ทุกข์จากคนไร้สัญชาติ! สาวสะอื้น 25ปีไร้อิสระการเดินทาง ได้เกียรตินิยม ม.ดังแต่เหมือนไร้ความหมาย หมดโอกาสเข้าทำงานบริษัทดัง-หมดโอกาสคว้าทุนต่างประเทศ

มุมมืดของคนไร้สัญชาติ กลายเป็นคนชายขอบ หรือผู้ด้อยโอกาสที่ไม่ได้รับการคุ้มครองรับรองตามกฎหมายไทย ต้องขาดโอกาสดีๆ อะไรในชีวิต ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวสาววัย 25 ปี ที่มีต้นกำเนิดมาจากรัฐฉาน (ไทใหญ่) ประเทศพม่า แต่มาเกิดที่หมู่บ้านหนึ่ง ใน อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน จึงทำให้เธอไม่มีสัญชาติใดๆ ทั้งไทยและพม่าตั้งแต่ลืมตาดูโลก และไม่มีใบเกิด รวมถึง พ่อ แม่ ที่หันมาตั้งรกรากที่ จ.แม่ฮ่องสอน กว่า 30 ปี ก็เป็นคนไร้สัญชาติด้วย
ซึ่งเมื่อเธอเติบโตได้ไม่กี่ปี พ่อกับแม่ก็ย้ายรกรากมาขายแรงงานแลกเงิน ทำงานก่อสร้างใน จ.เชียงใหม่ อาศัยในเพิงพักคนงานที่สร้างด้วยสังกะสีรอบด้าน เธอเปิดใจกับทีมข่าวฯ ถึงเรื่องราวทุกข์โศกจากการไร้สัญชาติไทย ที่ไม่เคยลบได้จากความทรงจำ

ชีวิตขาดโอกาส ตั้งแต่การเข้าชั้นอนุบาล

“หนูใช้ชีวิตลำบากมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก เข้าเรียนอนุบาลก็ไม่ได้ เพราะไม่มีเอกสารอะไรเลย ทำให้สมัครเรียนไม่ได้ จึงทำให้หนูไม่เคยมีโอกาสได้เรียนอนุบาล เรียนแค่ ป.หนึ่ง เพียงหนึ่งเทอม แล้วขึ้น ป.สองเลย เพราะอายุมากกว่าเด็กปกติแล้ว เป็นภาพที่จำฝังใจ รู้สึกว่าอยากเรียนมากๆ ตอนเห็นเพื่อนๆ ที่อายุเท่ากันได้เรียนหนังสือกัน ได้ใส่ชุดนักเรียน ได้ไปโรงเรียน” เธอย้อนเล่าช่วงชีวิตในวัยเด็ก
แต่ถือว่าเธอโชคดีเมื่อย้ายมาเรียน จ.เชียงใหม่ ก็มีครูไทยคนหนึ่งช่วยให้เข้าเรียนโรงเรียนได้ แต่ก็พบอุปสรรคปิดกั้นโอกาส เพราะไม่สามารถกู้เรียนเหมือนคนอื่น แต่ด้วยความไม่ย่อท้อต่อชะตาชีวิต เธอทำงานในวันเสาร์-วันอาทิตย์ ส่งตัวเองเรียน และขอทุนการศึกษา ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจนเรียนจบระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยเกรด 3.58 คณะบริหารธุรกิจ สาขาบัญชี ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญเงิน

2 สิ่งสำคัญ ต้องพกติดตัว ยามออกพื้นที่ข้ามจังหวัด

การไร้สัญชาติ มีข้อจำกัดกับการใช้ชีวิตในหลายมิติ การมีตัวตนในสังคมไทยจะต้องไปติดต่อที่อำเภอ เพื่อขอบัตรสีชมพู หรือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย และหากต้องเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดของตัวเอง ก็ต้องมีหนังสืออนุญาตให้ออกนอกเขตควบคุมเป็นการชั่วคราว เธอบอกกับทีมข่าวฯ ถึงขั้นตอนการขอหนังสืออนุญาตออกนอกเขตควบคุมเพื่อมาเรียนที่เชียงใหม่ว่า ทุกปีต้องกลับมาขออนุญาตที่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
“ต้องไปติดต่อทำเรื่อง 1-2 วัน ก่อนเดินทางออกนอกจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนการขอออกมาเรียนที่เชียงใหม่ จะมีเอกสารให้เซ็น มีระยะเวลา 1 ปี ปิดเทอมก็ต้องกลับมาขอใหม่ทุกปี หากต้องการไปจังหวัดอื่น ก็ต้องกลับไปขอเอกสารออกนอกพื้นที่จาก จ.แม่ฮ่องสอน ก่อน หากไม่ขอ เจอตำรวจขอตรวจ ก็จะถูกส่งกลับแม่ฮ่องสอน”

