ก่อนอ่านบทความนี้ลองถามตัวเองดูก่อนนะคะ
ว่าครั้งสุดท้ายที่ทำความสะอาด ทั้งกวาด ทั้งถู ทั้งดูดฝุ่น
ลึกเข้าไปถึงซอกใต้เตียง ใต้โซฟา รวมไปถึงการเช็ดหัวเตียง ขอบเตียง
และซักผ้าปูที่นอน คือเมื่อไร หากตอบไม่ได้ หรือคำตอบที่ได้คือมากกว่า 1
เดือน คุณอาจกำลังเสี่ยงโรคภูมิแพ้ ที่ทำให้เกิดอาการจาม ไอ และน้ำมูกไหลตลอดเวลาจาก “ไรฝุ่น” ภายในบ้านได้
ไรฝุ่น มีทั้งแบบขนาดใหญ่ (ใหญ่กว่า 10 ไมครอน) ที่ร่างกายของเราสามารถป้องกันได้จากขนจมูกที่ช่วยกรองเอาไรฝุ่นขนาดใหญ่ไม่ให้เข้าไปในระบบทางเดินหายใจ แต่สำหรับไรฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ที่ร่างกายของเราไม่สามารถกรองจากขนจมูกได้ อาจเข้าไปสะสมในส่วนต่างๆ ของระบบทางเดินหายใจ และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
อันตรายจากไรฝุ่นภายในบ้าน
3 ปอดเป็นพังผืด
เมื่อไรฝุ่นเข้าไปสะสมอยู่ในปอดเป็นจำนวนมาก จนทำให้เนื้อเยื่อปอดเกิดอาการระคายเคืองเป็นระยะเวลายาวนาน และเกิดเป็นพังผืดในปอดแบบเรื้อรัง จะทำให้ปอดมีประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลง
สุดท้ายแล้วอันตรายที่หลายคนไม่คาดคิด อาจเป็นเรื่องของโรคมะเร็ง
ที่ไรฝุ่นเหล่านี้อาจทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
โดนฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีสารอันตรายบางอย่างปะปนมาด้วย เช่น
ฝุ่นละอองจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือฝุ่นละอองจากท่อไอเสียรถยนต์
อาจทำให้เกิดการสะสมของสารอันตรายเหล่านั้นภายในปอด จนเกิดเป็นโรคมะเร็งปอดได้
หนำซ้ำหากสารอันตรายเหล่านั้นละลายน้ำได้
สารเหล่านั้นอาจแพร่ไปสู่อวัยวะใกล้เคียงจนอาจทำให้เป็นมะเร็งในอวัยวะส่วนอื่นได้ด้วยเช่นกัน
ต้องทำความสะอาดแค่ไหน ถึงจะกำจัดไรฝุ่นได้?
ไรฝุ่นที่เป็นแมลง 8 ขา จะอาศัยอยู่ตามบริเวณที่มีความอบอุ่น และชุ่มชื้น และอาหารที่สำคัญของไรฝุ่นยังเป็นสะเก็ดผิวหนังมนุษย์ ดังนั้นเราจึงพบไรฝุ่นตามที่นอน ผ้าห่ม หมอน มุ้ง พรม ผ้าม่าน โซฟา เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ และสามารถมีอายุได้นานถึง 2 เดือน
หากต้องการทำความสะอาดเพื่อกำจัดไรฝุ่นให้ได้มากที่สุด สามารถทำได้โดย
ทั้งนี้ เครื่องฟอกอากาศ อาจเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่หลายคนสนใจ มีประสิทธิภาพในการช่วยกรองอากาศเอาฝุ่นละอองออกไปจากห้องได้ แต่กระนั้นก็ยังไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน และหากใครที่มีอากาศภูมิแพ้และสนใจเครื่องฟอกอากาศเพื่อหวังจะช่วยลดอาการภูมิแพ้ ขอแนะนำให้เริ่มต้นที่การทำความสะอาดบ้าน โดยเฉพาะห้องที่ต้องใช้ชีวิตอยู่นานๆ อย่างห้องนอน และห้องนั่งเล่นตามวิธีด้านบน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ทานผักผลไม้ให้มากขึ้น และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เชื่อว่าวิธีนี้จะช่วยให้สุขภาพของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ดีขึ้นกว่าเครื่องฟอกอากาศแน่นอน
