แอร์เปิดแล้วไม่เย็น “แถมค่าไฟพุ่งปรี๊ด” ที่แท้เป็นเพราะ “ปุ่มรีโมท” นี่เอง ต่อไปนี้แอร์เย็นฉ่ำ ค่าไฟไม่แพงหูฉี่อีกต่อไปแล้ว!?

หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยต่างๆ เวลาเปิดแอร์แต่ละครั้งว่า ทำไมเปิดแอร์แล้วไม่เย็นบ้าง แล้วปุ่มในรีโมทแอร์มีเอาไว้ทำไมเยอะแยะหลายปุ่มซึ่งบางปุ่มเราก็จะไม่เคยได้ใช้ด้วยซ้ำ ซึ่งในแอร์รุ่นปัจจุบัน เราสามารถปรับเลือกรูปแบบการทำงานได้ง่ายๆ เพียงกดเลือกรูปแบบการทำงาน จากปุ่มปรับเลือกโหมดการทำงานหลัก (MODE) ที่มีอยู่บนรีโมทคอนโทรล โดยเมื่อได้ทำการกดปุ่มเลือกโหมดการทำงานหลักแล้ว แอร์ก็จะจดจำการเลือกโหมดนั้นไว้ และสั่งการให้เครื่องมีการทำงานตามโหมดการทำงานที่กำหนด ต่อเนื่องกันไปตลอดที่ระยะเวลาที่แอร์ยังคงทำงาน จนกว่าจะมีการกดเปลี่ยนโหมดการทำงานอีกครั้งหนึ่ง
ผู้ใช้งานแอร์บางท่าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อาจจะไม่ค่อยเข้าใจในรายละเอียดการทำงานมากนัก และอาจจะมีบางกรณีที่เคยเผลอกดเลือกโหมดการทำงานหลักผิดไปจากเดิม แล้วพบว่าแอร์ที่เปิดอยู่นั้นกลับไม่เย็นดังที่ต้องการ จนบางครั้งก็อาจจะคิดไปไกลถึงขั้นที่ว่าแอร์เสียแล้ว แต่อันที่จริงเป็นเพียงการปรับเลือกโหมดการทำงานหลักผิดไปจากเดิมเท่านั้น วันนี้เราก็มีความลับของปุ่มบนรีโมทแอร์มาฝากกันว่า แต่ละปุ่มใช้งานอย่างไรและมีความแตกต่างกันอย่างไรโดยโหมดการทำงานหลักที่มีในแอร์ทั่วไปผู้ผลิตแอร์ในปัจจุบัน ได้ใส่โหมดการทำงานพื้นฐานมาให้ โดยโหมดการทำงานที่ว่านี้มีอยู่ด้วยกันราวๆ 4 โหมดการทำงาน ได้แก่ โหมด Auto, Cool, Fan, Dry และในแอร์รุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์รุ่นที่มาพร้อมด้วยฟังชั่นเสริมมากมาย ก็อาจจะมีอีกหนึ่งโหมดการทำงานเพิ่มเข้ามานั่นก็คือโหมด Heat โดยในแต่ละโหมดการทำงานก็ถูกออกแบบให้มีการทำงานที่ต่างกันออกไป เพื่อให้ได้ผลที่ต่างกัน รายละเอียดของแต่ละโหมดก็มีดังต่อไปนี้
สำหรับโหมดการทำงานแบบ Auto หรือการทำงานแบบอัตโนมัติ 
ในแอร์บางยี่ห้ออาจจะเรียกว่าโหมด I FEEL เมื่อกดปุ่ม Mode บนรีโมทคอนโทรล แล้วเลือกการทำงานในโหมด Auto แอร์จะตั้งอุณหภูมิและความเร็วพัดลมโดยอัตโนมัติ ระบบจะเป็นฝ่ายกำหนดอุณหภูมิและความเร็วพัดลมให้เอง ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิห้องที่เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิตรวจพบได้ในขณะนั้น
โหมดการทำงานอาจจะสลับกันเองระหว่างโหมด Cool กับ Dry 
ยกตัวอย่างเช่น หากอุณหภูมิที่ตั้งอยู่ที่ 24 องศาเซลเซียส เมื่อระบบตรวจพบว่าอุณหภูมิห้องสูงเกินกว่า 25 องศาเซลเซียส ก็จะเลือกการทำงานในโหมด Cool เพื่อทำความเย็นให้กับในห้อง และระบบจะสลับไปทำงานในโหมด Dry โดยอัตโนมัติ เมื่ออุณหภูมิห้องลดลงมาต่ำกว่าค่าของอุณหภูมิที่ตั้งไว้
ซึ่งโหมดการทำงานแบบ Auto มีกลไกลการทำงานแบบอัตโนมัติที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ก็ไม่ค่อยจะมีประโยชน์อะไรมากในการใช้งานแอร์แบบที่เราใช้กันทั่วๆไป
ขอบคุณที่มา : Tnew