ยกเลิกสัญญาจ้าง หมดโอกาสทำงานบริษัทยักษ์ใหญ่

ด้านการสมัครเข้าทำงานก็มีข้อจำกัด ไม่สามารถไปสมัครกับบริษัทที่ใหญ่โตได้ เพราะไม่มีนโยบายรับคนไร้สัญชาติเข้าทำงาน ซึ่งเธอจำเหตุการณ์นั้นได้ดี เมื่อครั้งจบการฝึกงาน ผู้ตรวจสอบบัญชี แล้วสอบเข้าทำงานต่อได้ โดยผ่านการสอบทุกอย่างแล้ว แต่เมื่อบริษัทมาตรวจเอกสารแล้วรู้ว่าไม่มีสัญชาติไทย บริษัทก็ขอยกเลิกสัญญาจ้างงานที่ตกลงกันไว้แล้ว โดยให้เหตุผลว่า บริษัทต้องถูกตรวจสอบจากหน่วยงานภาครัฐ การไร้สัญชาติไทยทำให้ไม่สามารถเข้าไปสู่ในระบบของบริษัทได้
“เสียใจ แต่ก็เตรียมใจไว้ส่วนหนึ่งแล้ว เพราะมันคงยาก กับการที่จะได้มีโอกาสทำงานในบริษัทใหญ่ๆ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า
แต่เธอก็มีความโชคดีอีกครั้ง เมื่อได้รับโอกาสเข้าทำงานตำแหน่ง พนง.บัญชี ของห้างหุ้นส่วนหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ทั้งๆ ที่ไร้สัญชาติ บรรยากาศการทำงานดูแลกันดุจคนในครอบครัว โดยไม่ได้สนใจว่าเธอจะมีสัญชาติไทยหรือไม่ ซึ่งบุคคลที่ยื่นโอกาส เป็นบุคคลเดียวกันกับที่ให้ความช่วยเหลือเธอมาตั้งแต่ตอนเรียนหนังสือ เมื่อเรียนจบก็รับเข้าทำงาน เงินเดือนตามวุฒิ ป.ตรี คือ 15,000 บาท
ในชีวิตการทำงาน นอกจากต้องกลับไปขอใบอนุญาตออกนอกพื้นที่จากจังหวัดแม่ฮ่องสอนเพื่อมาทำงานที่เชียงใหม่ทุกปีแล้ว ยังต้องขอใบอนุญาตทำงานจากกรมการจัดหางาน จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีอายุ 2 ปี แต่ในระหว่างนี้ก็ต้องไปรายงานตัวกับกรมการจัดหางาน จ.เชียงใหม่ ทุกๆ 6 เดือนด้วย และการจะมีสมุดบัญชีธนาคารนั้น เธอบอกว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากมาก เพราะต้องใช้เอกสาร ทั้งใบอนุญาตออกนอกพื้นที่ และใบอนุญาตทำงาน ซึ่งถ้าไม่มีก็ต้องให้นายจ้างมารับรอง

หมดสิทธิ์ชิงทุนเรียนต่างประเทศ ป่วยรักษาฟรีในจังหวัด บัตรสีชมพูเท่านั้น

กรณีหากเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยล่ะ ต้องทำอย่างไร... เธอตอบคำถามนี้กับทีมข่าวฯ ว่า คนไร้สัญชาติเช่นเธอ ไม่มีสิทธิ์รักษาเหมือนคนอื่นๆ ต้องจ่ายเงินเองทั้งหมด แต่ตอนนี้นับว่าโชคดีที่มีสิทธิ์บัตรทอง 99 สามารถรักษาฟรีได้ แต่ต้องกลับมารักษาในจังหวัดที่มีชื่อตามบัตรสีชมพูเท่านั้น
“หากป่วย และไม่อยากเสียเงิน ก็ต้องนั่งรถกลับมารักษาที่ จ. แม่ฮ่องสอน การไม่มีสัญชาติทำให้หนูต้องสูญเสียย่า เพราะย่าไม่มีสัญชาติ และกำลังจะสิ้นใจ เขาจึงไม่อยากให้อยู่ รพ.ต่อ อยากให้กลับมาสิ้นใจที่บ้านมากกว่า”
นอกจากนี้ การไร้สัญชาติไทยยังทำให้ชีวิตเธอขาดโอกาสดีๆ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นคือ ไม่สามารถขอทุนการศึกษาเกี่ยวกับการไปเรียนต่างประเทศได้ ซึ่งเป็นทุนที่ให้ไปศึกษา หรืออบรมระยะสั้นๆ เช่น แลกเปลี่ยน 1 ปี หรือไปดูงานในต่างประเทศ ซึ่งเธอบอกกับทีมข่าวฯ ว่า เป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในชีวิต

ความหวังเดียวของคนไม่มีสัญชาติ คือ การได้สัญชาติไทย

กับความพยายามในการขอสัญชาติไทย ตั้งแต่ปี 2556 จากการแนะนำของกำนัน และอาจารย์ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอรีบติดต่อกรอกเอกสาร ตรวจลายนิ้วมือ ยื่นคำร้องไว้ที่ จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีเลข 13 หลักที่ขึ้นต้นด้วยเลข 6 ซึ่งถือว่าอยู่ในกระบวนการที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว จนถึงวันนี้ผ่านมาเกือบ 6 ปี ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้สัญชาติไทยหรือไม่ ถึงเธอรู้สึกท้อมากๆ แต่ก็เข้าใจกระบวนการว่ามันยาก และต้องใช้เวลา เหตุเพราะเธอไม่มีใบแจ้งเกิดด้วย
ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์