ไรฝุ่น มีทั้งแบบขนาดใหญ่ (ใหญ่กว่า 10 ไมครอน) ที่ร่างกายของเราสามารถป้องกันได้จากขนจมูกที่ช่วยกรองเอาไรฝุ่นขนาดใหญ่ไม่ให้เข้าไปในระบบทางเดินหายใจ แต่สำหรับไรฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ที่ร่างกายของเราไม่สามารถกรองจากขนจมูกได้ อาจเข้าไปสะสมในส่วนต่างๆ ของระบบทางเดินหายใจ และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
อันตรายจากไรฝุ่นภายในบ้าน
- ภูมิแพ้
- ระบบทางเดินหายใจผิดปกติ
3 ปอดเป็นพังผืด
เมื่อไรฝุ่นเข้าไปสะสมอยู่ในปอดเป็นจำนวนมาก จนทำให้เนื้อเยื่อปอดเกิดอาการระคายเคืองเป็นระยะเวลายาวนาน และเกิดเป็นพังผืดในปอดแบบเรื้อรัง จะทำให้ปอดมีประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลง
- มะเร็งปอด
Advertisement
ต้องทำความสะอาดแค่ไหน ถึงจะกำจัดไรฝุ่นได้?
ไรฝุ่นที่เป็นแมลง 8 ขา จะอาศัยอยู่ตามบริเวณที่มีความอบอุ่น และชุ่มชื้น และอาหารที่สำคัญของไรฝุ่นยังเป็นสะเก็ดผิวหนังมนุษย์ ดังนั้นเราจึงพบไรฝุ่นตามที่นอน ผ้าห่ม หมอน มุ้ง พรม ผ้าม่าน โซฟา เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ และสามารถมีอายุได้นานถึง 2 เดือน
หากต้องการทำความสะอาดเพื่อกำจัดไรฝุ่นให้ได้มากที่สุด สามารถทำได้โดย
- ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ม่าน พรม ฯลฯ ด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิมากกว่า 55 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที ทุกๆ 1-2 สัปดาห์
- ใช้เครื่องดูดฝุ่น หรือหลังจากกวาดบ้านแล้ว ให้ถูบ้านตามทุกครั้ง
- หากหลีกเลี่ยงการมีพรมในบ้านได้ ให้หลีกเลี่ยง เนื่องจากพรมจะเป็นตัวการสำคัญที่เก็บสะสมไรฝุ่นได้ดี และเราอาจไม่สะดวกในการยกพรมบนพื้นมาทำความสะอาดได้บ่อยๆ
- เช็ดทำความสะอาดไม่ให้มีฝุ่นเกาะบริเวณเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เช่น หัวเตียง ขอบตู้ บนโต๊ะ ชั้นวางของ ฯลฯ
- นำที่นอน และหมอนมาตากแดดอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง จะช่วยกำจัดไรฝุ่นไปได้เช่นกัน
- อย่าลืมหมอนใบเล็ก และตุ๊กตา ที่ต้องนำมาซักทำความสะอาด หรือตากแดดด้วย
ทั้งนี้ เครื่องฟอกอากาศ อาจเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่หลายคนสนใจ มีประสิทธิภาพในการช่วยกรองอากาศเอาฝุ่นละอองออกไปจากห้องได้ แต่กระนั้นก็ยังไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน และหากใครที่มีอากาศภูมิแพ้และสนใจเครื่องฟอกอากาศเพื่อหวังจะช่วยลดอาการภูมิแพ้ ขอแนะนำให้เริ่มต้นที่การทำความสะอาดบ้าน โดยเฉพาะห้องที่ต้องใช้ชีวิตอยู่นานๆ อย่างห้องนอน และห้องนั่งเล่นตามวิธีด้านบน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ทานผักผลไม้ให้มากขึ้น และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เชื่อว่าวิธีนี้จะช่วยให้สุขภาพของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ดีขึ้นกว่าเครื่องฟอกอากาศแน่นอน
ขอขอบคุณ
ภาพ :iStock