปล่อยให้ความโลภ
ความโกรธ ความหลงเข้าครอบงำข่มขี่ใจอยู่ตลอดเวลา วันแล้ว
วันเล่า ปีแล้วปีเล่า ชาติแล้วชาติเล่า ส่วนพระอริยบุคคลนั้นท่านค้นพบความจริงทั้งภายนอกภายใน รู้แจ้งเห็นจริง มีจิตใจที่มั่นคงหนักแน่น แกล้วกล้าอาจหาญ เป็นอิสระจากอาสวกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้ ท่านจึงไม่หวาดหวั่นต่อภัยอันตรายใด ๆ